เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 224 สอบถาม
Sign in Buddha’s palm 224 สอบถาม
นักพรตเฒ่าไม่เคยรู้สึกไร้อํานาจเช่นนี้มาก่อน
เขาเป็นผู้อาวุโสของสํานักเอกะวิถี ถ้านับศิษย์ในสํานักเอ กะวิถีทั้งหมด ยกเว้นก็แต่บรรพชนที่หลับใหล เขาไม่เคยเกร งกลัวผู้ใดเลย และแม้แต่ผู้อาวุโสในนิกายใหญ่คนอื่นๆ ก็ไม่ กล้าล่วงเกินเมื่อพบกับเขา เนื่องด้วยมีสํานักเอกะวิถีอยู่เบื้อ งหลัง
แต่ในตอนนี้ ความมั่นใจในตัวตนของเขาดูทั้งจืดจางและอ่ อนแอเพราะชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
นักพรตผู้มากประสบการณ์ไม่รู้ทั้งชื่อและที่มาของซูฉิน และแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างซูฉินกับจ้าวทะเลบูรพาก็ไม่ชัดเจน สิ่งเดียวที่เขารู้คือซูฉินเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่สามารถควบแน่นอาณาเขตได้อาณาเขต
ตํานานยุทธขั้นสูงสุด!
ในยุทธภพต่างแดน คําเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเมื่อสองสิ่งนี้อยู่ร่วมกัน มันก็เพียงพอแล้วที่จะอยู่เหนือสุดในยุทธภพต่างแดน
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่สามารถควบแน่นอาณาเขตได้นั้น แม้ว่าจะนับบรรพชนที่หลับใหลภายในนิกายใหญ่เข้าไปแล้ว เกรงว่าก็คงจะมีไม่มากนัก
สิ่งที่น่ากลัวก็คือพลังและเลือดเนื้อของซูฉินนั้นยังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง แม้ว่านักพรตเฒ่าจะมองอายุที่แท้จริงของซูฉินไม่ออก แต่เขาก็พอจะรู้ว่าซูฉินยังห่างไกลจากบั้นปลายชีวิตนัก
ความแข็งแกร่งของฐานการบ่มเพาะนั้นแน่นอนว่าเป็นส่วนหลักของเหล่าจอมยุทธ แต่ระดับพลังชีวิตและเลือดเนื้อก็มีความสําคัญไม่แพ้กัน
“หากผู้อาวุโสมีข้อสงสัยใดให้ถามข้าได้โดยตรงเลย ผู้น้อยจะไม่ปิดบังแม้แต่ครึ่งคํา”
นักพรตผู้เจนโลกสงบใจลง แสดงตนเป็นผู้น้อยอย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นถึงความนับถืออย่างยิ่ง
ในสายตาของนักพรตเฒ่า แม้ซูฉินจะดูเด็ก แต่ด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าว เขาจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาสี่ร้อยถึงห้าร้อยปีแล้วเป็นแน่
ส่วนรูปลักษณ์
สําหรับตํานานยุทธ การคงความอ่อนเยาว์ก็เพียงต้องอาศัยวิธีการเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
“ผู้อาวุโส?”
ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย อายุที่แท้จริงของเขายังไม่ถึงห้าสิบปีด้วยซ้ํา อายุโดยรวมของเขาคงเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของอายุของนักพรตเฒ่าที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับถูกอีกฝ่ายเรียกว่าผู้อาวุโส?
