เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 236 (II) ท่านผู้ยิ่งใหญ่
- Home
- เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
- ตอนที่ 236 (II) ท่านผู้ยิ่งใหญ่
Sign in Buddha’s palm 236 (II) ท่านผู้ยิ่งใหญ่
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็จงแก้ปัญหาด้วยตัวเจ้าเถอะ” ซูฉินพูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่เนิบช้าแต่ก็ไม่เร่งรีบ
เขาเห็นตอนที่เฉียนขู่ต่อสู้แล้ว และพอจะทราบคร่าวๆ ถึงการเติบโตของเฉียนขู่ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สนใจรับชมต่อไป
“แก้ปัญหา?”
จักรพรรดิมารร้ายผงะไปชั่วครู่ แต่แล้วเขาก็พลันรู้สึกว่าภูเขาขนาดใหญ่หลายพันจ้างบนบ่าของเขาได้คลายออก และทั่วทั้งร่างก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ดังเดิม
“ข้าจะไม่ทําให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่ต้องผิดหวังแน่นอน!”
จักรพรรดิมารร้ายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สงบใจแล้วเดินออกไปนอกโรงเตี้ยม
“นี่ไม่มีใครเห็นข้าเลยหรือ?”
จักรพรรดิมารร้ายกลืนน้ําลาย เพราะเขาสัมผัสได้ว่าจอมยุทธทั้งหลายในโรงเตี้ยมไม่ได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของเขาเลย และแม้แต่เจ้าของโรงเตี้ยมอ้วนก็ไม่ได้มองมาที่ตัวเขา
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
หนังศีรษะของจักรพรรดิมารร้ายชาวาบ แผ่นหลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
และในตอนนี้
ด้านนอกโรงเตี้ยม
หลังจากที่ยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมที่นําโดยจอมยุทธเจ็ดสามานย์ตะโกนว่า “ขอจักรพรรดิมารร้ายโปรดลงมือ” หลายต่อหลายครั้ง บรรยากาศในพื้นที่ต่อสู้ก็แปลกไปในทันที
ผู้ชมต่างตกใจกลัวอย่างยิ่ง หันหน้ามองกัน กะพริบตาถี่รัว และพบว่าจักรพรรดิมารร้ายที่พวกเขาหวาดกลัวนั้นไม่ปรากฏตัวออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เป็นไปได้ไหมว่าจอมยุทธฝ่ายอธรรมทั้งสี่กําลังโกหก และจักรพรรดิมารร้ายไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก?”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้? พวกเขากล้าลงมือกันที่นี่ พวกเขาต้องมีแผนการบางอย่าง แม้ว่าจะไม่ใช่จักรพรรดิมารร้าย แต่ก็ต้องเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคนอื่น…”
จอมยุทธจํานวนมากมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวังและพูดด้วยเสียงต่ํา
“ไม่มีกลิ่นอายชั่วร้ายในระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดในบริเวณใกล้เคียง…” เฉียนขู่จับสัมผัสอย่างระมัดระวังด้วยดวงใจพุทธะ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขามีดวงใจพุทธะซึ่งอ่อนไหวต่อพลังงานในโลกอย่างยิ่ง เมื่อจอมยุทธเจ็ดสามานย์กล่าวคําว่า “จักรพรรดิมารร้าย” เฉียนขู่ก็ตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้วยดวงใจพุทธะทันที
อย่างไรก็ตามภายในโรงเตี้ยมมีไอพลังจางๆ ที่เขาไม่อาจจะมองออกอยู่ แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่จอมยุทธฝ่ายอธรรม ถ้าบอกว่าเป็นจักรพรรดิมารร้ายก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
ในขณะที่เฉียนขู่งงงวยอยู่นั้น
“หนี!”
ยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่ที่คุกเข่าอยู่กับพื้น พวกเขาไม่ได้พุ่งเข้าใส่เฉียนขู่แต่อย่างใด แต่รีบวิ่งออกไปโดยรอบแทน
หลังจากที่จักรพรรดิมารร้ายไม่ตอบสนองเป็นเวลานานสองนาน จอมยุทธฝ่ายอธรรมทั้งสี่ยังจะกล้ารังรออยู่อีกหรือ พวกมันรีบหนีไปอย่างไม่รีรอ
“ไม่ดีแล้ว!”
