เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 175 ข้อสงสัยและทางเลือก
- Home
- เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
- ตอนที่ 175 ข้อสงสัยและทางเลือก
Sign in Buddha’s palm 175 ข้อสงสัยและทางเลือก
จักรพรรดิถังดูเคร่งขรึมขึ้น วางงานทุกอย่างที่ทําอยู่ทันที ถามย้ำขันทีที่อยู่เบื้องหน้าของตน “เจ้าหมายถึง พี่สามของข้า ได้เรียกข้าให้ไปพบที่พระราชวังคุนหนิงใช่หรือไม่?”
“รายงานฝ่าบาท นั่นคือคํากล่าวที่พระมาตุลาแห่งอาณาจักรตรัสมา”
“ข้าเข้าใจแล้ว” จักรพรรดิถังคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงโบกมือว่าเข้าใจ
ต่อจากนั้น จักรพรรดิถังจึงตรัสเรียกซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าวและซูเฉิงยู่ให้ไปที่พระราชคุนหนิงด้วยกัน
ระหว่างทางที่เดินไป ไม่ว่าจะเป็นซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮาวหรือซูเฉิงยู่ต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัย จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าตนกําลังอยู่ในความฝัน
ไม่ช้านาน
คนทั้งหลายก็มาถึงพระราชวังคุนหนิง
เห็นซูฉินยืนอยู่เงียบๆ บริเวณนั้น ดูเหมือนว่าจะคอยมาเป็นเวลานานแล้ว
“พี่พี่สาม…”
จักรพรรดิเอ่ยออกมาด้วยความไม่สบายใจ ซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าวและซูเฉิงยู่ก็มองมาที่ซูฉินด้วยความรู้สึกอันแปลกประหลาด
ในตอนนี้ซูฉินไม่ได้เป็นเพียงคนในครอบครัวของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นตํานานยุทธที่ไร้คู่ต่อกร สามารถสังหารราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนรวมทั้งเผากองทัพทหารกว่าห้าล้านนายได้
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีข้อสงสัยมากมาย”
ซูฉินหันกลับมามองจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ แล้วจึงพูดต่อว่า “แต่ก่อนที่จะว่ากล่าวกันถึงเรื่องนั้น มาปลุกน้องเล็กกันก่อนดีกว่า”
น้ำเสียงของซูฉินนั้นเรียบง่าย ราวกับเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าไม่เห็นด้วยตาของตนเองก็คงไม่มีใครเชื่อมโยงคนตรงหน้ากับตัวตนอย่างตํานานยุทธผู้ไร้พ่ายที่ต่อกรกับกองทัพแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนได้
“เยี่ยม”
ดวงตาของจักรพรรดิถังเป็นประกาย
เมื่อสองปีที่แล้ว ซูเยว่หยุนหลับใหลไปเพราะดูดซับหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาไปหนึ่งหยดจนบัดนี้ก็ยังไม่ตื่น
หลังจากนั้นไม่นาน
ซูฉินและคนอื่นๆ ก็เดินเข้าไปด้านในของพระราชวังคุนหนิง มองดูซูเยว่หยุนที่กําลังนอนอยู่บนเตียง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซูเยว่หยุนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย และนางก็ดูอ่อนกว่าวัยเนื่องด้วยการบํารุงจากหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาที่อยู่ในร่างของนาง
“ใกล้จะตื่นแล้ว”
ซูฉินเหลือบมอง ยื่นมือขวาออกไปกดที่คิ้วของซูเยว่หยุน
หวึ่ง!!
เร็วจนไม่ทันรู้ตัว
ซูเยว่หยุนก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า “ที่นี่คือที่ไหน?”
“ข้าอยู่ในสวนต้องห้ามมิใช่หรือ?”
