เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 332 แกนี่มันอัจฉริยะจริงๆ
ขณะเดียวกันเฉินห้าวเองก็อยากรู้ว่าไล่อู่จัดการกับเหลียงเฉิงฟายังไงกันแน่ เขาเองก็อยากจะเรียนรู้สักหน่อย ต่อไปเจอกับพวกขี้โกงเขาจะได้มีวิธีต่อกรด้วย
ไล่อู่หัวเราะแหะๆ อธิบายว่า “ผมเรียกเกย์สองคนมา ให้พวกเขาคอยตามเหลียงเฉิงฟาตลอดเวลา”
“แค่นี้?” เฉินห้าวไม่ค่อยเชื่อว่าแค่เกย์ก็จะสามารถจัดการกับพวกขี้โกงได้?
ไล่อู่จึงอธิบายให้เขาฟังว่า “ผมให้พวกเขาเปลี่ยนกะกัน คอยตามเหลียงเฉิงฟาตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ตอบโต้แต่ก็คอยตามไม่ห่าง แม้แต่ตอนเหลียงเฉิงฟาเข้าห้องน้ำ ยังช่วยเขาจับกางเกง แล้วยังช่วยเขาทำความสะอาด และก็เอาวาสลีนติดตัวตลอดเวลา สายตาให้เอาแต่คอยจ้องเป้ากางเกงของเขา เพียงแค่สองวัน เหลียงเฉิงฟาก็ทนไม่ไหว เก็บข้าวของหนีไปเองแล้วครับ”
“แกนี่มันอัจฉริยะจริงๆเลย!”
เฉินห้าวเลียนแบบสำเนียงของหลี่อวิ๋นหลงพูดชมไล่อู่ ตอนนี้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะต้องชื่นชมสมองของไล่อู่ คนประเภทเดียวกันมีวิธีจัดการกันเองจริงๆ ตัวเขาเองคิดวิธีแปลกๆพวกนี้มาจัดการพวกขี้โกงไม่ออกหรอก ถึงแม้ว่าจะออกหน้าไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง แต่สามารถจัดการปัญหาได้ก็ถือว่าดี เฉินห้าวยอมรับความสามารถของไล่อู่ว่ามีสิทธิ์มากพอที่จะเป็นลูกน้องของเขาได้แล้ว
ขอแค่เพียงต่อไปเขาทำงานอย่างซื่อสัตย์ ก็มีดีให้ไม่น้อยแน่นอน
ตอนนี้ไม่มีคนก่อกวนแล้ว ความคืบหน้าของการรื้อถอนก็ไม่เร็วขึ้น เพราะว่าผู้คนที่พักอาศัยอยู่ที่ถนนเมี่ยวเจีย ส่วนมากเป็นผู้เช่าที่ดิ้นรนอยู่กับความยากจน พวกเขาไม่เงินที่จะสามารถไปเช่าบ้านที่ถูกได้เหมือนกับที่ถนนเมี่ยวเจียอีกแล้ว ถ้าหากว่าย้ายออกก็จะต้องเร่ร่อนอยู่ข้างถนน คนพวกนี้จึงเกาะอยู่ในบ้านไปออกไป การก่อสร้างจึงไม่สามารถดำเนินการได้
คนรับผิดชอบคนนั้นก็ไม่เหมาะกับงานที่จะไล่กลุ่มคนเหล่านี้ เพราะว่าเกลี้ยกล่อมไม่ได้ เมื่อตอนที่รายงานกับโจวซีถง หญิงแกร่งคนนี้เองก็หมดหนทาง ความสามารถในการจัดการปัญหาของลูกน้องพวกนี้นั้นแย่เกินไป ถึงแม้ว่าความสามารถเธอจะโดดเด่น แต่เพราะว่ามีเรื่องเยอะมากเกินไปจึงไม่สามารถแบ่งเวลาไปจัดการได้ จึงทำได้เพียงขอให้เฉินห้าวจัดการอีกครั้ง
คำขอของแฟนสาว เฉินห้าวไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นแผนการฟื้นฟูถนนเมี่ยวเจียนั้นเขาเองก็เป็นผู้นำด้วย เขาบอกให้โจวซีถงสบายใจได้ จะจัดการให้เร็วที่สุด
เฉินห้าวมาถึงสถานที่ก่อสร้างของถนนเมี่ยวเจียอีกครั้ง ทำความเข้าใจสักพัก ยังมีคนที่ยังไม่ยอมย้ายออก
ที่คนอื่นไม่ย้ายก็เพราะปัญหาเรื่องความอยู่รอด สภาพแวดล้อมที่สกปรกขนาดนี้ของถนนเมี่ยวเจีย ถ้าหากว่ามีที่ไป คงไม่มีใครอยากจะอยู่ที่นี่หรอก
ดังนั้นเฉินห้าวจึงพาคนจำนวนหนึ่งไปเยี่ยมบ้านที่ยังไม่ย้ายออก
“ฉันไม่ย้าย พูดอะไรฉันก็ไม่ย้าย ฉันไม่ยอมออกไปนอนข้างถนนข้างนอกหรอก!”
เจ้าของบ้านหลังแรกคือชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปี รูปร่างซูบผอม ตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้ว แต่เสื้อผ้าบนร่างกายก็ยังเป็นแบบบาง เสื้อผ้าและผมต่างก็ดูมีคราบมัน และมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา ไม่รู้ว่าไม่สระล้างมากี่วันแล้ว
ดูออกได้ว่าชีวิตของเขายากลำบากมาก ห้องนอนสี่เหลี่ยมเก่าๆที่ดูยากจน
รู้ดีว่าพูดไปก็ไม่เท่าการกระทำ เฉินห้าวเองก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมอะไรมาก เอาธนบัตรสีแดงสองปึกเอามาจากกระเป๋า วางไว้บนโต๊ะ
เงินสองหมื่นหยวนที่ใหม่เอี่ยม เปล่งประกายแวววาวเย้ายวนผู้คน ชายหนุ่มซูบผอมคนนี้ถึงกับจ้องตาค้าง พูดอย่างตกใจว่า “นาย นายหมายความว่ายังไง?”
