เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 206 ฮือฮา
เจ้าเมืองอินจี่ตายแล้ว!
ราชาปีศาจภายในเมืองเมฆาปีศาจต่างชําเลืองมองกันเองทุกคนต่างตกตะลึง
เจ้าเมืองอินจี้คือใคร? เขาคือทรราชผู้ครองดินแดนในรัศมีล้านนี้และได้เข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจระดับสูงตั้งแต่ เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว
และเมื่อกว่าสองร้อยปีก่อน เจ้าเมืองอินจี้ยังได้ไปยังส่วนลึกของโลกเพื่อเข้าคารวะเทพเจ้าปีศาจและได้รับของขวัญมาจากเทพเจ้าปีศาจอีกด้วย
เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ชายผู้แข็งแกร่งเช่นนี้มาตกตายด้วยน้ํามือของซูฉิน
“นายท่าน…………”
ราชาปีศาจหลายตน ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม
ก่อนหน้านี้ซูฉินกดขี่พวกมันด้วยจิตมาร แม้ว่าราชาปีศาจเหล่านี้จะเชื่อฟังคําสั่ง แต่ก็ยังมีความคับแค้นภายในใจอยู่
แต่ยามนี้ เจ้าเมืองอินจี้ที่ราวกับภูเขาสูงใหญ่ในสายตาพวกมันได้ตกตายด้วยน้ํามือของซูฉิน ราชาปีศาจเหล่านี้จึงยอมจํานนอย่างสมบูรณ์
ในโลกถ้ําปิศาจนั้นเคารพผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอเมื่อซูฉินมีความแข็งแกร่งมากมายเพียงนี้ ย่อมไม่มีเผ่าพันธุ์ปีศาจตนใดกล้าคิดแค้นเป็นอริศัตรู
ซูฉินเพิกเฉยต่อการนอบน้อมของเหล่าราชาปีศาจเขาหันมองออกไปนอกเมืองเมฆาปีศาจ
ในขณะนี้ ภายใต้ทิพยอํานาจ “เรียกลมเรียกฝน” กองทัพจักรกลของเผ่าปีศาจนับล้านแทบจะสลายหายไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้นซูฉินก็สั่งการด้วยจิตจากนั้นทิพยอํานาจ“เรียกลมเรียกฝน”ก็ค่อยๆหายไป
“มันกินแก่นแท้แห่งมารไปเกือบหนึ่งส่วน…”
จิตใจของซูฉินดําดิ่งอยู่ในภวังค์
ทิพยอํานาจแบ่งออกเป็นสองประเภทหนึ่งคือประเภทเรียกใช้และอีกประเภทคือทักษะติดตัว
ประเภทแรกกินพลังงาน ส่วนประเภทหลังไม่ต้องจ่ายพลังงานแต่อย่างใด
ตัวอย่างเช่น ดวงตาแห่งสัจจะเป็นทิพยอํานาจเป็นประเภททักษะติดตัวตราบใดที่ซูฉินต้องการเขาสามารถใช้ดวงตาแห่งสัจจะได้สิบสองชั่วโมงต่อวัน
ส่วน “เรียกลมเรียกฝน” นั้นกินพลังงานประเภทนี้ส่วนใหญ่จะใช้แก่นแท้แห่งพลัง บางครั้งก็ใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์หรือใช้ทั้งคู่ประกอบกัน
“โอ้?”
ซูฉันเลิกคิ้วขึ้น เหมือนกับค้นพบบางสิ่งมองไปยังจุดที่เจ้าเมืองอินจีสลายหายไป
ช่วงเวลาต่อมา
กําไลข้อมือสีดําก็ลอยมาอยู่เบื้องหน้าซูฉิน
“นี่คือ?”
ซูฉินมองไปที่กําไลข้อมือสีดําอันนี้ ใบหน้าดูครุ่นคิด
กําไลข้อมือสีดําวงนี้ มันให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับมีดเทพเจ้าปีศาจ
แน่นอนว่ามันก็เป็นเพียงความรู้สึกกลิ่นอายของกําไลข้อมือสีดํานั้นด้อยกว่ามีดเทพเจ้าปีศาจมากคล้ายกับของที่ยังไม่สมบูรณ์
“เป็นอุปกรณ์ของเทพเจ้าปีศาจ?”