เพียงแต่ในทางการฝึกยุทธ ผู้เชี่ยวชาญย่อมถูกยกย่องเป็นครูบาอาจารย์ซูฉินเหนือกว่านักพรตเฒ่าทั้งในด้านความแข็งแกร่งและฐานการบ่มเพาะ ก็ควรจะเรียกซูฉินว่าผู้อาวุโสได้
“พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่?” ซูฉินเหลือบมองนักพรตเฒ่า แล้วถามอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
ไม่ว่าจะเป็นหมิงโยว จอมยุทธอีกสองคน แม้กระทั่งนักพรตเฒ่าที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาล้วนเป็นตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่สี่ขั้นสูงสุด โดยเฉพาะหมิงโยวที่ก้าวเท้าเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่ห้าไปครึ่งก้าวแล้ว
บุคคลผู้ทรงพลังอํานาจเช่นนี้ ปกติจะไม่ได้พบเห็นได้โดยง่ายแม้จะผ่านไปหลายยุคหลายสมัย แต่บัดนี้กลับบุกเข้ามาในเกาะหยิงโจวกันเป็นกลุ่ม
“ผู้อาวุโส”
“ข้ามาที่นี่เพื่อค้นหาสาเหตุการตายของกลุ่มศิษย์ในนิกายที่ตกตายกันอย่างกะทันหัน”
นักพรตเฒ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเรียบเรียงคําพูด กระซิบตอบออกไป
“ศิษย์นิกายที่ตกตายอย่างกะทันหัน?”
ใบหน้าของซูฉินครุ่นคิดและพูดออกมาเบาๆ “ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สามที่มีกลิ่นอายคล้ายๆกับเจ้า?”
“เป็นเช่นนั้น”
นักพรตเฒ่าตกใจเล็กน้อยและถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโสเคยเห็นพวกเขาหรือ?”
“ข้าน่าจะเคยเห็นจริงๆ”
น้ําเสียงของซูฉินสงบ ไม่มีความสั่นไหวใดๆ “ข้าน่าจะเป็นคนสังหารพวกเขาเอง”
นานมาแล้ว ตํานานยุทธจากต่างแดนหลายคนต้องการจะเข้ายึดครองเมืองฉางอัน เป็นผลให้ซูฉินต้องออกจากด่านฝึกตนเพื่อมาสังหารพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ น่าจะเป็นเหล่าศิษย์นิกายที่ตกตายลงอย่างกะทันหันตามที่นักพรตเฒ่าได้บอกออกมา
“ผู้อาวุโส…”
นักพรตเฒ่าหน้าแดงก่ํา และสุดท้ายก็กล่าวว่า “เป็นโชคของพวกเขาแล้วที่ได้ตายด้วยน้ํามือของผู้อาวุโส”
แม้แต่ในยุทธภพต่างแดน ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ควบแน่นอาณาเขตได้ก็หาได้ยากแม้จะผ่านไปนับร้อยนับพันปี ศิษย์นิกายใหญ่เหล่านั้นเป็นเพียงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม แต่กลับสามารถทําให้ซูฉินต้องลงมือสังหารเป็นการส่วนตัว นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะได้รับความภาคภูมิใจ
“อย่างนั้นรึ?”
ซูฉินไม่รู้จะพูดเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น จึงถามต่อไปว่า “ในต่างดินแดนของพวกเจ้า มีสมบัติที่ใช้ในการยืดอายุขัยบ้างไหม?”
ซูฉินมองไปที่นักพรตเฒ่าด้วยความสนใจ ตั้งแต่ช่วงที่เขา อยู่วัดเส้าหลิน หลังจากสังหารจอมมาร ซูฉินก็ได้รับ ชิ้นส่วนหนังสัตว์มาแผ่นหนึ่ง ซึ่งบันทึกเกี่ยวกับกลิ่นอายข องสมบัติอายุวัฒนะเมื่อแปดร้อยปีก่อนในดินแดนโพ้นทะเล
ซฉินเคยถามเหยียนไฟมาก่อนหน้านี้ แต่อีกฝ่ายบอกว่า เขาไม่ทราบเรื่องนี้
ซูฉินไม่ได้แปลกใจอะไร
ไม่ว่าจะอย่างไร แม้จะเป็นในต่างดินแดนเองก็เป็นไปไม่ได้ที่ตํานานยุทธทุกคนจะมีโอกาสได้รับสมบัติที่ช่วยยืดอายุ
แม้ว่าเหยียนไห่จะเป็นศิษย์สํานักเอกะวิถี แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่เพียงพอ ความรอบรู้คงไม่ใช่ระดับสูงสุดแน่นอน และเป็นปกติที่จะไม่ทราบเรื่อง
แต่นักพรตเฒ่าตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าเหยียนไห่เล็กน้อย บางทีเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
“ต่างดินแดน?”