เฉินห้าวพูด “นี่คือค่าย้ายออกของนาย นายย้ายออกไป เงินสองหมื่นหยวนถึงแม้จะอยู่โรงแรมก็สามารถอยู่ได้เป็นเดือนแล้ว ระหว่างนี้นายหางานทำ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ ถ้าอนาคตหางานที่เหมาะสมไม่ได้ ยังสามารถมาทำงานที่ไซต์งานถนนเมี่ยวเจียของฉันได้ ที่นี่ยังขาดคนงานไม่น้อยเลย”
“เงิน เงินพวกนี้ให้ฉันเลย? ไม่ต้องคืนงั้นหรอ?”
ชายหนุ่มไม่กล้าเชื่อ พูดจาติดขัด ยังไม่เคยจอกับเถ้าแก่ที่ใจกว้างขนาดนี้มาก่อน
ชายหนุ่มคนนี้เองก็เป็นเพียงแค่ผู้เช่า เฉินห้าวได้ซื้อสิทธิ์ในการควบคุมทรัพย์สินถนนเมี่ยวเจียแล้ว เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพักอยู่ที่นี่ต่อไป เฉินห้าวยอมที่จะให้เงินอุดหนุนเขานั้นถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มาก
“แน่นอน แค่เพียงนายย้ายออกภายในวันนี้ เงินนี้ก็จะเป็นของนาย แต่ถ้าหากว่าวันพรุ่งนี้ยังอยู่ งั้นก็ขอโทษด้วย เงินนี้ฉันจะเก็บกลับไป” เฉินห้าวพูดยิ้มๆ
“ตกลง ฉันย้าย!”
ได้เงินสองหมื่นมาฟรีๆ มีแค่คนโง่ที่ไม่ย้าย ดังนั้นชายหนุ่มซูบผอมจึงไปเก็บสัมภาระ ไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวัน เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเขาก็จากไปแล้ว
จัดการแล้วหนึ่งบ้าน เฉินห้าวก็พาทีมก่อสร้างไปบ้านต่อไป
ในขณะที่กำลังจัดการได้อย่างง่ายดายก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาถามว่า “ประธานเฉินครับ คุณให้เยอะเกินไปรึเปล่าครับ ถ้าหากว่าให้สองหมื่นทุกบ้านจะต้องจ่ายตั้งเท่าไหร่กันครับ? เดิมทีพวกเขาก็ควรจะย้ายออก ถ้าหากไม่ย้ายก็สามารถจัดการผ่านกฎหมายเพื่อบังคับให้พวกเขาย้ายออกได้นะครับ”
เฉินห้าวจึงได้อธิบายกับเขาว่า “ระยะเวลาก่อสร้างถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก่อสร้างช้าในวันเดียวก็เสียหายมูลค่าหลักหมื่น อาจจะถึงขั้นหลักแสน เทียบกับที่เสียเงินพวกนี้ไปฟรีๆ นั้นเอามาให้กับพวกผู้เช่าที่ยากจนพวกนี้ดีกว่า พวกเขายังจะจำได้ถึงความดีของพวกเรา นี่เป็นเรื่องที่ได้ผลดีทั้งนั้น พวกเราได้ผลดีทั้งเรื่องเวลาและชื่อเสียง และอีกฝ่ายก็ได้ผลประโยชน์ทั้งนั้น”
เมื่อพูดอย่างนี้ พวกพนักงานก็เข้าใจ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าทัศนคติตัวเองเทียบกับเฉินห้าวไม่ได้ เถ้าแก่เฉินนั้นมองการณ์ไกล ถ้าหากว่าเป็นเขาคงไม่ยอมเสียเงินเยอะขนาดนี้
ที่จริงเรื่องพวกนี้ก็ไม่สามารถโทษพนักงานพวกนี้ได้ ยังไงซะพวกเขาก็แค่คนทำงาน แต่เฉินห้าวเป็นเถ้าแก่ สามารถใช้เงินมาจัดการปัญหาได้อย่างง่ายดาย
ถ้าหากว่าพนักงานระดับล่างเองก็ทำแบบนี้ อย่างแรกก็ต้องทำการขอเบิกเงิน และถ้าหากจ่ายเงินไปแล้วยังจัดการปัญหาไม่เรียบร้อย ตัวเองก็ต้องรับผิดชอบ ไม่มีใครจะโง่ขนาดนี้ จึงเหมือนกับว่าลูกน้องไม่มีความสามารถในการจัดการปัญหา ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีเพียงให้เฉินห้าวมาจัดการ
เฉินห้าวมาถึงครอบครัวถัดไป บ้านนี้เป็นหญิงวัยกลางคนอาศัยอยู่ และเธอยังเลี้ยงดูเด็กชายมอมแมมอีกคนหนึ่ง เด็กชายเห็นคนเข้ามาเยอะขนาดนี้ก็ตกใจกลัวจนหนีไปหลบด้านหลังของคุณแม่
คุณแม่คนนี้ก็ดูเหมือนผ่านความลำบากอะไรมาเยอะ เธอที่ทำงานหนักเกินไปทำให้ดูเหมือนอายุสี่สิบกว่าปี มีตีนกาอยู่เต็มมุมตา