ซูฉินแตะปลายคางคาดเดาภายในใจ
นอกจากนี้ซูฉินยังรู้สึกได้ถึงไอพลังเดียวกับของกองทัพจักรกลปีศาจทั้งสิบล้านอยู่บนตัวกําไลข้อมือสีดําสนิทนี้ด้วย
“น่าสนใจ”
ซูฉินตรวจสอบกําไลข้อมือซ้ําหลายครั้งจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครแสดงความเป็นเจ้าของมันเอาไว้เขาจึงเก็บมันไปพร้อมเดินกลับไปยังส่วนลึกของโถงใหญ่ใจกลางเมือง
“นายท่าน..”
ร่องรอยความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโม่จีซูฉินไม่ได้ชายตาแลตัวนางเลยตั้งแต่ปรากฏตัวออกมาจนกระทั่งจากไปสิ่งนี้ทําให้โม่จีสงสัยว่านางทําอะไรผิดไปหรือเปล่า
ในตอนนั้นเอง
เสียงอันสงบนิ่งก็ลอยเข้ามาในหูของโม่จี
“เจ้าก็ตามเข้ามาด้วย”
“เจ้าค่ะ นายท่าน” ดวงตาของโม่จีเป็นประกายนางรีบสาวเท้าอย่างรวดเร็วตามไปยังโถงใหญ่ภายในเมืองทันที
และในยามนี้
ข่าวการล่มสลายของเจ้าเมืองอินจี้ก็แพร่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด
เจ้าเมืองอินจี้เป็นบุรุษที่ทุกคนรู้กันดีว่าแข็งแกร่งในรัศมีหนึ่งล้านนี้เป็นธรรมดาที่จะเขาดึงดูดความสนใจได้เป็นจํานวนมากโดยเฉพาะศัตรูเก่าแก่
ในโลกถ้ําปีศาจ ยกเว้นไว้แต่ส่วนลึกของโลก ราชาปีศาจระดับสูงยังถือว่าเป็นตัวตนที่หายากในหลายพื้นที่และหาได้ยากยิ่งกว่าที่ราชาปีศาจระดับสูงจะต่อสู้กันถึงแก่ชีวิต
นอกจากนี้ซูฉินยังไม่ได้ปิดบังการต่อสู้ระหว่างตนกับเจ้าเมืองอินจี้กลับลงมือต่อหน้าผู้คนมากมายในเมืองเมฆาปีศาจ
ดังนั้น เพียงไม่นานหลังจากที่เจ้าเมืองอินจี่ตายไปข่าวนี้ก็ล่วงรู้ถึงหูเจ้าเมืองใหญ่คนอื่นๆ เรียบร้อย
“เจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองเมฆาปีศาจจะแข็งแกร่งปานนั้นได้เยี่ยงไรไร้เหตุผลสิ้นดี เจ้าเมืองอินจี้เข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจระดับสูงมานานกว่าสองร้อยปีแล้วไม่ใช่หรือ?”
มีร่างหนึ่งสวมชุดคลุมสีดําผืนใหญ่ ร่างของมันสูงชะลูดปกคลุมไปด้วยไปด้วยความมืดมิดทั่วทั้งตัว กําลังทําหน้างนงงอยู่
“ท่านเจ้าเมือง มีข่าวลือมากมายในตอนนี้บอกว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่ออกมาพร้อมกับพายุและฝนห่าใหญ่เจ้าเมืองอินจี้และราชาปีศาจในอาณัติมากกว่าสิบตนถูกทําลายภายใต้สายลมและหยาดฝนกลุ่มนี้”
ปีศาจตัวอ้วนที่อยู่ด้านข้างเป็นผู้พูด
“ถูกทําลายภายใต้สายลมและหยาดฝน?” ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดําส่ายหัวเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อถือ
แม้เขาจะรู้สึกว่าข่าวลือนั้นเหลือเชื่อเกินไปสายลมและหยาดฝนประเภทใดกันที่สามารถสังหารราชาปีศาจระดับสูงได้?
