เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 9
Sign in Buddha’s palm 9 ใบไม้ร่วงโรยใบหนึ่ง
ที่ลานธรรม
พลังมารปกคลุมไปทั่วหัวระแหงในวัดเส้าหลิน ศิษย์วัดที่ถูกโจมตีด้วยพลังมารต่างสับสนวุ่นวายและยอมจำนนต่อพลังอย่างรวดเร็ว
ในส่วนลึกของไอพลังมารเข้มข้น รัศมีพุทธคุณกำลังอ่อนแรงลงคล้ายกับหัวเทียนที่ใกล้จะมอดดับอยู่รอมร่อ
แสงพลังพุทธะด้านในหมอกกำลังต่อสู้อยู่กับพลังมาร
แต่ก็ชัดเจนว่าแสงพุทธะนั้นคงดิ้นรนต่อไปได้ไม่นานนัก
“พระแก่ฮุ่ยเหวิน ยอมจำนนเสียบัดนี้ เดี๋ยวแกจะได้รู้ว่าความน่ากลัวของพลังแห่งมารพุทธะมันเป็นอย่างไร” เจินซิ่งเอ่ยช้าๆ
ตอนนี้หัวหน้าตำหนักวัดเส้าหลินก็เสียความสามารถในการต่อต้านไปเรียบร้อย ส่วนเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินก็ไม่สามารถทนได้นานไปกว่านี้ เจินซิ่งมองเห็นชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว
“โชคดีที่ข้าพาหัวหน้าตำหนักและเจ้าอาวาสมารวมตัวกัน ไม่อย่างนั้นแล้วถ้ามีใครสักคนหลบหนีไปแล้วใช้มรดกในวัดเส้าหลินเพื่อทำลายวัดลง เกรงว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายปานนี้แน่”
เจินซิ่งแย้มยิ้มภาคภูมิใจ
สุดท้ายแล้ววัดเส้าหลินก็ยังคงเป็นสุดยอดพรรค แม้นไม่มีสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับชั้นที่หนึ่งในยุคนี้ แต่รากฐานอันยาวนานนั้นก็มีพลังเพียงพอจะสยบเขาลงได้
อย่างไรก็ตาม
ไม่ว่ามรดกตกทอดจะแกร่งเพียงใด มันจำเป็นจะต้องมีคนนำมันมาใช้งาน
ทว่ายามนี้ ผู้ที่สามารถใช้มรดกตกทอดถูกเขาจัดการ ไม่มีใครหนีรอดไปได้
ในตอนนั้นเองที่เจินซิ่งจะลงมือกำจัดเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินให้สิ้น ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนไปราวกับรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
“นี่คือ?”
เจินซิ่งหันไปมองทางศาลาพระคัมภีร์ในทันทีทันใด
ไอพลังหยางอันบริสุทธิ์ที่สามารถแทงทะลุทะลวงพลังมารอันแข็งแกร่งราวกับดาบแหลมคม
พลังมารอันไร้ขีดจำกัดนี้ก่อตัวขึ้นมาจากพลังของจิตมาร ถึงแม้มันจะเป็นเพียงพลังลวงตา แต่แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่สองยังต้องจำนนต่อมัน
กระนั้นพลังหยางที่กำลังเข้ามาใกล้นี้ตัดฝ่าพลังมารดำมืดนี้มาได้เหมือนกับตัดผ่านกระดาษ
ครู่ต่อมา
ไอพลังนี้ข้ามผ่านระยะทางหลายลี้มาถึงเจินซิ่งในชั่วพริบตา
“ไม่ดีแล้ว!!”
เจินซิ่งหนังศีรษะลุกวาบ เขาต้องถอยหนี เลี่ยงมันให้ได้
แต่มันสายเกินไป
พลังหยางพุ่งทะลวงเข้ากลางหว่างคิ้วของเจินซิ่ง ส่งร่างของเขาลอยคว้างสู่ระฆังโบราณอายุกว่าพันปีด้านหลัง
เป๊ง!!
