เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 313 ทำงานดีมีรางวัล
ขณะที่ทั้งสองกำลังเถียงกันไปเรื่อยเปื่อย โทรศัพท์ของเฉินห้าวพลันมีสายเรียกเข้าจากหวังเฉียง
“สัมภาษณ์จบแล้วใช่ไหม?” เฉินห้าวถามผ่านสาย
“เรื่องนี้…ฉันเจอปัญหาอย่างหนึ่ง ต้องการให้นายมาช่วยแก้ไข” หวังเฉียงที่อยู่ปลายสายละล้าละลังอยู่บ้าง
เฉินห้าวผงะไปแวบหนึ่ง นี่คล้ายจะไม่ใช่อุปนิสัยของหวังเฉียงเลย ทำไมเขาถึงละล้าละลังขนาดนี้?
เฉินห้าวคุยกับเซี่ยจิ้งประโยคหนึ่ง แล้วเขาก็ไปที่ห้องข้างๆ
ทันทีที่เฉินห้าวไป เซี่ยจิ้งก็ขมวดคิ้วนิดๆ คล้ายจะสัมผัสได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงย่องตามไป ตัดสินใจจะตามไปแอบฟังอยู่ที่ประตูห้องข้างๆ
ทันทีที่เฉินห้าวผ่านประตูใหญ่ของห้องสัมภาษณ์เข้าไป ก็มองเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวคนหนึ่งที่ทั้งดูแปลกหน้าและดูคุ้นตา
ที่บอกว่าคุ้น เขามองแวบเดียวก็จำได้แล้ว หล่อนคืออดีตแฟนสาวของเขาจางเช่น
ที่บอกว่าแปลกหน้า เพราะหล่อนแต่งตัวสวยเช้ง ย้อมสีผมทันสมัย แตกต่างกับนักศึกษาสาวผู้ใสซื่อในความทรงจำคนนั้น
เฉินห้าวเข้าใจได้ทันที มิน่าล่ะหวังเฉียงถึงจัดการไม่ได้ เพราะแฟนเก่าของเขามานี่เอง
“เฉินห้าว!”
จางเช่นหันกลับมา เรียกขานด้วยน้ำเสียงเสน่หา
เส้นขนทั่วร่างของเฉินห้าวลุกชันขึ้นมา ตอนงานเลี้ยงรุ่นครั้งก่อน ได้เคยปฏิเสธคำขอคืนดีของเธอไปอย่างหนักแน่นแล้ว ขอเพียงเป็นคนที่ยังรักศักดิ์ศรีอยู่บ้าง จะไม่มาหาเขาอีกแน่นอน ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงแล่นมาหาอีกแล้ว
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
หวังเฉียงรู้ความยิ่ง รีบฉวยโอกาสไปเข้าห้องน้ำทันที เดิมทีในห้องก็มีห้องน้ำอยู่ แต่เขาก็ยังคงวิ่งออกไป ทิ้งพวกเขาไว้ในห้องสองคน
พอพ้นประตูมา หวังเฉียงก็เกือบจะชนเข้ากับเซี่ยจิ้งแล้ว เพียงแต่สองคนนี้ล้วนหลบทางให้อย่างรู้กันดี คนหนึ่งวิ่งไปสูบบุหรี่ที่ห้องน้ำเพื่อฆ่าเวลา อีกคนปักหลักแอบฟังอยู่ที่ประตูห้อง
ภายในห้อง จางเช่นยิ้มหวานเต็มหน้า พยายามกระแซะเข้าไปใกล้เฉินห้าว ทว่าเฉินห้าวจงใจหลีกเลี่ยง นั่งลงบนโซฟาแสดงท่าทีให้เธอนั่งลงตรงกันข้าม จากนั้นก็เอ่ยถาม “คุณมีธุระอะไร?”