“อย่างไรก็ตาม การตายของเจ้าเมืองอินจี้เป็นความจริงและเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่นี้เป็นไปได้ก็อย่าไม่ไปยั่วยุมันเด็ดขาด”
ร่างสูงในชุดคลุมสีดําตัวใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงออกคําสั่ง
เขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้นแต่เนื่องจากเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่สามารถสังหารเจ้าเมืองอินจีได้แสดงให้เห็นว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าคู่ต่อสู้
เจ้าเมืองอินจี้เป็นราชาปีศาจระดับสูงมานานกว่าสองร้อยปีแล้วแต่เจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่ก็ยังรั้งเอาไว้ได้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตราชาปีศาจขั้นสูงสุดแล้ว
หรือเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่อาจจะเป็นขั้นสูงสุดของขอบเขตราชาปีศาจก็เป็นได้
การเป็นราชาปีศาจขั้นสูงสุดเพียงพอที่จะออกเดินทางไปตามดินแดนต่างๆ แม้แต่ราชาปีศาจระดับสูงก็ยังเต็มใจจะอยู่ใต้อาณัติซึ่งไกลเกินกว่าพวกเขาจะเทียบได้
มีเพียงสิ่งนี้ที่อธิบายได้ว่าทําไมเจ้าเมืองอินจี้จึงทําไม่ได้แม้แต่จะหลบหนี ทั้งยังสิ้นชีพลงอย่างสมบูรณ์
รู้หรือไม่ว่าการเอาชนะราชาปีศาจระดับสูงนั้นไม่ยากแต่หากต้องการจะสังหารราชาปีศาจระดับสูงนั้นกลับยากเย็นราวกับเอื้อมให้ถึงท้องฟ้า
ไม่มีปีศาจตนใดที่สามารถไปถึงขอบเขตราชาปีศาจระดับสูงแล้วยังเป็นตัวโง่งม เมื่อรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะได้พวกมันย่อมต้องหนีอย่างแน่นอน
และหากราชาปีศาจระดับสูงตั้งใจจะหนีเอาชีวิตรอดเว้นแต่จะมีความห่างชั้นที่มากเกินไป อย่างไรก็สามารถมีชีวิตอ ยู่ต่อไปได้
“ขอรับ” ปีศาจอ้วนโค้งคํานับ
และในเมืองใหญ่อื่นๆ เหล่าราชาปีศาจต่างอยู่ในอาการเคร่งขรึมจริงจัง
“เจ้าเมืองอินจีนั้นข้าเคยพบเขามาแล้วความแข็งแกร่งของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก และคาดว่าจะเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจขั้นสูงสุดได้ภายในร้อยปี”
“น่าเสียดายที่ต้องมาจบชีวิตด้วยน้ํามือของเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่คือใคร?”
“ไม่แน่ใจเลย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
ปีศาจที่มีกลิ่นอายถึงขอบเขตราชาปีศาจต่างมาพูดคุยกันจู่ๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันปรากฏตัวขึ้น เป็นธรรมดาที่จะสงสัยใคร่รู้
“บางที หลังจากนี้ข้าคงต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนเจ้าเมืองเมฆาปีศาจคนใหม่เสียแล้ว?”
