เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 275 ขอโทษทั้งน้ำตา
“ไอ้หยา ประธานเฉิน ประธานโจว ขอโทษจริงๆ ผมสั่งสอนหลานไม่ดีเอง ทำให้ทั้งคู่ตกใจแล้ว” สวีซื่อเสียนเข้ามาก็ขอโทษขอโพยทันที
“สั่งสอนไม่ดี?” เฉินห้าวมองไปทางกางจื่อที่ยืนก้มหน้าบวมเขียวนั่น “พวกคุณเป็นญาติกัน?”
“ใช่ครับ นี่เป็นหลานไม่รักดีของผมเอง ผมไปหาเขา ได้ยินว่าเขาทำให้คุณทั้งคู่ไม่พอใจ ตอนนั้นผมก็อัดเขาไปรอบแล้ว เป็นเด็กไม่รู้จักโตจริงๆ!”
สวีซื่อเสียนรีบหันไปตะคอกใส่กางจื่อทันที “ยังไม่เข้ามาขอโทษประธานทั้งสองอีก!”
กางจื่อเดินเข้ามา พูดอย่างหงอยเหงาว่า “ขอโทษครับประธานเฉิน ประธานโจว ผมมีตาแล้วหามีแววไม่ พวกคุณอย่าถือสาผมเลย ให้อภัยผมเถอะ!”
พอเฉินห้าวมองไป สนุกละสิ อำเภอนี้เล็กเกินไป แค่ทะเลาะวิวาทไปหนึ่งรอบ ยังเกี่ยวพันมาถึงตัวสวีซื่อเสียนอีก
“ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก ขอโทษประธานโจวก็พอละกัน” เฉินห้าวชี้ไปทางโจวซีถง
ตอนมา สวีซื่อเสียนถามชัดเจนแล้ว หลานตนหาเรื่องก่อน ก็อดกัดฟันกรอดด้วยความโกรธไม่ได้ เขาถีบหลานชายจากด้านหลังหนึ่งที ให้เขาเข้ามาขอโทษ
สวีซื่อเสียนคิดเรียบร้อยแล้ว ถ้าโจวซีถงไม่อภัยให้หลาน แล้วส่งผลกระทบต่อการลงทุน เขาจะจับตัวหลานชายกลับไปห้อยหัวฟาดแส้ราดน้ำมันใส่เลย
“ประธานโจว ขอโทษครับ ผมดื่มมากไป ปากกล้าเกินไป ขออภัยด้วยครับ!”
จะว่าไปแล้ว ยังไงกางจื่อก็พึ่งจะบรรลุนิติภาวะได้ไม่นาน เพราะยังไม่ทันได้เข้ามหาลัย ก็มาเกะกะเกเรในอำเภอแล้ว อาศัยเส้นสายครอบครัวหาเรื่องไปทั่ว วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาโดนรังแก บวกกับความเจ็บปวดของบาดแผลบนร่างกาย ทำให้เขาร้องไห้ออกมา ปาดน้ำตาไปขอโทษไป
“ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมด้วย!”
หนุ่มน้อยร้องไห้ไปมา ดูแล้วจะรู้สึกผิดแล้วจริงๆ
“พูดแล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันยกโทษให้เธอแล้ว แต่เธอต้องจำบทเรียนไว้ ต่อไปจะมาทำตัวไม่มีการอบรมแบบนี้ไม่ได้อีก”
โจวซีถงยังไงก็พูดจาแบบประธานบริษัท พูดราบเรียบนิดหน่อยก็ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ในเวลาเดียวกันเธอเหล่มองเฉินห้าวหนึ่งที ใช้สายตาสอบถามความเห็นเฉินห้าว
“ช่างเถอะ จบแบบนี้ละกัน”
เฉินห้าวโบกมือ เขาไม่ชอบน้ำตาผู้ชายที่สุด ในเมื่อหนุ่มน้อยนี่รู้สึกผิดแล้ว เขาเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร งั้นก็ช่างเถอะ
“ยังไม่รีบขอบคุณความใจกว้างไม่ถือสาของเถ้าแก่ทั้งสองอีก?” สวีซื่อเสียนหันไปสอนกางจื่อพูด
“ขอบคุณประธานเฉิน ประธานโจวที่ใจกว้างดั่งแม่น้ำ ผู้สูงส่งยอมปล่อยมือ ยอมอภัยให้ผมครั้งนี้!”
หลานชายโน้มตัวขอโทษอีกครั้ง แต่คำพูดนี้ก็เผยระดับวัฒนธรรมอของเขาออกมา ดูใช้คำพูดแต่ละอันสิ
“โอเค ยังไงก็ถือเป็นความผิดผม นี่ไงตอนนี้ทั้งสองท่านมาหอชา ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงไถ่โทษแทนหลานชายเอง!”