นักพรตเฒ่าจับบางอย่างในประโยคของซูฉินไว้ได้อย่างดี
“ผู้อาวุโสไม่ได้มาจากยุทธในดินแดนของพวกเราหรอกหรือ?”
นักพรตเฒ่าตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ
ในสายตาของนักพรตเฒ่า ความแข็งแกร่งของซูฉินอาจจะเทียบได้กับบรรพชนผู้หลับใหลบางคน จนทําให้ตอนแรก เขาคิดไปว่าซูฉินเป็นผู้แข็งแกร่งในดินแดนโพ้นทะเลที่ปลีกวิเวกอยู่ แต่ในยามนี้ ดูเหมือนว่าซูฉินจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ผู้อาวุโสมาจากที่ใดกันนะ?”
นักพรตเฒ่าหัวใจสั่นไว และให้ความเคารพมากยิ่งขึ้น “ผู้อาวุโส มันมีสมบัติที่ช่วยเพิ่มอายุขัยในต่างดินแดน อย่างไรก็ตาม จํานวนของพวกมันมีอยู่น้อยมาก และอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธถึงจะต้านทานพลังของมันได้”
“นอกจากนี้ แต่ละคนยังใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งสามารถยืดอายุได้มากสุดก็หลายสิบปี”
นักพรตเฒ่ากล่าวออกอย่างรวดเร็ว
“ตํานานยุทธ?”
“สามารถยืดอายุได้เพียงครั้งเดียว?”
ซูฉินสายหัวเล็กน้อย
ในความเป็นจริง มันก็เป็นเรื่องปกติ หากสามารถยืดอายุให้ยาวออกไปได้อย่างต่อเนื่อง ผู้คนก็มิใช่จะมีชีวิตได้เป็นนิรันดร์เลยหรือ?
“อย่างไรก็ตาม หลายสิบปีก็ไม่เลวร้ายนัก เมื่อมีโอกาสข้าจะลองไปยังต่างดินแดนดู”
ซูฉินคิดกับตนเอง
แม้ในปัจจุบันเขาจะมีอายุขัยหนึ่งพันปี แต่ไม่ว่ายุงจะตัวเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังนับเป็นเนื้อสัตว์ และอายุหลายสิบปี ย่อมมีค่าอย่างแน่นอน รู้หรือไม่ว่าในขณะนี้ซูฉินก็ใช้ชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว
“ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนของเจ้าในต่างดินแดนกําลังหลับใหลอยู่ บอกข้าเกี่ยวกับบรรพชนของเจ้า”
ซูฉินเหมือนจะคิดอะไรได้ แล้วมองไปยังนักพรตเฒ่าด้วยความสนใจ
เหยียนให้ได้เคยบอกเขาเอาไว้ว่าในสํานักเอกะวิถี มีบรรพชนอย่างน้อยก็เก้าคนกําลังหลับใหลอยู่ บรรพชนเหล่านี้เป็นไฟลับสุดท้ายของสํานักเอกะวิถี เว้นแต่สานักเอกะวิถีจะตกอยู่ในอันตรายจนถึงขั้นถูกทําลายสํานัก พวกเขาเหล่านั้นก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมา
ตามข้อมูลที่เหยียนให้ทราบ บรรพชนที่หลับใหลไปนั้น ปกติแล้วจะเป็นตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่เจ็ด และยังมีตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่แปด มีแม้กระทั่งระดับนภาชั้นที่เก้า
“เรียนผู้อาวุโส”
นักพรตเฒ่าไม่รู้ว่าซูฉินต้องการอะไรจากการถามคําถามเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงระงับความกังวลในใจแล้วตอบออกไปตามจริงว่า “ในนิกายของข้ามีบรรพชนที่ใช้วิธีการลับในการรวมเลือดเนื้อและพลังชีวิตเพื่อหลับใหลไปอยู่จริงๆ”
“วิธีการลับ?”
ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย
“มิผิด” นักพรตเฒ่าค้อมศีรษะลงด้วยความเคารพ “เมื่อใช้วิธีลับนี้แล้วพลังงานจะนิ่งสนิทและในขณะเดียวกัน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็จะตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่า ไม่มีความคิดใดเกิดขึ้น”
“การอยู่สภาวะนี้ช่วยชะลออายุได้อย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันพลังชีวิตและเลือดเนื้อก็จะถูกหยุดยั้งตลอดไป ทําให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาฐานการบ่มเพาะต่อไป”
“ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากจะใช้วิธีลับนี้ ยกเว้นจุดสิ้นสุดของชีวิตใกล้เข้ามา”
เมื่อนักพรตเฒ่ากล่าวเช่นนี้ เขาก็หยุดไปชั่วขณะแล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้หากท่านต้องการใช้วิธีลับในการหลับใหลไป ท่านต้องใช้ทรัพยากร สมบัติฟ้าดินจํานวนมหาศาล แม้จะเป็นสํานักเอกะวิถีก็ตาม เมื่อใดที่บรรพชนเตรียมตัวเข้าสู่นิทรา ทั้งสํานักก็ต้องจ่ายสมบัติออกมา และใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะฟื้นสภาพคล่องกลับมาได้”
นักพรตเฒ่ายิ้มอย่างขมขื่น
ถ้าวิธีลับนี้สามารถทําได้โดยง่าย เกรงว่าบรรพชนของสํานักเอกะวิถีคงคาหน้าเข้าสู่ห้วงนิทรากันเรียงคนไปแล้ว
“เข้าใจแล้ว”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย
วิธีลับที่นักพรตเฒ่าได้บอกมา ซูฉินก็เคยเห็นมันมาก่อน เช่นกันที่ภูเขาด้านหลังวัดเส้าหลิน ด้านหน้าเขตหวงห้ามที่มารพุทธะถูกผนึกเอาไว้ เคยมีสงฆ์วัดเส้าหลินห้ารูปนั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น
สงฆ์ทั้งห้ารูปนี้ล้วนหลับใหลด้วยวิธีลับเช่นกัน ทําให้ยืดอายุออกไปได้หลายชั่วอายุคน
เพียงแต่วิธีลับของสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านั้นแตกต่างจากวิธีลับจากต่างดินแดนเล็กน้อย
ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าฟื้นคืนสติกลับมาได้ไม่นาน พวกท่านก็พากันมรณภาพไปที่ละคน ในขณะที่บรรพชนต่างแดนสามารถรักษาความแข็งแกร่งส่วนใหญ่เอาไว้ได้เมื่อฟื้นคืนสติกลับมา
“ดังนั้นก็ควรจะมีเซียนเทพปฐพี่หลับใหลอยู่สินะ?”
ซูฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วถามออกไปอย่างช้าๆ
แม้แต่ตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่เจ็ดก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หลายร้อยหลายพันปีด้วยวิธีลับนี้ แล้วขอบเขตเซียนเทพปฐพีเล่า?
ถ้าเป็นแบบที่ซูฉินคิดจริงๆ เกรงว่าระดับความอันตราย ในต่างดินแดนจะเกินความคาดหมายของซูฉินไปอีก
แม้ซูฉินจะเข้าสู่นภาชั้นที่แปดได้แล้วในตอนนี้ รวมกับไพ่ลับในมือทุกใบ มันเพียงพอที่จะต่อกรคู่ต่อสู้ในระดับที่สูงกว่า แต่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีนั้น…….