เสียงใสดังกังวาน
“ข้า…”
ตาของเจินซิ่งว่างเปล่า ร่างของเขาปริแตกออก
เมื่อขาดแหล่งพลัง พลังมารที่ปกคลุมกว่าครึ่งเสี้ยววัดก็คลายออกและหายไปในความเร็วที่มองเห็นได้ชัดเจน
เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่เตรียมจะระเบิดร่างตนเองนิ่งงันไป
เขาไม่คาดฝันว่าจะเป็นเจินซิ่งที่ทำลายตัวเอง ก่อนที่เขาจะลงมือเสียอีก
“ไม่ใช่”
“เขาไม่ได้ทำลายตนเอง”
“มีใครบางคนที่ทำ”
เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินคู่ควรกับการเป็นปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองที่มากล้นไปด้วยประสบการณ์ เขาตระหนักถึงบางสิ่งได้ทันที
จากนั้น
ฮึบ!!
พลังมารที่เหลืออยู่ค่อยๆ มารวมตัวกัน ‘เจินซิ่ง‘ ร่างใหม่ก็กำเนิดขึ้น
“นี่ข้าตายแล้วงั้นรึ?”
เจินซิ่งหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ
ถ้าไม่ใช่เพราะ ‘เคล็ดวิชาตัวตายตัวแทน‘ จากมรดกตกทอดของมารพุทธะ เขาน่าจะตายไปจริงๆ แล้วในตอนนี้
แต่ถึงแบบนั้น เจินซิ่งก็ไม่ใช่จะโชคดีไม่เสียทั้งหมด [เคล็ดวิชาตัวตายตัวแทน] เป็นเคล็ดวิชาต้องห้าม ผู้สืบทอดของมารพุทธะแต่ละคนสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นทั้งชีวิต ซึ่งเทียบเท่ากับเป็นชีวิตที่สอง
สีหน้าของเจินซิ่งซีดลง มองไปที่ระฆังโบราณพันปีที่อยู่ไม่ไกล
เขาจึงได้เห็นใบไม้สีเหลืองแห้งเหี่ยวอยู่บนระฆัง
“ใบไม้หรอ?”
“ข้าตายเพราะใบไม้เนี่ยนะ?”
หัวใจของเจินซิ่งสั่นไหวไม่หยุด
ถ้าเขาตายเพราะอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เขาจะได้จดจำมันไว้
แต่นี่มันแค่เศษใบไม่ร่วง…
ต้องแข็งแกร่งถึงระดับไหนกันถึงฆ่าเขาได้เพียงใช้ใบไม้ธรรมดาๆ ?
เจินซิ่งไม่อาจจะจินตนาการได้เลย
“แล้ว…”
เจินซิ่งสัมผัสไปที่หว่างคิ้ว แม้ว่าเขาจะรอดตายมาได้เพราะใช้ [เคล็ดวิชาตัวตายตัวแทน] เขายังรู้สึกได้ถึงไอพลังหยางที่หว่างคิ้ว ค่อยๆ ลดทอนพลังมารในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
ใต้ความกดดันของพลังหยางอันหนักแน่นนี้ เจินซิ่งเหลือพลังแค่หนึ่งในสิบ ไม่สามารถที่จะต่อกรกับระดับชั้นที่สามได้ด้วยซ้ำ
“วัดเส้าหลินลึกล้ำและประเมินไม่ได้จริงๆ…”
เจินซิ่งหันมองที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินที่ยังคงตกตะลึง และรู้ว่าเขาจะต้องหนีไปได้แล้ว
ถ้าเขาไม่จากไป ไม่เพียงแต่จะทำลายเส้าหลินไม่ได้ เขาจะต้องจบชีวิตลงที่นี่ด้วย
คิดได้แบบนี้เจินซิ่งกลายเป็นเงาร่าง ไม่ลังเลที่จะหนีออกไป
ถึงเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินจะเห็นสิ่งนั้นแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
จริงอยู่ที่เจินซิ่งสูญเสียความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ไป แต่ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ตกอยู่ในที่นั่งเดียวกันหรอกหรือ
หลังจากประสบกับการลอบโจมตีของเจินซิ่ง และพลังมารถาโถม อาการบาดเจ็บของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินตอนนี้รุนแรงมากเสียยิ่งกว่าเจินซิ่งเสียอีก
…
ด้านนอกของวัดเส้าหลิน
ร่างเงาพุ่งออกมาอย่างร้อนรน
“บัดซบเอ้ย บัดซบ ไอ้ชาติหมาเอ้ย!”
“เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้วเชียว!!!”
