เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 271 วัยรุ่นที่ขาดการอบรมเลี้ยงดู
เวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงกว่า ลูกค้ามาเต็มพื้นที่ สภาพดูสับสนวุ่นวาย แถมที่นั่งยังขาดแคลน หลังจากที่ที่นั่งมีคนนั่งเต็มแล้ว ก็มีคนจับจ้องมาที่โต๊ะของเฉินห้าว พวกเขาสองคนนั่งกันอยู่บนโต๊ะกลม เลยมีคนอยากมาขอแบ่งที่นั่งด้วย
“ขอโทษนะครับ ผมกับแฟนชอบความสงบ ไปโต๊ะอื่นได้ไหมครับ?” เฉินห้าวปรึกษากับพวกเขาอย่างสุภาพ
“พวกเราก็มากันสองคน ทานอะไรเสร็จแล้วก็จะไป มากินข้าวเหมือนกันนี่แหละ อย่าถือสาเลยนะครับ”
ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน หลังจากปรึกษาแกมบังคับ ก็ตีเนียนจะนั่งลง
“ถือซะว่านี่เป็นค่าชดเชย เชิญพวกคุณไปทานที่อื่น ได้ไหม?” เฉินห้าวหยิบแบงก์ร้อยออกมาสองใบวางลงบนโต๊ะ
สองสามีภรรยามองตากันแวบหนึ่ง สองร้อยพอให้พวกเขากินปิ้งย่างสองสามมื้อแล้ว รีบหยิบเงินและไปอย่างดีใจ พวกเขาคิดจะซื้อกลับบ้านไปกิน ออกมากินข้าวทียังได้เงิน มันดีจริงๆ
เฉินห้าวใช้เงินซื้อความสงบ แต่ก็มีลูกค้าหลายคนเห็นเข้า และพบช่องทางหาเงิน เดิมไม่ได้อยากกินปิ้งย่างหรอก แต่เพื่อให้ได้เงินจากเฉินห้าว ต่างพากันกรูเข้ามาสั่งปิ้งย่าง และมายืนออกันที่โต๊ะเฉินห้าว
จำต้องยอมรับจริงๆว่า คนทั่วไปน่ะฉลาดมาก แทบไม่ยอมปล่อยวิธีหาเงินเล็ดรอดไปได้เลย
เฉินห้าวเห็นท่าไม่ดี เกลี้ยกล่อมไปได้สองคน ดูท่าจะมาเยอะกว่าเดิม เขาเลยหันไปหาเถ้าแก่แผงปิ้งย่าง บอกว่าเขาจะเหมาโต๊ะนั้น ห้ามให้คนอื่นมาใช้ร่วม
“อันนี้มันยากนะครับ แต่ละคนเขาก็รวมๆกันนั่งน่ะ” เถ้าแก่ทำหน้ายุ่งยากใจ
เฉินห้าวยิ้มน้อยๆ สถานการณ์แบบนี้ใช้เงินแก้ปัญหาง่ายที่สุด เขาหยิบแบงก์แดงออกมาปึกหนึ่ง วางลงบนโต๊ะแบบไม่นับเลยพลางว่า “นี่ถือเป็นค่าเหมาโต๊ะก็แล้วกัน อย่าให้ใครมาใช้โต๊ะร่วมกับพวกเรา อีกเดี๋ยวพวกเราก็กินเสร็จแล้วล่ะ”
เถ้าแก่หยิบมานับดู 1800หยวน แทบเป็นค่าแรงของครึ่งค่อนคืนเลยก็ว่าได้ เขาพยักหน้าอย่างดีใจ “ได้ครับ ได้ครับ คืนนี้โต๊ะนั้นคุณนั่งทั้งคืนเลยก็ได้”
เถ้าแก่ยังเข้าไปเอาเก้าอี้อื่นของโต๊ะที่เฉินห้าวนั่งออกจนหมด แบบนี้ก็ไม่มีใครเข้าไปนั่งแล้ว”
เฉินห้าวกลับมานั่งที คราวนี้ใช้เงินนิดหน่อย ก็ทำให้เขาสามารถมีพื้นที่ส่วนตัวกับโจวซีถง ก็นับว่าไม่เลว
“ไม่คิดว่าแผงลอยจะครึกครื้นขนาดนี้ ต่อไปต้องมาบ่อยๆแล้วสิ” โจวซีถงบอก
“งั้นต้องรับบรรยากาศหนวกหูนี่ไหวถึงจะได้” เฉินห้าวบอก
“ใช่ไง”
โจวซีถงเข้าใจได้ดี ในสภาพที่แออัดกันขนาดนี้ จะมีคนมาผ่านมาชนโต๊ะหรือเก้าอี้เป็นระยะ แถมยังมีเสียงคนคุยกันเสียงดังเป็นพักๆ ก็กระทบต่อบรรยากาศการกินข้าวเหมือนกัน ถ้าตัดออกสองข้อนี้ก็เพอร์เฟคแล้วล่ะ
แต่ถ้าสถานที่กว้างขวางขึ้น ลูกค้ามีมารยาทมากขึ้น ก็ไม่ใช่แผงลอยแล้วสิ
ไม่ว่ายังไงก็ตาม นานๆทีมาลองบรรยากาศร้านแผงลอยหน่อยก็ดี ถ้าให้มากินทุกวันคงเบื่อแย่
ระหว่างทาน ทั้งสองคนได้ยินเสียงคุยซุบซิบดังจากด้านหลัง “เฮ้ย ดูนั่นสิ สาวคนนั้นสุดยอด!”