สีหน้าของเฉียนขู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย สิ่งที่เขากังวลใจมากที่สุดคือสิ่งนี้ จังหวะที่ยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่พากันกระจัดกระจายหนีไป ถึงจะเป็นความเร็วในระดับของเฉียนขู่ ก็สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถติดตามได้เพียงทิศทางใดทิศทางหนึ่งเท่านั้น และค่อนข้างมั่นใจว่าจะจัดการยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมในทิศทางนั้นได้
แต่จอมยุทธฝ่ายอธรรมอีกสามคนที่เหลือก็น่าจะเหมือนปลาที่ได้กลับสู่ท้องทะเล
“จอมยุทธเจ็ดสามานย์”
“ในบรรดายอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่ เขาเป็นผู้ที่สังหารผู้คนมามากที่สุด”
เฉียนขู่คิดภายในใจอย่างเร็วจี้ และกําลังจะไล่ติดตามไปยังทิศทางที่จอมยุทธเจ็ดสามานย์จากไป
ฉับพลัน
ในตอนนั้นเอง
กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวและชั่วร้ายก็พุ่งออกมาจากภายในโรงเตี้ยม และมีชายคนหนึ่งก้าวเท้าเดินออกมา
“เขาคือ….จักรพรรดิมารร้าย?”
ทันทีที่เฉียนขู่เห็นชายผู้นี้ เขาก็หยุดไล่ตามจอมยุทธเจ็ดสามานย์ทันที และจ้องเขม็งกลับมา
ใบหน้าของจอมยุทธที่เหลือก็ดูซีดเซียว พวกเขาไม่คาดคิดว่าจักรพรรดิมารร้ายจะซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี้ยม
“จักรพรรดิมารร้าย?”
เจ้าของโรงเตี้ยมอ้วนเบิกตากว้าง เขาใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปทั่วโรงเตี้ยม แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นด้วยซ้ําว่าจักรพรรดิมารร้ายมาจากทางไหน
“ท่านปรมาจารย์จักรพรรดิมารร้าย”
“ในที่สุดท่านปรมาจารย์จักรพรรดิมารร้ายก็ปรากฏตัวแล้ว”
ยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่ที่หนีไปก็พลันมีความสุขขึ้นมา และกําลังจะรีบกลับไปหาจักรพรรดิมารร้าย
“ฮีม!!”
จักรพรรดิมารร้ายเหลือบมองยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสื่อย่างเย็นชา ท่ามกลางสายตาอึ้งทั้งของทุกคน เขาได้ยกมือขวาขึ้น และกดลงไปยังยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่
ตูม!
ในชั่วพริบตา กําลังภายในวิถือธรรมก็เดือดพล่าน กลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่บดขยี้ยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่จนร่างแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
“จักรพรรดิมารร้าย ท่าน?!!”
ก่อนที่จอมยุทธเจ็ดสามานย์จะตาย สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งฝ่ายอธรรมทั้งสี่อยู่ไกลจากจักรพรรดิมารร้ายพอสมควร หากพวกเขาหนีเอาตัวรอดอย่างจริงจัง ก็คงไม่ง่ายนักที่จักรพรรดิมารร้ายจะจัดการกับพวกเขา
เพียงแต่ว่ายอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่ไม่เคยคิดว่าจักรพรรดิ มารร้ายจะลงมือกับพวกตน และด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ตั้งการป้องกันเอาไว้แม้แต่น้อย ทั้งหมดต่างตกตายภายใต้ฝีมือของจักรพรรดิมารร้าย
ผู้ชมโดยรอบเงียบงัน
ทุกคนต่างตกตะลึง
พวกเขาคิดว่าหลังจากที่จักรพรรดิมารร้ายออกมา มันจะปราบปรามเฉียนขู่ด้วยมือเดียวจนสร้างความตกใจให้ผู้คน หรือไม่ก็เป็นฉากที่เฉียนขู่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของจักรพรรดิมารร้ายได้ ด้วยเครื่องรางที่ทิ้งไว้โดยผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลิน หรือแม้แต่จักรพรรดิมารร้ายตกตายด้วยเครื่องรางที่ผู้ทรงสมณศักดิ์ทิ้งเอาไว้
ความเป็นไปได้มากมายโผล่มาในความคิดของทุกคน ต่างคาดเดากันไปต่างๆนานา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคิดว่าสิ่งแรกที่จักรพรรดิมารร้ายจะทํา หลังจากโผล่ออกมาจะเป็นการหันมาฆ่ายอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่คน
“นี่……”
เฉียนขู่ได้แอบจับดาบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือที่ห้อยคอเอาไว้ แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ถึงกับสติหลุดไปชั่วขณะหนึ่ง
ไม่เพียงแต่จอมยุทธคนอื่นๆ ที่เฝ้าชมการต่อสู้อยู่เท่านั้นที่คาดไม่ถึง แม้แต่เฉียนขู่เองก็ไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งมันจะออกมาเป็นเช่นนี้ เพราะมันเหลือเชื่อเกินไป
อย่างไรก็ตาม
ในเวลาต่อมา
ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมาด้วยความตกใจของทุกคน จักรพรรดิมารร้ายที่เพิ่งตบยอดปรมาจารย์ฝ่ายอธรรมทั้งสี่จนตกตาย หันหลังกลับไปแล้วโค้งคํานับไปทางโรงเตี้ยมแล้วจึงกล่าวออกมาด้วยความเคารพว่า
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ มันจบลงแล้ว”