เจินซิ่งโกรธแค้น
การเป็นผู้สืบทอดของมารพุทธะเป็นที่แน่นอนว่าสามารถก้าวเข้าสู่ระดับชั้นที่สองไม่ก็ชั้นที่หนึ่งได้ในเวลาอันสั้นเพราะการส่งเสริมจากจิตมาร
แต่ในทางกลับกัน ผู้สืบทอดของมารพุทธะทุกคนมีจิตใจที่บิดเบี้ยว มุ่งหมายเพียงแต่จะทำลายวัดเส้าหลินประดุจเป้าหมายของชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้นอายุขัยของผู้สืบทอดมารพุทธะนั้นจะสั้นมาก และจะสิ้นชีวิตลงภายในห้าปีเป็นอย่างมาก
“คนที่โจมตีและฆ่าข้าด้วยใบไม้นั่นอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นยอดปรมาจารย์ในระดับชั้นที่หนึ่ง”
“ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่ทรงพลังเอามากๆ ด้วย”
“แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ในวัดเส้าหลินอีกต่อไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
เจินซิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก และมองกลับไปที่วัดเส้าหลิน “ยอดปรมาจารย์ชั้นที่หนึ่งนั่น…คงไม่ตามข้าออกมาหรอกใช่ไหม?”
แต่เมื่อเจินซิ่งรู้สึกผ่อนคลายลงได้เล็กน้อย
เสียงสงบเย็น ไม่เร็วไม่ช้าเอ่ยขึ้น
“เจ้ากำลังมองหาข้าอยู่เยี่ยงนั้นหรือ?”
วูบ!!!
เจินซิ่งขนลุกชัน หันกลับไปมองที่ต้นเสียงทันที
เขามองเห็นพระสวมใส่จีวรสีเทากำลังมองมาที่เขา
“เจ้าคือ?”
เจินซิ่งรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นหน้าซูฉิน
ก่อนที่เจินซิ่งจะถูกครอบงำโดยจิตมาร แม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะแห่งลานอรหันต์ เขาได้เข้าวัดเส้าหลินมาพร้อมๆ กับซูฉิน ก็พอจะคุ้นๆ หน้ากันอยู่บ้าง
แต่ซูฉินเป็นเพียงพระกวาดลาน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
“เป็นเจ้านั่นเอง!”
ความคิดของเจินซิ่งไหลไปและในที่สุดเขาก็จำซูฉินได้
เจินซิ่งถึงกับเคยพูดคุยบ้างสองสามคำกับซูฉินตอนที่เข้ามาในวัด
ถึงอย่างไรก็ตามการที่ซูฉินได้รับมอบหมายให้สังกัดลานจิปาถะแล้วกลายเป็นพระกวาดลาน เจินซิ่งก็ไม่เคยได้ติดต่อกับซูฉินอีก
จากมุมมองของเจินซิ่ง เขาและซูฉินนั้นถูกกำหนดให้แตกต่าง และไม่มีวันได้เดินไปในเส้นทางเดียวกัน
แม้แต่ตอนนี้ เจินซิ่งได้กลายมาเป็นทายาทของมารพุทธะ เขาก็ยังไม่ได้เห็นซูฉินอยู่ในสายตา
“เจ้ามาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ยิ่งเจินซิ่งมองไปที่ซูฉินมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกใจมากเท่านั้น
ถึงแม้ซูฉินจะดูเหมือนคนปกติ ต่อหน้าเขาไม่มีแม้แต่ความผันผวนของกำลังภายใน แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นเจินซิ่งยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าเขาเป็นใคร?
เขาคือทายาทของมารพุทธะ! ถึงตอนนี้จะบาดเจ็บ แต่กลิ่นอายก็เพียงพอจะทำให้ผู้ฝึกยุทธทั่วไปหัวใจสั่นระรัว ไม่ต้องพูดถึง ‘คนธรรมดา‘ อย่างเช่นซูฉินนี้เลย
ถ้าซูฉินเป็นคนปกติ ขาของเขาควรจะอ่อนยวบลงไปได้แล้วไม่ใช่หรือ?
ในตอนที่เจินซิ่งรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนั้นเอง ซูฉินก็พลันพูดบางอย่างที่เปลี่ยนสีหน้าของเขาออกมา
“เจ้ายังไม่ตายหลังจากถูกโจมตีหรอกหรือ? มารพุทธะนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
สีหน้าของเจินซิ่งแข็งค้างและถอยหนีทันที ทะยานตัวออกไปไกลเป็นลี้ราวกับเขาพบเข้ากับศัตรู ราวกับประสบพบเจออันตรายถึงแก่ชีวิต
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”