ซูเยว่หยุนกะพริบตาปริบๆ หันไปมองจักรพรรดิถัง ซูชื่อหมิน รวมถึงคนอื่นๆ
“หยุนเหนียง”
จักรพรรดิดูยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าว และซูเฉิงยู่ ทั้งสามคนก็มีความสุขไม่ต่างกัน
หลังจากคุยกันไปสักพัก พวกเขาก็กลับมาสนใจซูฉินอีกครั้งหนึ่ง
ซูฉินดูสงบนิ่ง พูดขึ้นเบาๆ “หากพวกเจ้ามีคําถามใด พวกเจ้าสามารถถามได้เลย”
เมื่อคําถูกกล่าวออก จักรพรรดิถังและคนอื่นๆ ก็มองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามก่อน
ในท้ายที่สุด ซูเฉิงฮ่าวก็กัดฟันถามออกไปว่า “เรื่องที่ด้านนอกเมืองฉางอันนั่น…”
เมื่อซูเฉิงฮ่าวกล่าวออก ทุกๆ คนรวมถึงจักรพรรดิถังก็เงี่ยหูฟัง อยากได้ยินคําตอบจากปากของซูฉิน
แม้ว่าพวกเขาจะยืนยันคําตอบในใจได้แล้ว แต่ก็ยังต้องการจะได้ยินคําตอบจากปากของซูฉินอยู่ดี
“เป็นฝีมือของข้าเอง”
ซูฉินเหลือบตามองดูกลุ่มคนตรงหน้าและพูดอย่างใจเย็น
เมื่อซูเฉิงอ่าวได้ยินคําตอบ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างแล้วพูดว่า “งั้นเจ้าก็เป็นตํานานยุทธอย่างนั้นหรือ?”
ซูฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวคํา “ประมาณนั้น”
ไม่ว่าจะเป็นอรหันต์หรือตํานานยุทธ ทั้งสองสิ่งก็ล้วนเป็นระดับขั้นพลังของผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในชั้นเดียวกัน จะแตกต่างก็เพียงนามเรียกขานเท่านั้น
เมื่อได้ยินคํายืนยันจากปากของซูฉินแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิถังหรือตระกูลซู ทุกคนล้วนตกตะลึง หากพวกเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามรบด้วยสายตาของตนเอง ต่อให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด ในสายตาของพวกเขาซูฉินเป็นบุคคลผู้อ่อนโยน บุคคลเช่นนี้กลับกลายเป็นตํานานยุทธที่อยู่ในยุคสมัยนี้
“น้องเล็ก”
“ทําไมเจ้าถึงดูไม่แปลกใจเลย?”่
ซูเฉิงฮ่าวหันเหสายตากลับมา เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ดูเหมือนกําลังครุ่นคิดของซูเยว่หยุน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
ในความเห็นของเขา น้องเล็กหลับใหลไปนานแล้ว และจู่ๆ ก็ได้รู้ว่าพี่สามของนางเป็นตํานานยุทธ ไม่ถึงกับจะต้องตกใจก็ได้ แต่คงไม่ทําหน้าสงบนิ่งได้ขนาดนี้
“ที่จริงข้าเคยคิดอยู่แล้วว่าพี่สามหาใช่คนธรรมดาไม่…”
ซูเยว่หยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยคํา
“อะไรนะ?”
จักรพรรดิถังและตระกูลซูมองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ
แม้แต่จักรพรรดิถังก็เพิ่งจะทราบความจริงเรื่องนี้ ซูเยว่หยุนสามารถคาดเดาทุกสิ่งได้เช่นไร?
ซูเยว่หยุนเห็นว่าทุกคนงุนงง ก็ไม่ได้ปิดบัง กล่าวออกไปตามตรงว่า “ข้าเคยพูดคุยกับพี่สามยามที่ราชาหัวเมืองทั้งสิบนํากองทัพนับล้านมาบุกเมือง ในเวลานั้นที่สามบอกกับข้าว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกไปหลายพันลี้สังหารราชาหัวเมืองทั้งสิบในส่วนลึกของกองทัพนับล้านนาย…”
“แล้วทําไมเจ้าถึงไม่บอกข้า” จักรพรรดิถังถอนหายใจ “ตอนนั้น ข้าแทบจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน”
ถ้าจักรพรรดิถังในตอนนั้นทราบว่าพี่สามเป็นตํานานยุทธ เขาจะนอนหลับไม่ลงเช่นนั้นอีกหรือ?