เว้นแต่ซูฉินจะสําเร็จวิชาภาพดวงตะวันขนาดมหึมา เมื่อเขาสามารถกําเนิดใหม่เป็นอีกาทองคําสามขาวัยเยาว์ได้ ด้วยพรสวรรค์โดยกําเนิดและพลังอันน่าสะพรึงกลัว อย่างเช่น พลังแห่งดวงตะวันและเปลวไฟที่แท้จริงเหล่านี้ เท่านั้นจึงจะมีความมั่นใจที่จะปราบเซียนเทพปฐพีได้
ส่วนอย่างอื่น?
ขอบเขตเซียนเทพปฐพีที่แท้จริงสามารถครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล์ได้ในความคิดเดียว หากซูฉินเจอกับเซียนเทพปฐพีจริงๆ แน่นอนว่าจะต้องหันหลังหนีไปโดยไม่ลังเล
“เซียนเทพปฐพี? ที่หลับใหลอยู่?” เมื่อได้ยินสิ่งนี้นักพรตเฒ่าก็ผงะไปเล็กน้อย แล้วรีบพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสล้อเล่นแล้ว”
“เลือดเนื้อของเซียนเทพปฐพี่แข็งแกร่งเพียงใด จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่เพียงไหน เป็นไปได้อย่างไรที่วิธีลับนั้นจะสามารถทําให้หลับใหลลงได้?”
“โอ้?”
ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย มองไปยังนักพรตเฒ่าแล้ว กล่าวว่า “บอกวิธีลับมาให้ข้าฟัง”
“ขอรับ” นักพรตเฒ่ารีบกล่าวบอกทันทีถึงวิธีลับ
วิธีลับนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไรในยุทธภพต่างแดน ผู้อาวุโสทุกคนในนิกายใหญ่ทุกคนล้วนรู้วิธีการนี้ และมีแม้แต่จอมยุทธทั่วๆไปบางคนก็ยังทราบเรื่องนี้
ตัวของวิธีลับนั้นไม่ได้มีค่าอะไร แต่เมื่อต้องการจะใช้วิธีลับนี้จริงๆ จะต้องใช้ทรัพยากรและสมบัติมากมาย แค่นั้นก็แทบจะเท่ากับการใช้ทรัพยากรในการฝึกฝนตลอดช่วงชีวิตของจอมยุทธคนหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ หลังจากหลับใหลไปแล้ว ห้ามไม่ให้ถูกรบกวนเลยแม้แต่น้อย มิฉะนั้นไม่เพียงความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาจะสูญเปล่า แต่ชีวิตอาจจะตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย
“มันกลายเป็นวิธีการปิดผนึกตนเอง”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อได้ยินวิธีลับที่นักพรตเฒ่าอธิบายออกมาตามความเป็นจริง
ในมุมของซูฉิน วิธีลับที่นักพรตเฒ่าได้กล่าวออกมาก็ไม่มีอะไรมากไปว่าการปิดผนึกเลือดเนื้อ พลังชีวิต และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเพื่อชะลอความแก่ชรา
วิธีการปิดผนึกตนเองเช่นนี้อย่างมากที่สุดก็ทําได้เฉพาะขอบเขตตํานานยุทธเท่านั้น เมื่อไปถึงขอบเขตเซียนเทพปฐพี พลังงานและเลือดเนื้อจะมีอยู่อย่างมหาศาลจะปิดผนึกตัวเองได้อย่างไร?
แม้แต่ตัวซูฉินเองก็ยังรู้สึกว่า วิธีลับนี้ไม่สามารถใช้กับเขา
ยามนี้ร่างกายของซูฉินได้ผ่านการแปรสภาพมาถึงห้าครั้ง แม้จะไม่ได้ดีเท่ากับร่างกายของเซียนเทพปฐพี แต่ก็ไม่หนีห่างกันไกลนัก แม้ซุฉินเต็มใจจะทําตามวิธีลับ แต่การไหลเวียนของพลังฉีและเลือดเนื้อนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทําลายผนึกของวิธีลับนี้ได้อย่างง่ายดาย