เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 318 ปราบนางมารน้อย
“ท่านประธาน คุณดื่มมาเหรอคะ?” เฉารุ่ยถามพลางยิ้มนิดๆ สุ้มเสียงยังคงอ่อนโยนเช่นนั้น
“ใช่แล้ว ดื่มเหล้าผลไม้ที่คุณบ่มด้วยนะ พวกเขาชมคุณกันทั้งนั้น” เฉินห้าวยิ้มน้อยๆ ตอบไปเช่นกัน
“ฉันบ่มเสี่ยที่ไหนละคะ ฉันบ่มเหล้าไม่เป็นหรอกค่ะ เป็นผลผลิตจากน้ำพักนำแรงของคนงานทั้งนั้น” เฉารุ่ยถ่อมตัวยิ่ง
ทั้งสองคนทุกทายกันอยู่ครู่หนึ่ง เฉินห้าวก้เอ่ยถาม “ตอนนี้ทางฉันขาดคนมากเลย ทางเธอหาคนมารับช่วงต่อได้หรือยัง? กลับไป๋เหอให้เร็วหน่อยเถอะ”
เฉินห้าวคิดถึงเมื่อก่อนตอนที่มีเฉารุ่ยอยู่ข้างกายยิ่งนัก ชีวิตอันแสนสบายไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น หิวก็มีข้าวมาส่ง กระหายก็มีน้ำยื่นมาตรงหน้า
ฉันกำลังบ่มเพาะสังเกตการณ์อยู่เลยค่ะ มีตัวเลือกอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าโรงงาน เขาจัดการได้มีระเบียบแบบแผน เพียงแต่ตัวคนลื่นไหลอยู่บ้าง ต้องค่อยกระตุ้นเป็นประจำ อีกคนเป็นช่างเทคนิคเก่าแก่ของโรงงาน ฝีมือการบ่มสุราของคุณอาคนนี้ช่ำชองเป็นที่สุด มีเขาคอยควบคุมคุณภาพของเหล้าผลไม้ ฉันก็วางใจมากเลย ฉันวางแผนว่าจะให้พวกเขาขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการทั้งคู่ คนหนึ่งคอยดูแลจัดการ คนหนึ่งรับผิดชอบด้านเทคนิค คุณคิดเห็นยังไงบ้างคะ?” เฉารุ่ยเอ่ยถาม
“ได้สิ เธอคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของโรงงาน เธอตัดสินใจเองได้เลย” เฉินห้าวเอ่ยตอบ
“ยังมีอีกนะคะ ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พ้นฤดูของแอปเปิ้ลแล้ว ส่วนแอปเปิ้ลในโรงงานก็ใช้จนหมดแล้ว ดังนั้น เหล้าผลไม้รสแอปเปิ้ลไม่อาจผลิตได้ชั่วคราว แต่ตอนนี้เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวองุ่นแล้ว ราคาก็ถูกด้วย ฉันเลยลองใช้องุ่นมาบ่มเป็นเหล้าผลไม้ดูล็อตหนึ่ง ผลคือยังอร่อยเหมือนเดิมเลยค่ะ เพียงแต่กลิ่นจะเปลี่ยนไปเป็นกลิ่นองุ่นแทน รสสัมผัสยังไม่ต่างไปจากเหล้าแอปเปิ้ลก่อนหน้านี้เท่าไหร่ ในอนาคตพวกเราคงสามารถผลิตเหล้าผลไม้ที่รสชาติแตกต่างกันไปได้แล้วค่ะ”
“เยี่ยมขนาดนี้เลย? ผู้อำนายการเฉาช่างเป็นบุคคลมีความสามารถจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถผลิตสินค้าใหม่ออกมาได้เร็วขนาดนี้” เฉินห้าวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ก็ไม่ถือว่าเป็นสินค้าใหม่หรอกมั้งคะ เพราะว่าผลไม้ล้วนมีฤดูกาลเป็นของตัวเอง ฉันมองว่าในอนาคตท้องถิ่นจะมีอะไร ก็จะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น แบบนี้ก็จะมีเหล้าผลไม้รสแอปเปิ้ล ส้ม องุ่น ลูกท้อ สาลี่ อีกทั้งในฤดูหนาวที่ไม่มีผลไม้ท้องถิ่น ก็สามารถเข้าผลไม้เขตร้อนเข้ามาเป็นจำนวนมากได้ ใช้ผลไม้จำพวกกล้วยมาบ่มเป็นเหล้า แบบนี้กามารถรักษาปริมาณในการผลิตเอาไว้ตลอดปีได้แล้ว”
