เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 241 (1) ซูฉินและมังกรปีศาจ
- Home
- เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
- ตอนที่ 241 (1) ซูฉินและมังกรปีศาจ
เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]
Sign in Buddha’s palm 241 (1)
Sign in Buddha’s palm 241 (1) ซูฉินและมังกรปีศาจ
บนยอดเขาคุนหลุน
วิหารการสงครามอันงดงามก็โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าและแรงกดดันอันน่ากลัวก็แพร่กระจายออกมาอย่างรวดเร็วทั้งเขาคุนหลุนถูกแรงกดดันนี้ปกคลุมในทันที
“วิหารการสงครามแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้แยกออกจากดินแดนนี้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของห้วงมิติเฉพาะเวลาที่ถูกต้องเท่านั้นจึงจะโผล่ออกมา?”
ซูฉินดูเคร่งขรึม
ในตอนนี้เขาเฝ้าสังเกตการกําเนิดของวิหารการสงครามด้วยดวงตาแห่งสัจจะและวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด เขาได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเกี่ยวกับวิหารการสงคราม
ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่อยู่ภายใต้ไอพลังของวิหารการสงคราม กําลังภายในจะถูกชะลอตัวให้ไหลช้าลง
“สมควรแล้วที่เป็นวิหารการสงคราม”
“เพียงแค่ไอพลังระเหยออกมาก็สามารถปราบพวกเราได้อย่างง่ายดาย..”
มียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดบางคนจ้องตรงไปอย่างคลั่งไคล้ พึมพําไปมาอยู่กับตนเอง
ต้องทราบก่อนว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากวิหารการสงครามพอสมควรหากพวกเขาเข้าไปภายในวิหารการสงครามความแข็งแกร่งของพวกเขาอาจจะเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก
วิหารการสงครามที่เดิมที่เลือนรางคล้ายภาพลวงตา
ในที่สุดก็ควบแน่นกลายเป็นสสารจับต้องได้
และในตอนนี้วิหารการสงครามก็ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ
ฉับพลัน
มีร่างหลายร่างทะยานฝ่าอากาศพุ่งเข้าหาวิหารการสงครามด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
ร่างเหล่านี้อยู่ใกล้กับวิหารการสงครามมาก จู่ๆ ก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันสร้างความตกใจให้คนทุกคน ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคนอื่นยังไม่ทันได้ตอบสนองพวกเขาก็เกือบจะเข้าไปถึงวิหารการสงครามแล้ว
“ท่านอรหันต์ผู้ทรงสมณศักดิ์”
“โรคชรากําลังพรากชีวิตข้าไปแล้ว”
“ในเวลานี้ แม้แต่ผู้ทรงอํานาจอย่างราชาแห่งสรวงสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดข้าจากการเข้าไปภายในวิหารการสงครามได้!”
ไอพลังจากร่างเหล่านี้ล้วนทรงพลัง อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่แปรสภาพพลังได้ถึงสองครั้ง และที่น่าแปลกใจคือหนึ่งในนั้นมีกระทั่งไอพลังของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ที่แปรสภาพพลังมาแล้วสามครั้งอยู่ด้วย
ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคนอื่นๆ มีช่วงชีวิตเหลืออีกเป็นสิบปีหรืออาจจะหลายสิบปี ปกติแล้วพวกเขาย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังซูฉินอรหันต์ผู้อยู่ยงคงกระพันในโลกใบนี้
แตกต่างกับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเหล่านี้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปีวิหารการสงครามเป็นความหวังเดียวของพวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร?
สําหรับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเหล่านี้ โอกาสรอดหนึ่งเดียวของพวกเขาคือการวิ่งเข้าไปภายในวิหารการสงครามคว้าโอกาสภายในวิหารพัฒนาตนอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตํานานยุทธ ด้ว ยวิธีนี้ แม้ซูฉินจะโกรธแต่ก็คงจะทําอะไรไม่ได้
เมื่อเวลานั้นมาถึง
ซูฉินนั้นเป็นอรหันต์
พวกเขาก็เป็นตํานานยุทธเช่นเดียวกัน
เมื่อทุกคนอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แม้จะมีระยะห่าง แต่คงไม่ได้ห่างไกลอะไรมากนัก และคงไม่มีใครทําอะไรพวกเขาได้
การยอมแพ้ตั้งแต่ก่อนเข้าวิหารการสงครามจะต้องทําให้พวกเขาตายด้วยวัยชรา
จึงเป็นการบังคับให้ต้องเข้าสู่วิหารการสงครามอย่างไม่คิดชีวิต
ดังนั้นเหล่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่จวนจะหมดอายุขัยจึงต้องเลือกวิธีนี้เป็นธรรมดา
ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นฉากนี้ แต่วินาทีต่อมาดูเหมือนเขาจะรู้สึกอะไรได้บางอย่างจึงไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที แต่สีหน้าของเขาแปลกไปเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เข้ามาแล้ว พวกเราเข้ามาได้แล้ว”
หลังจากยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดเหล่านั้นเข้าไปภายในวิหารการสงครามได้ พวกเขาก็โห่ร้องด้วยความยินดีความรู้สึกถึงชัยชนะปรากฏชัดอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
เป็นอรหันต์ผู้ทรงสมณศักดิ์แล้วอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกเขาก็สามารถวิ่งเล่นกันได้ตามใจชอบหรอกหรือ?