“ยามนั้นข้าไม่แน่ใจ” ซูเยว่หยุนจ้องไปที่จักรพรรดิถังและพูดต่อ “ต่อมาข้าก็พบว่าความแข็งแกร่งของหว่านเอ๋อพัฒนาขึ้นเร็วมากจนเกินไป ข้าเองก็เป็นจอมยุทธ ข้านั้นรู้ว่าพรสวรรค์ของหว่านเอ๋อนั้นยอดเยี่ยมมากจริง ๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวกระโดดได้ถึงเพียงนี้”
“และหว่านเอื้อมักจะวิ่งไปหาพี่สามอย่างกระตือรือร้นอยู่เสมอ…”
ซูเยว่หยุนกล่าวต่อไปว่า “ดังนั้น ข้าเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของหว่านเอ๋อจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่สามอย่างแน่นอน”
“หว่านเอ๋อ…” ร่องรอยความอับอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดิถัง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจส่วนใหญ่ให้กับกิจการในราชสํานัก ตัวเขาเองไม่ได้สนใจหลีหว่านมากนัก
“และสุดท้าย พี่สามก็ได้ทําให้ดอกท้อภายในสวนต้องห้ามเบ่งบานขึ้นต่อหน้าต่อตาข้า ข้าเองก็มิใช่คนโง่” ซูเยว่หยุนกล่าวออกมาจนจบ
“ปรากฏว่ากลิ่นหอมดอกไม้ที่ข้าได้กลิ่นในวันนั้น มีความเป็นมาเช่นนี้นี่เอง!” ซูเฉิงฮ่าวตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด
ซูชื่อหมินและคนอื่นๆ ก็ตระหนักได้ด้วยเช่นกัน
ในเวลานั้นพวกเขาก็ยังสงสัยกันอยู่ว่ากลิ่นดอกไม้นั้นมาได้อย่างไร และซูเฉิงฮ่าวก็อยากจะถามซูฉินเช่นกัน เพียงแต่ซูชื่อหมินได้ปรามเอาไว้เพราะต้องการจะให้ซูฉินได้พักผ่อน
ส่วนหลังจากนั้น ทุกคนก็ลืมเลือนเกี่ยวกับมันไป ปล่อยเรื่องราวไว้แบบนั้น
“เอาล่ะ”
“พี่สาม ข้ายังมีคําถามอยู่”
ในขณะนี้ ซูเยว่หยุนมองไปที่ซูฉิน อดไม่ได้ที่จะเปิดปากถาม
“พูดมาเถอะ” ซูฉินกล่าวคําเบาๆ
“หลายสิบปีก่อน มีข่าวลือว่าวัดเส้าหลินให้กําเนิดอรหันต์ขึ้นมา”
เมื่อซูเยว่หยุนกล่าวมาถึงตอนนี้ นางก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ในตอนนั้น พี่สามก็บังเอิญอยู่ในวัดเส้าหลินด้วย”
ทันทีที่ซเยว่หยุนพูดเช่นนี้ออกไป สีหน้าของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และมองไปที่ซูฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าคงอยากจะถามว่า อรหันต์จากวัดเส้าหลินเกี่ยวข้องอะไรกับข้า อย่างนั้นสินะ?” ซูฉินมองไปที่ซูเยว่หยุนด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า
“อรหันต์จากวัดเส้าหลินผู้นั้นก็คือข้าเอง” ซูฉินคิดคะนึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
ทันใดนั้น
ก็เกิดคลื่นลมลูกใหญ่ภายในใจของซูชื่อหมินและคนตระกูลซู
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าตั้งแต่ครั้งเมื่อยังไม่ออกจากวัดเส้าหลิน ซูฉินก็มีพลังในระดับอรหันต์อยู่แล้ว?
ต่อจากนั้น
จนความสงสัยของทุกผู้ทุกคนถูกขจัดปัดเป่าไปอย่างสมบูรณ์ ซูฉินยังคงกล่าวต่อไปว่า “ในเมื่อพวกเจ้าได้รับรู้แล้ว ตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกแก่พวกเจ้า”
“ทางเลือก?”
จักรพรรดิถังและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกตื่นเต้น และทราบในทันทีว่าสิ่งที่ซูฉินจะกล่าวต่อไปนี้อาจจะเป็นสิ่งที่มีความสําคัญอย่างสูงยิ่ง
เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้ ทุกคนต่างก็กลั้นลมหายใจ ตั้งใจรับฟัง