หนึ่งในราชาปีศาจกระซิบคํา แน่นอนว่าการเยี่ยมเยียนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการยั่วยุถึงหน้าประตูเมืองแต่เป็นการเยี่ยมเยียนตามปกติ
“ในดินแดนปีศาจของข้า จู่ๆก็มีบุคคลผู้แข็งแกร่งที่มีโอกาสเป็นถึงราชาปีศาจขั้นสูงสุดโผล่ขึ้นมาหรือนี้อาจจะเป็นการวางหมากอย่างลับๆของดินแดนใหญ่แห่งอื่นก็เป็นได้”
“ดูเหมือนว่าจะต้องแจ้งจ้าวดินแดนโม่ฮว่าให้ทราบเรื่องนี้เสียแล้ว”
บนหน้าผาสูงชันมีปีศาจที่ใบหน้ารางเลื่อนบ่นพึมพําอยู่กับตนเอง
แม้ว่าปีศาจใบหน้ารางเลื่อนผู้นี้จะไม่ได้แผ่ไอพลังใดๆออกมาแต่ปราณปีศาจฟ้าดินซึ่งปกติจะผันผวนรุนแรงกลับสงบนิ่งเชื่องเชื่ออย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าปีศาจตนนี้
ขณะที่ภายนอกกําลังปั่นป่วนพูดคุยกันว่าจะต้องนําซูฉินเข้าไปอยู่ในรายการของผู้ที่ไม่ควรยั่วยุ
ซูฉินได้กลับเข้ามายังส่วนลึกของโถงใหญ่ใจกลางเมือง
ต้นไม้โบราณแกว่งไกวไปมา ปราณปีศาจจํานวนมากมารวมตัวกันและหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของซูฉินอย่างต่อเนื่อง
“น่าเสียดายนัก”
“ที่ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ได้อีกต่อไป”
“มิเช่นนั้นมันจะเป็นขุมสมบัติชั้นยอดสําหรับการฝึกฝนเลยทีเดียว”
ซูฉินถอนหายใจเบาๆ
ต้นไม้โบราณต้นนี้เป็นกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ปีศาจโบราณที่แท้จริง มีความสามารถในการช่วยควบรวมป ราณปีศาจตามธรรมชาติไม่ว่าปีศาจตนใดที่มา บ่มเพาะใต้ร่มไม้โบราณนี้ จะได้รับผลเป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดจึงมีราชาปีศาจอยู่ในทุกๆเมืองใหญ่
สมัยก่อน เทพเจ้าปีศาจในส่วนลึกของโลกได้กระจายกิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจโบราณไปยังสถานที่ต่างๆภายในโลกถ้ําปีศาจโดยตั้งกิ่งไม้เป็นแกนหลักและสร้างเมืองใหญ่มากมายในโลกถ้ําปิศาจ
ขณะที่ซูฉินกําลังคิดเรื่องนี้อยู่
โม่จีก็เดินเข้ามาด้วยความเคารพ
“นายท่าน” โม่จีลังเลเล็กน้อยและในที่สุดก็กัดฟันกล่าวคําออกมา “นายท่านได้สังหารเจ้าเมืองอินจี มันจะต้องดึงดูดความสนใจของจ้าวดินแดนอย่างแน่นอน ”
“จ้าวดินแดน?” ซูฉินขมวดคิ้ว
“มิผิด” โม่จีกล่าวคําอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่านายท่านไม่ต้องกังวลจ้าวดินแดนเป็นตัวตนเช่นไร? อีกครึ่งก้าวก็ จะออกจากขอบเขตราชาปีศาจแล้วสําหรับจ้าวดินแดนนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงการตายของเจ้าเมืองอินจี้ แม้ว่าจะมีเจ้าเมืองตายไปนับแสนเขาก็จะไม่เคลื่อนไหว”
ซูฉินฟังอยู่พักใหญ่ก็พอเข้าใจคร่าวๆ ว่าตัวตนของจ้าวดินแดนภายในโลกถ้ําปีศาจคือสิ่งใด
ในโลกถ้ําปิศาจ นอกเหนือจากส่วนลึกของโลกแล้วทุกๆรัศมีสิบล้านจะนับเป็นดินแดนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นเมืองเมฆาปีศาจหรือเมืองอินจี้ก็ล้วนอยู่ภายในดินแดนโม่ฮว่าทั้งนั้น
ส่วนจ้าวดินแดนโม่ฮว่า
คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนโม่ฮว่าทั้งหมด
เกือบจะหลุดพ้นออกจากขอบเขตราชาปีศาจแล้ว
“เกือบจะหลุดพ้นจากขอบเขตราชาปีศาจ?”
“ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี?”
ซูฉันคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังจนเกินไป
ตราบใดที่จ้าวดินแดนโม่ฮว่ายังไม่เลยขอบเขตราชาปีศาจอย่างสมบูรณ์ ซูฉินก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก และเขาเองก็มี ไฟลับมากมายในมือโดยเฉพาะตอนนี้อาณาเขตก็ได้ควบแน่ นสําเร็จแล้วแม้จะได้เผชิญหน้ากับจ้าวดินแดนโม่ฮว่าจริงๆก็มีความมั่นใจว่าสามารถต่อต้านได้
“เอาล่ะ”
“ข้ามีเรื่องบางอย่างที่จะต้องแจ้ง”
ซูฉินมองไปที่โม่จีและกล่าวคําออกมาเบาๆ
“นายท่าน พูดมาได้เลย” นางรีบกล่าวตอบทันที
“ข้าจะออกจากเมืองเมฆาปีศาจไปยังเมืองอินจ์” ซูฉินกล่าวออกอย่างไม่ลีลา
เนื่องจากไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ที่เมืองเมฆาปีศาจได้อีกต่อไป ซูฉินจึงต้องไปที่อื่น บังเอิญว่าเจ้าเมืองอินจี้ได้ตกตายภายใต้น้ํามือเขาไปแล้วดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไปยังเมืองอินจี้
อย่างไรเสีย เมืองใหญ่ๆภายในโลกถ้ําปิศาจล้วนมีกิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจโบราณ
หลังจากที่ซูฉิน กอบโกย จากกิ่งก้านต้นไม้ปีศาจโบราณ ภายในเมืองเมฆาปีศาจจนเกลี้ยงแล้ว เขา ก็ย่อมเปลี่ยนไปกอบโกย” ที่อื่นแทน
“อะไรนะ?”
โม่จีเบิกตากว้างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
นางนึกไม่ถึงว่าซุฉินกําลังจะออกจากเมืองเมฆาปีศาจไป
“ข้าจะมอบทางเลือกให้เจ้าสองทาง” ซูฉินเหลือบมองโม่จีแล้วจึงพูดต่อ“หนึ่งคือการอยู่ในเมืองเมฆาปีศาจต่อไปเจ้าสามารถเป็นรองเจ้าเมืองต่อไปได้”
“นายท่านอยู่ที่ไหน โม่จีก็จะอยู่ที่นั่น นายทานอย่าได้ทอดทิ้งโมจี”นัยน์ตาของโม่จีรื้นแดงมัวไปด้วยคราบน้ําตานางสะอื้นไห้
แน่นอนโม่จีรู้ดีว่าเหตุผลที่นางเป็นรองเจ้าเมืองเมฆาปีศาจได้นั้นทั้งหมดเป็นเพราะมีซูฉันยืนอยู่เบื้องหลัง
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามข้ามา” ซูฉินพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงกล่าวคํา
สําหรับซูฉิน แม้ว่าโม่จีจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนักแต่อย่างน้อยระหว่างที่เขาปิดด่านฝึกตนก็ยังสามารถจัดการเมืองเมฆาปีศาจได้อย่างเป็นระบบระเบียบ
อย่างน้อยก็สามารถปิดด่านได้ครู่หนึ่งไม่ต้องกังวลว่าจะต้องถูกรบกวนจนออกจากด่านฝึกตน
และการที่ซูฉินไปยังเมืองอินจีครานี้ คาดว่าเขาก็ยังคงต้องปิดด่านฝึกตนต่อไปยามนี้หากมีผู้ช่วยอย่างโม่จีคอยดูแลเรื่องจุกจิกทั้งหลายภายในเมืองอินจีให้ก็คงจะช่วยเขา ประหยัดแรงไปได้เยอะ
ในเวลาเดียวกัน
ใต้เมืองฉางอัน
ภายในโถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้ดิน
ซูฉินพลันลืมตาขึ้น มองไปยังทิศทางหนึ่ง
“นั่นคือ?!”