สวีซื่อเสียนเริ่มสบายใจละ ไม่กระทบถึงการลงทุนก็ดีแล้ว เขารู้สึกว่านี่เป็นจังหวะดี เลยเสนอไปดื่มชากันที่หอชา
เพราะในอำเภอเล็กๆนี่ไม่มีที่เที่ยวอะไรมาก ถ้ามีเฉินห้าวเป็นผู้ชายคนเดียว ยังพาไปดูแข่งบอลอะไรได้ แต่นี่โจวซีถงไปด้วย สถานที่สงบแบบหอชานี่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
“ไม่ต้องหรอก ผมกับประธานโจวยังมีธุระต่ออีก ไว้รอเซ็นสัญญากันเป็นทางการแล้วค่อยดื่มชาฉลองละกัน”
เฉินห้าวปฏิเสธข้อเสนอ เพราะดื่มชากับผู้ชายโขยงหนึ่ง แถมยังต้องถึงดึกดื่น ก็จะไม่สามารถสวีทหวานกับโจวซีถงได้แล้ว
สวีซื่อเสียนอาบน้ำร้อนมาก่อน เห็นแค่นี้ก็เข้าใจแล้ว เขาเองก็ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร เลยแกล้งเฉไฉว่า “ก็ดี ไว้วันหลังไปดื่มชากัน งั้นพวกผมกลับก่อนนะครับ”
จากนั้นก็พาหลานชายและลูกน้องออกจากร้านชานม
เฉินห้าวกับโจวซีถงเองก็ดื่มชานมพอแล้ว จากนั้นเลยลุกจากไป
แถมเถ้าแก่ร้านชานมที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มองตามหลังเฉินห้าวกับโจวซีถงไป อดถอนหายใจอย่างอดไม่อยู่ไม่ได้ “สุดยอดเลย สามารถทำให้นายอำเภอเคารพนบนอบขนาดนั้นได้ ต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่!แถมยังอายุน้อยขนาดนี้ เก่งมากจริงๆ!”
…..
ในตอนนี้เฉินห้าวกับโจวซีถงเดินมาถึงถนนในอำเภอ มองดูบรรดาคุณป้าเต้นออกกำลังกายในพื้นที่กว้าง
“คุณอิ่มหรือยัง?” เฉินห้าวถามเธอ
“อิ่มแล้วสิ ฉันไม่ได้เป็นหลุมดำนะ แถมยังได้ดูหนังหลังอาหารฟรีอีก ช่วยย่อยได้ดีเลยล่ะ” โจวซีถงพูดขำๆ
เฉินห้าวหัวเราะ “เหอะเหอะ ตลกน่า แต่พวกวัยรุ่นพวกนั้นก็สมควรโดนน่ะ ไม่งั้นกร่างแบบนั้นต่อไป ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่”
“นั่นสิ คุณมองคนขาดเหมือนเดิม นิสัยยอมๆกันไปของฉันน่ะไม่ได้หรอก” โจวซีถงบอก
“ไม่ใช่ว่ายอมๆไปไม่ดี สำหรับคนมีอารยธรรมน่ะดี สำหรับพวกไม่มีการศึกษาต้องใช้ไม้นี้เท่านั้นแหละ” เวลาเฉินห้าวพูดยกหมัดขึ้นมาด้วย
หน้าโจวซีถงเผยรอยยิ้มสวยขึ้นมา เธอชอบบรรยากาศในตอนนี้มากที่สุด สามารถเดินซื้อของกับแฟน คุยเรื่องสัพเพเหระ
ผ่านไปสักพัก รู้สึกว่าลมด้านนอกเริ่มเย็นขึ้นแล้ว โจวซีถงใส่น้อย จนอดกอดอกไม่ได้ เฉินห้าวเลยถอดเสื้อสูทคลุมให้เธอ
“ไม่ต้องหรอก คุณจะหนาวนะ” โจวซีถงปฏิเสธ
“ผมไม่เป็นไร ผิวหนาไม่กลัวหนาวหรอก คุณสิอย่าเป็นหวัดละกัน ผมจะปวดใจเอา” เฉินห้าวพูดคำหวานใส่
ผู้หญิงชอบฟังอะไรแบบนี้ที่สุดแล้ว โจวซีถงนอกจากจะตื้นตันใจแล้ว ยังแอบสังเกตรอบข้างว่ามีใครมองไหม จากนี้เขย่งเท้าเล็กน้อยจุ๊บแก้มเฉินห้าวเบาๆหนึ่งที
เฉินห้าวดีใจมาก นี่ดูจะเป็นครั้งแรกที่โจวซีถงจู่โจมก่อน เขาเลยยื่นหน้าเข้าไปรับของขวัญเลย สุดท้ายโจวซีถงยิ้มบางเบนหน้าหนี เพราะมีคนเดินผ่านมา
ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย โจวซีถงไม่มีทางทำตัวสนิทชิดเชื้อแบบนี้แน่ เธอค่อนข้างสงวนตัว
ในเมื่อต่อหน้าผู้คนไม่สามารถสวีทหวานได้ เฉินห้าวเลยนึกถึงที่มิดชิดหน่อย เขาเงยหน้ามองไป ด้านหน้ามีป้ายLEDสว่างไสวเป็นคำว่า《คาราโอเกะฉวนซุ่น》เขาเลยเสนอขึ้นว่า “พวกเราไปร้องเพลงกันเถอะ!”
เฉินห้าวกับโจวซีถงตกลงคบกันเสร็จ ยังไม่เคยได้ร้องเพลงด้วยกันเลย โจวซีถงพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ได้ ไปร้องเพลงกัน!”