“พระเจ้า จริงด้วย สวยมากเลย เป็นดาราหรือเปล่าน่ะ?”
“แม่งเอ๊ย ถ้าแฟนกูสวยขนาดนี้ กูจะไม่ให้ลงจากเตียงทุกวันเลย!”
“แหะๆ ๆ!”
จากนั้นก็เป็นเสียงหัวเราะกลับกลอก เวลาผู้ชายเมาท์กันเรื่องผู้ชาย ปกติก็จะคุยกันแบบนี้ พวกวัยรุ่นกลุ่มนี้เวลาพูดจาก็จะกูมึง ไม่มีมารยาท ไม่แคร์อะไรเลย
เฉินห้าวขมวดคิ้ว หันไปมอง เห็นโต๊ะข้างๆมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งอายุราว ๆ18-19ปี ต่างพากันเหล่มองมาทางโจวซีถง ดูท่าเมื่อกี้เมาท์เรื่องเธอนี่แหละ
“หุบปากไว้กินข้าวเถอะ!”
เฉินห้าวพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน นี่เป็นการเตือนครั้งแรก
“เฮ้ยแม่ง มาเสือกเรื่องพวกกูทำไมหะ?”
วัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นพวกที่ไม่มีการมีงานทำ มีพลังมากมายไม่มีที่ไป ขาดการอบรมการเข้าสังคม ไม่รู้จักการวางตัว
บวกกับดื่มเหล้าเข้าไปนิดหน่อย แถมยังเป็นพวกอารมณ์ร้อน ที่สำคัญที่สุด พวกเขาเห็นเฉินห้าวกับโจวซีถงที่พวกเขาแอบมองดูสนิทสนมกันแบบนี้ มันทำให้พวกเขาริษยาตาร้อน เป็นผู้ชายเหมือนกัน ถือดียังไงแกมีสาวสวยขนาดนี้ พวกเรากลับทำได้แค่ดื่มเหล้ากันตามประสาชายโสด?
ดังนั้นพวกวัยรุ่นเจ็ดคนนั่นพร้อมใจกันลุกขึ้นมา บางคนยังหยิบขวดเหล้าทำท่าจะทะเลาะด้วย
เฉินห้าวยิ้มเย็น เสือไม่แยกเขี้ยวคนจะเข้าใจว่าเป็นแมว เลยกะลุกขึ้นสั่งสอนเด็กพวกนี้ซักหน่อย
“ช่างเถอะ อาห้าว” มือโจวซีถงวางลงมา เธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “อย่าทำเรื่องให้มากความเลย ยังไงพวกเราก็จะกินเสร็จแล้ว เดี๋ยวไปก็ไปแล้ว ไม่ต้องไปถือสาเด็กไม่รู้จักโตพวกนี้หรอก”
เฉินห้าวกับโจวซีถงอายุยี่สิบกว่าแล้ว สำหรับเด็กอายุ18-19ปีพวกนี้ เรียกว่าเด็กก็สมควรแล้ว
เฉินห้าวกลับบอกว่า “คุณยังไม่เข้าใจนิสัยคน เจอเด็กไร้การอบรมพวกนี้ สังคมเราจะมีแต่ทำให้พวกเขากร่างมากขึ้น คุณดูสิ พวกเขาดาหน้าเชิดเข้ามาแล้ว”
โจวซีถงหัวเราะออกมา “ก็ได้ เชื่อฉันทนหน่อย ถ้าพวกเขาทำเกินไป ฉันเห็นด้วยให้คุณสั่งสอนพวกเขา”
“ถูกแล้ว”
เฉินห้าวหยิบแก้วชนกับโจวซีถง ไม่มองพวกวัยรุ่นในสายตาสักนิด
พวกวัยรุ่นเห็นเฉินห้าวเหมือนจะตีเนียน ก็พากันนั่งลงพร้อมคำด่า พวกเขายังได้ใจ คิดว่ากลุ่มตัวเองเจ๋งมาก ทำให้เฉินห้าวตกใจหงอลงได้
แต่พวกเขานั่งลงได้ไม่นาน เจอฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าไป พลางมองโจวซีถงที่สวยงามดุจดอกไม้ ต่างระงับความอยากในใจไว้ไม่อยู่ วัยรุ่นที่ชื่อ “กางจื่อ”นั่นร้ายที่สุด ยังผิวปากใส่แผ่นหลังโจวซีถง กะใช้โอกาสนี้ดึงดูดความสนใจของสาวสวย
ยังไงก็เป็นเพราะวัยรุ่นไม่รู้ประสา เทียบกับความสุขุมเป็นผู้ใหญ่ของเฉินห้าวแล้ว พฤติกรรมแบบนี้ยิ่งทำให้ผู้หญิงรังเกียจมากขึ้น
“นี่เป็นครั้งที่สอง”
ในใจเฉินห้าวนับจำนวนครั้งในใจเงียบๆ ครั้งนี้เขาก็ทน และมันจะเป็นครั้งสุดท้าย