“ฉันเห็นประกาศรับสมัครของเธอในกลุ่ม ฉันก็เลยอยากมาสมัคร” จางเช่นพูด แล้วถอดเสื้อนอกออก เผยให้เห็นเสื้อสเวตเตอร์แคชเมียร์สีชมพูที่อยู่ข้างใน ขับเน้นทรวดทรงของตน
ในฐานะชาเขียวตัวแม่คนหนึ่ง จะต้องดึงดูดความสนใจของผู้ชายตลอดเวลาอยู่แล้ว
เฉินห้าวขมวดคิ้วนิดๆ หากว่าเป็นผู้หญิงคนอื่นมาประจบเอาใจ เขาอาจจะมองสักแวบสองแวบก็ได้ แต่ว่ากับจางเช่นคนนี้แล้ว เขามีแต่จะเกิดความรังเกียจเท่านั้น
“ตอนนี้การรับสมัครงานอยู่ในความดูแลของหวังเฉียง เขาเป็นผู้รับผิดชอบ” เฉินห้าวกล่าวอ้าง
“แต่หวังเฉียงบอกว่าต้องได้รับการตัดสินจากเธอนี่” จางเช่นเขยิบเข้ามาก้าวหนึ่ง “เฉินห้าว ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉันแล้ว ใช่ ฉันมีความผิดจริงๆ เมื่อก่อนฉันไม่รู้ประสา ถูกผู้ชายคนอื่นล่อลวง แต่ว่าตอนนี้ฉันรู้ซึ้งทุกอย่างแล้ว ฉันหวังเพียงว่าจะอยู่กับเธอไปชั่วชีวิตของฉัน หวังว่าเธอจะให้โอกาสฉันได้กลับตัวสักครั้ง”
ที่แท้การสมัครงานของจางเช่นก็เป็นแค่เรื่องหลอก ยังคงคิดจะมาขอคืนดีอยู่
เฉินห้าวยิ้มหยันแวบหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องดวงตามอง ก็มองเห็นโฉมหน้าชั่วร้ายอัปลักษณ์ของจางเช่นอย่างชัดเจนได้ หากว่าเขาไม่มี AAP เงินอุดหนุนหมื่นล้าน ยังเป็นแค่ไอ้หนุ่มว่างงานที่เช่าห้องเท่ารูหนูอยู่ จางเช่นต้องมองเมินเขาแน่นอน
กล่าวอีกอย่างคือ ที่จางเช่นอยากคืนดีด้วยก็คือเงิน ไม่ได้สนใจตัวคน
“ฉันไม่อยากฟังเธอพูดอีกต่อไปแล้ว กรุณาไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!” เฉินห้าวเอ่ยอย่างเยียบเย็น
คำปฏิเสธนี้กล่าวได้ว่ารุนแรงยิ่งแล้ว ขอเพียงเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีสักหน่อย คาดว่าไม่มีทางตอแยต่อแล้ว
อย่างไรก็ตามจางเช่นสามารถมาถึงที่นี่ได้ ก็ไม่สนใจศักดิ์ศรีหน้าตาแล้ว เอเริ่มบีบน้ำตาสะอึกสะอื้น “ผู้ชายอย่างพวกเธอทำไมถึงได้ใจดำขนาดนี้ ที่ฉันกลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเธอทำหรอกเหรอ เธอไม่ได้ปกป้องฉันเลย ปล่อยให้ฉันถูกไอ้เศรษฐีรุ่นที่สองคนหนึ่งล่อลวงให้หลงรัก เธอต้องรับผิดชอบ!”
กลยุทธ์บีบน้ำตานี้ ทำเอาเฉินห้าวพูดไม่ออกยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าพูดจาโป้ปดเหลวไหลได้หน้าตาเฉย เป็นหล่อนที่เกลียดคนจนหลงรักคนรวยชัดๆ ยังจะเอามาพูดกระทบอีก
เฉินห้าวสงสัยว่าสมองของจางเช่นคงจะมีปัญหา ถึงพูดแบบนี้ออกมาได้
ต้องทราบก่อนว่าตั้งแต่ตอนนั้นที่จางเช่นตัดสินใจนั่งรถเบนซ์ของไอ้หนุ่มเศรษฐีรุ่นที่สองไปอย่างแน่วแน่ แววตาไร้เยื่อใยและเหยียดหยามเช่นนั้น จนถึงตอนนี้เฉินห้าวก็ยังคงจำได้
เฉินห้าวงบังเกิดความหงุดหงิดยิ่ง ผู้หญิงคนนี้ไล่ก็ไม่ไป แถมจะลงมือทุบตีหล่อนสักยกก็ไม่ได้อีก หรือว่าต่อไปจะต้องหลบเลี่ยงหล่อนไปตลอด?