พอเฉารุ่ยคุยเรื่องงานขึ้นมา ก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนไปเลย เต็มไปด้วยความมั่นใจและมีระเบียบแบบแผน ไม่เหมือนเซลล์อสังหาริมทรัพย์ที่เซ่อซ่าในอดีตคนนั้นแล้ว
เฉินห้าวยินดียิ่ง เฉารุ่ยเติบโตเป็นผู้บริหารที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองแล้ว วันหน้าพอกลับมาอยู่ข้างกายเขา เฉินห้าวก้จะให้เธอเป็นเลขาส่วนตัวของตัวเอง ช่วยตนจัดการกิจการภายใน ผ่อนแรงไปได้มากนัก
มาถึงตรงนี้ ในสมองของเฉินห้าวพลันมีฉากอนาคตอันงดงามอย่างหนึ่งแวบเข้ามา โจวซีถงเป็นกำลังหลักอยู่ด้านนอก รับผิดชอบกำหนดกลยุทธ์ของกิจการ เรียกลมเรียกฝนได้ระดับสากล ส่วนเฉารุ่ยก็เป็นเลขาส่วนตัวของเขา จัดการเรื่องอาหารการกินชีวิตความเป็นอยู่ทุกอย่างของเขา ส่วนเซี่ยจิ้ง ก็ควบคุมร้านอาหารงานธุรการ พ่วงการออกแผนการเจ้าเล่ห์บางอย่างเป็นครั้งคราว…
“ท่านประธาน? ท่านประธานคะ? คุณคิดเรื่องดีๆ อะไรอยู่คะเนี่ย?” เฉารุ่ยเรียกอยู่หลายครั้ง พบว่าเฉินห้าวกำลังใจลอย ก็แอบขำ
“อ่อ ไม่มีอะไร ผมกำลังคิดเรื่องการพัฒนาในอนาคตน่ะ ต้องการให้คุณกลับมาค่อยช่วยผมให้เร็วหน่อย” เฉินห้าวกล่าว
“อื้ม ฉันก็อยากไปทันทีเหมือนกันค่ะ เป็นไปได้ว่าต้องรอไปจนช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงจะรันอินและจัดสต็อกเสร็จสมบูรณ์ เพียงแต่…” น้ำเสียงของเฉารุ่ยเปลี่ยนไป “หากว่าสุดสัปดาห์ฉันมีเวลาว่างก็สามารถนั่งเครื่องบินกลับไปได้ จะไปเยี่ยมคุณสักหน่อย ได้ไหมคะ?”
“ได้แน่นอน นี่ก็เป็นบ้านของคุณเหมือนกัน อีกทั้งหมู่คฤหาสน์จงหัวก็ก่อสร้างเสร็จแล้ว เห็นคฤหาสน์เดี่ยวหลังหนึ่งเอาไว้ให้คุณด้วย คุณยังไม่เคยเข้าไปพักเลยนี่ ถ้ากลับมาก็ไปลองดูกัน”
“ได้ค่ะ ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยอยู่คฤหาสน์มาก่อนเลย ต้องไปลองดูแน่นอน”
หลังจากเฉารุ่ยกล่าวออกมาแล้ว ความคะนึงหาพลันท่วมท้นขึ้นมาในใจ อึดอัดยิ่งนัก มองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใคร จู่ๆ ก็ลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “เฉินห้าวคะ ฉันคิดถึงคุณ…”
ครั้งเรียกชื่อออกมาตรงๆ เลย แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เฉินห้าวพลันใจสั่นแวบหนึ่ง เฉารุ่ยที่อยู่วิดีโอคอลสะสวยงามสง่า อ่อนโยนช่างเอาใจ เป็นคนที่ใสซื่อไร้เดียงสาขนาดนั้น ทำให้คนยากจะเอ่ยปฏิเสธได้
ก่อนหน้านี้มีเซี่ยจิ้งต้อนถาม ตอนนี้ก็มีเฉารุ่ยมารำพันความในใจอีก จู่ๆ เฉินห้าวก็รู้สึกการเป็นผู้ชายที่รักมั่นคนหนึ่งช่างยากเย็นเหลือเกิน คล้ายว่าสวรรค์จะไม่อนุญาต
เพียงแต่เงื่อนในตอนนี้ไม่เป็นใจให้เขาทำตัวเจ้าชู้มากรักได้ งได้แต่กล่าวอำลาสั้นๆ แล้วกดวางสาย
“ไปคุยกับสาวน้อยคนนั้นมาอีกแล้วล่ะสิ?”