ในขณะที่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดเหล่านี้กําลังจะแยกย้ายกันเข้าไปในวิหารการสงครามเพื่อมองหาโอกาสอันดี
“กร้าส!”
เสียงคํารามของมังกรก้องสะเทือนไปถึงฟ้า
มังกรขนาดใหญ่มีความยาวหลายร้อยเมตรค่อยๆ ทะยานออกมาจากส่วนลึกของวิหารการสงคราม
อานุภาพลมหายใจมังกรแผ่ออกมาจากร่างของมังกรปีศาจ
ภายใต้ศักดาแห่งมังกรนี้
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่รีบวิ่งเข้าไปภายในวิหารการสงครามต่างรู้สึกเพียงว่ามือและเท้าของตนแข็งที่อพลังภายในแทบจะหยุดนิ่ง
ความกลัวถูกถมจนท่วมจิตใจ
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดเหล่านี้ต้องการจะหันหลังกลับและหลบหนีออกจากวิหารการสงคราม แต่ภายใต้อานุภาพศักดาแห่งมังกรพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยซ้ําจะเอาอะไรไปหลบหนี
ในเวลาต่อมา
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเหลือ
มังกรปีศาจตนนั้นเปิดปากออกอย่างเกียจคร้านและดูดยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่รีบเข้าไปภายในวิหาร กลืนลงท้องจนหมดสิ้น
เหล่าผู้ชมต่างเงียบกริบ
ยอดปรมาจารย์ทั้งหลายที่ได้เห็นฉากนี้ต่างรู้สึกมือเท้าชาวาบเดิมที่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดบางคนยังแอบอิจฉาอยู่ภายในใจแต่เมื่อเห็นสภาพของผู้ที่รีบวิ่งเข้าไปในวิหารการสงครามเป็นเช่นนี้ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดทันที
ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่รีบเข้าไปภายในวิหารการสงครามอย่างน้อยก็สําเร็จการแปรสภาพถึงสองครั้งแล้ว และถึงกับมีหนึ่งในนั้นที่สําเร็จการแปรสภาพพลังสามครั้ง เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์
บุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนั้นยังพบจุดจบเช่นนี้ หากคนอื่นในที่นี้ทะเล่อทะล่าเข้าไปภายในวิหารการสงครามโดยไม่ได้มีการเตรียมตัวเอาไว้ก่อนเกรงว่าทุกคนจะต้องเดินตามรอยเท้าคนเหล่านั้นและถูกมังกรปีศาจกลืนกินไปเสียแล้ว
“มังกรปีศาจ!”
“มันคือมังกรปีศาจภายในวิหารการสงคราม!”
“บัดซบ ไม่ใช่ว่ามังกรปีศาจมันหลับอยู่ตลอดเวลาหรอกหรือ? ตราบใดที่ไม่ก้าวเข้าไปยังส่วนลึกของวิหารการสงคราม ก็จะไม่ดึงดูดความสนใจของมัน ทําไมคราวนี้มันถึงเริ่มโจมตีตั้งแต่ต้นเล่า?”
มียอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดบางคนที่รู้ความเป็นมาของมังกรปีศาจอุทานขึ้นมา
ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคนอื่นๆ ก็ใบหน้าบิดเบี้ยวไปทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ตามบันทึกโบราณ มีมังกรปีศาจคอยปกป้องวิหารการสง ครามแห่งนี้จริงเพียงแต่มังกรตัวนั้นหลับสนิทเกือบจะตลอดเวลาและไม่สนใจจอมยุทธที่เข้าไปภายในวิหารการสงครามเลย
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดบางคนจึงรีบเข้าไปภายในวิหารการสงครามโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเพราะตราบใดที่พวกเขาระมัดระวังมากพอและไม่คิดที่จะเข้าไปย่ามในส่วนลึกของวิหารการสงคราม มังกรปีศาจก็จะไม่ถูกยั่วยุ
แต่ตอนนี้
ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเหล่านั้นไม่ทันจะได้เข้าไปยังส่วนลึกของวิหารการสงคราม พวกเขาเพียงก้าวเข้าไปในวิหารก็ถูกมังกรปีศาจกลืนกินเสียแล้ว สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“โง่เง่า!”
ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง สีหน้าของเขาฉายแววดูถูก
มังกรปีศาจหลับก็เพราะเลือดเนื้อและพลังชีวิตของมันอ่อนกําลังลงดังนั้นมันจึงต้องใช้วิธีการเข้าสู่นิทราเพื่อลดอัตราการใช้พลังชี วิตและเลือดเนื้อ
แต่ต่อให้หลับลึกแค่ไหน มันก็ต้องสูญเสียพลังไปอยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคซบเซาของกระแสปราณฉี มังกรปีศาจประสบกับการขาดแคลนพลังงานมาเป็นเวลานาน
และเมื่อวิหารการสงครามกําเนิดขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่มังกรปีศาจจะทําก็คือการมองหาอาหารทดแทนไปโดยธรรมชาติ และในโลกนี้จะมีสิ่งใดเติมเต็มอัตราการสูญเสียพลังของมังกรปีศาจได้ดีเท่าเลือดเนื้อของจอมยุทธ?
แน่นอนว่าการที่มังกรปีศาจกระตือรือร้นออกมาถึงที่นี่ก็มีความเกี่ยวกับการปรากฏตัวของซูฉินด้วย
ร่างกายของซูฉินได้รับการแปรสภาพมาถึงห้าครั้ง และหลังจากเริ่มต้นเส้นทางแห่งดวงตะวันขนาดมหึมา ร่างกายของเขาก็เกือบจะแปรสภาพเป็นครั้งที่หกอยู่รอมร่อ พลังของเขานั้นพุ่งทะยานฟ้าไม่ว่าเขาจะซ่อนเร้น จํากัดพลังไว้เพียงไหน มันก็ไม่สามารถแอบซ่อนจากมังกรปีศาจภายในวิหารการสงครามได้
ในสายตาของมังกรปีศาจ ซูฉินเป็นขนมหวานที่มีกลิ่นหอมหวนเต็มไปด้วยเลือดเนื้อและพลังงานชีวิต ตราบใดที่กลืนกินซูฉินเข้าไปได้อย่างน้อยก็สามารถอยู่รอดไปได้อีกหลายพันปี
แต่มังกรปีศาจเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการกับซูฉินได้ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วจึงเลือกกลืนยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่บุกเข้าไปภายในวิหารการสงครามเพื่อชดเชยเลือดเนื้อที่สูญเสียไปสักเล็กน้อยจากนั้นจึงค่อยหาวิธีว่าจะกลืนซูฉินเข้าไปด้วยวิธีใด
“ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์ มังกรปีศาจตัวนี้นั้นมิอ่อนแอเลย!” เฉียนข์กล่าวออกด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ไม่มีอันตรายหรอก!”
ซูฉินพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเทียบกับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งหลายในที่แห่งนี้มีความแข็งแกร่งไม่อ่อนแอหรือ? มังกรปีศาจนั้นมีความแข็งแกร่งที่มากกว่านั้นอีกมันบดขยี้คนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
แต่เรื่องที่มังกรปีศาจหลับใหลภายในวิหารการสงครามมาอย่างยาวนาวนับหมื่นๆ ปี มีเพียงซูฉินเท่านั้นที่รู้
เวลานับหมื่นปี แม้แต่หมูก็มีโอกาสกลายเป็นตัวตนทรงพลังได้ไม่ต้องกล่าวถึงมังกรปีศาจที่มีสายเลือดที่ไม่ธรรมดาตนนี้?
แต่ก็เท่านั้น
แม้ว่ามังกรปีศาจจะมีเลือดของมังกรที่แท้จริง แต่ซูฉินก็สัมผัสได้ว่าเลือดภายในกายของมังกรปีศาจได้มาถึงขีดจํากัดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะสายเลือดพิเศษของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่ามันคงจะแก่ตายไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว
และด้วยความสามารถในการรับรู้ของซูฉิน เขาคาดเดาความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจได้คร่าวๆ
ขอบเขตตํานานยุทธ จุดสูงสุดของระดับนภาชั้นที่แปด
ด้วยพลังอันไม่ธรรมดาของเผ่าพันธุ์มังกร ก็พอจะเทียบกับนภาชั้นที่เก้าได้แล้ว
“กร้าส!!!”
เมื่อซูฉินกําลังคิดสิ่งนั้นอยู่
เสียงคํารามของมังกรก็พลันดังก้องสะท้อนผืนฟ้าสะท้านผืนดิน