ในขณะที่หัวเสียอยู่ จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออก เซี่ยจิ้งเดินเข้ามาอย่างผึ่งผายเฉินราวดุจมองเห็นดาวช่วยชีวิต ส่งสายตาให้เซี่ยจิ้งทันที
เซี่ยจิ้งหยักมุมปาก ยิ้มน้อยๆ อย่างคล้ายมีคล้ายไม่มี ราวกับกำลังพูดว่า ‘รอดูให้ดีเถอะ’
“คุณสุภาพสตรีท่านนี้ การสัมภาษณ์เสร็จสิ้นแล้วค่ะ คุณสามารถไปได้แล้ว” เซี่ยจิ้งเป็นฝ่ายเผชิญหน้ากับจางเช่นก่อน เริ่มการดวลแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
จางเช่นมองเซี่ยจิ่งที่เรือนร่างสะโอดสะอง รูปโฉมงามหยาดเยิ้ม รู้สึกถึงอันตรายขึ้นมาทันที เอ่ยถามอย่างจริงจัง “เธอเป็นใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับเฉินห้าว?”
“ฉันเหรอ?” เซี่ยจิ้งมองแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันเป็นเลขาของประธานเฉินค่ะ แบบที่แนบชิดสนิทในน่ะ”
ท่าทีและการกระทำอันคลุมเครือของเซี่ยจิ้ง ทำให้คนเกิดความคิดปะติดปะต่อไปสารพัดเลย
“หน้าไม่อาย!”
ไม่น่าเชื่อว่าจางเช่นยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับเซี่ยจิ้งอีก
“อุ๊ย ถ้าฉันหน้าไม่อาย แล้วที่คุณทำอยู่นี่คืออะไรคะ? ประธานเฉินของพวกเราให้คุณไปได้แล้วชัดๆ ยังจะโอ้เอ้อยู่ที่นี่ ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย? ไล่แล้วยังไม่ไปอีก หมาขี้เรื้อนยังไม่เป็นแบบนี้เลย”
ฝีปากของเซี่ยจิ้งร้ายกาจนัก เยาะเย้ยโต้กลับในทันใด
จางเช่นเอ่ยว่า “ฉันกับเธอมันคนละอย่างกัน ฉันกับเฉินห้าวมีความรู้สึกที่ฝังลึกเข้าปึงในกระดูก เขาปฏิบัติต่อฉันอย่างจริงใจ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยชั่วขณะ”
“คุณป้าคะ ขอแนะนำให้คุณส่องกระจกดูนะคะ ถ้าคิดจะตามตื้อท่านประธานของพวกเรา ก็ไปต่อคิวข้างหลังนะจ๊ะ แบบฉันน่ะเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสุดแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ต้องสวยกว่าฉัน หุ่นดีกว่าฉันถึงจะมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์”
จางเช่นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ อย่างแรกคือเธอสวยไม่เท่าเซี่ยจิ้ง อีกอย่างคือ เมื่อเผชิญหน้ากับเรือนร่างอันสะโอดสะองของเซี่ยจิ้งแล้ว เธอนับว่าอยู่ในระดับกลางๆ ลงไปถึงล่างๆ ด้วยซ้ำ ถ้ายึดเอาเซี่ยจิ้งเป็นมาตรฐานแล้ว เธอก็ไม่เข้าเค้าเลย
“ดังนั้น ไม่ต้องมาอาลัยอาวรณ์ท่านประธานของพวกเราแล้ว ยังไงก็ตาม มีตำแหน่งหนึ่งที่เหมาะสมกับเธอโดยเฉพาะอยู่นะ!” จู่ๆ เซี่ยจิ้งก็กล่าวขึ้นมา