จู่ๆ เสียงของเซี่ยจิ้งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเฉินห้าว
“เฮ้ ทำไมเธอชอบมาแบบเงียบๆ ตลอดเลย?” ฉินห้าวกล่าว
“เป็นเพราะในใจคุณมีความผิด จงใจจะหลีกเลี่ยงฉัน ย่อมต้องร้อนตัวอยู่แล้ว” เซี่ยจิ้งเบะปาก
ตอนนี้ทั้งสองคนไม่ใช่คู่รักกัน แต่บรรยากาศที่ดูมาคลุมเครือเช่นนี้ กลับดูคล้ายคู่รักเลย
“อย่าพูดจาเหลวไหล กลับไปกินข้าวกันเถอะ”
เฉินห้าวเรียกเธอให้กลับไปที่โต๊ะอาหารด้วยกัน
อาหารมื้อนี้กินกันไปจนถึงหนึ่งทุ่ม บางคนที่ดื่มอย่างละโมบก็เมามายแล้ว ลิ้นเหยียดไม่ตรงแล้ว หวังเฉียงที่รับหน้าที่ผู้นำคนใหม่ ก็ดื่มหนักไปบ้าง เพียงแต่ทุกคนล้วนรื่นเริงกันยิ่งนัก
เมื่อเฉินห้าวเห็นว่าดื่มกันไปพอสมควรแล้ว เขายุติงานเลี้ยง ให้ทุกคนสามารถนำเหล้ากลับไปได้คนละขวด จากนั้นเขาก็ให้เซี่ยจิ้งรับผิดชอบติดต่อรถโดยสาร ส่งทุกคนขึ้นรถไปอย่างปลอดภัย
จากนั้นเขาก็หมายว่าจะขับรถจากไป ทว่าเซี่ยจิ้งกลับเรียกเอาไว้ “นี่ คุณจะไปไหน พาฉันไปด้วยสิ”
“วันนี้ฉันจะไปค้างที่คอนโดเฟ่ยชุ่ย เธอกลับไปที่หมู่คฤหาสน์จงหัวคนเดียวเถอะ” เฉินห้าวบอก
เซี่ยจิ้งตาลุกวาวแล้ว คอนโดเฟ่ยชุ่ยมีคนน้อย คล้ายจะเหมาะให้คนสองคนอยู่กันตามลำพัง ค่ำคืนที่ดื่มสุรา ชายโสดหญิงสาวไม่แน่ว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ได้ เติมเต็มความปรารถนาในใจเธอ ดังนั้นเซี่ยจิ้งจึงรบเร้าจะไปด้วย
เพียงแต่เฉินห้าววางแผนไว้ว่าจะไปจับโจร จึงไม่อยากพาเซี่ยจิ้งไปด้วย ทำได้เพียงเอ่ยเกลี้ยกล่อมดีๆ
“ไม่เอา ฉันก็จะไปด้วย!”
อย่างไรเซี่ยจิ้งก็ไม่ใช่หญิงสาวเรียบร้อยอยู่แล้ว เมื่อสาวน้อยเจ้าอารมณ์ขึ้นมา ก็เอาแต่ใจยิ่ง ท่าทางเหมือนว่าถ้าคุณไม่ยอม ฉันก็จะอาละวาด
“เป็นเด็กดีนะ” เฉินห้าวกล่อม
“ไม่ดีแล้ว!” เซี่ยจิ้งไม่ฟัง
“ฉันจะโกรธแล้วนะ!” เฉินเขาตีหน้าเคร่ง
“งั้นคุณก็มาสู้กับฉันสักยกสิ คุณไม่ได้ไม่มีแรงมากขาดนั้น ถึงยังไงก็ซัดฉันให้คว่ำไม่ได้ ฉันจะไปกับคุณด้วย!” เซี่ยจิ้งพลันตั้งการ์ดขึ้นมา เป็นท่าตั้งต้นในวิชาศิลปะการป้องกันตัวสำหรับสตรี พร้อมจะสู้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
เฉินห้าวจนปัญญาไปชั่วขณะ จะไม้อ่อนหรือไม้แข็งเซี่ยจิ้งก็ไม่เอาทั้งนั้น คิดจะปราบนางมารน้อยอย่างเธอ ไม่ง่ายเลยจริงๆ
มิน่าล่ะฉิงจื๋อเทาถึงไม่กล้าพิจารณาเซี่ยจิ้ง ถ้าอ่อนโยนกับเอเธอก็จะเอาแต่ใจ ถ้าแข็งกร้าวใส่ไม่แน่ว่าเธออาจจะซ้อมคุณให้น่วมก็ได้ ผู้ชายธรรมดารับมือไม่ไหวจริงๆ