เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 346 ฝันกลางวัน
เฉินห้าวพูดทันที“มอบให้พวกคุณหนึ่งคำ พวกคุณกำลังคิดถึงPeach (คิดถึงPeachในที่นี้หมายถึงฝันกลาง)!”
เถ้าแก่เจิงคนนั้นการศึกษาเพียงระดับประถมศึกษาเท่านั้น ฟังที่เฉินห้าวพูดไม่เข้าใจ ก็ถามคนอื่นว่า“เขากำลังพูดอะไร?”
“เขากำลังด่าพวกเรา!”ใบหน้าของก่วนอวิ๋นชางเย็นชา บีบคั้นเอารัดเอาเปรียบไม่สำเร็จ เฉินห้าวและโจวซีถงไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่นขนาดนี้ เขาอับอายกลายเป็นโทสะเล็กน้อย
เฉินห้าวแสยะยิ้มทันที“ในเมื่อทุกท่านคิดว่าข้อเสนอก่อนหน้านี้สมเหตุสมผล งั้นผมก็อยากใช้หนึ่งพันล้าน ซื้อหุ้นของแต่ละคนจากบริษัทแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ขอถามว่าพวกคุณจะยอมมั้ย?”
“พูดบ้าอะไร อุตสาหกรรมบริษัท ก่วนซื่อ กรุ๊ปของพวกเราแพร่กระจายไปทั่วโลก มูลค่าตลาดนั้นสูงกว่าบริษัทโจวซื่อ ยังอยากใช้เงินแค่หนึ่งพันล้านมาซื้อหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกเราเหรอ?”ก่วนอวิ๋นชางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นั่นนะสิ ไท่หยางกรุ๊ปของผมมีมูลค่าตลาดหลายหมื่นล้าน หนึ่งพันล้านแม้แต่เศษเสี้ยวก็ซื้อไม่ได้ ยังอยากซื้อหุ้นเหรอ?” บอสจงคนนั้นพูดเยาะเย้ย
เฉินห้าวพูดว่า“พวกคุณสามารถใช้หนึ่งพันล้านแลกเปลี่ยนหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันก็ไม่ได้ มีเรื่องดีอย่างนี้ที่ไหน ห้ามผู้อื่นทำแต่ให้พวกตนทำได้เท่านั้น!”
“พวกเราเพียงแค่ลงทุนโครงการหนึ่ง แต่คุณต้องการหุ้นของบริษัทผม ไม่เหมือนกันอย่าแน่นอน และแน่นอนว่า ตอนนี้พวกคุณอาจจะมีรายได้น้อยลงเล็กน้อย แต่เป็นเพื่อนกับพวกเราสี่คนนี้ จากนี้ไปในแวดวงธุรกิจ ก็มีพวกเรามาสนับสนุน พวกเราเพียงแค่ทำโครงการเล็กน้อยก็ทำรายได้คืนมาแล้ว”
คำพูดของก่วนอวิ๋นชาง คาดว่ามีเพียงเด็กอายุสามปีเท่านั้นที่จะเชื่อ เหมือนกับที่พ่อแม่มักบอกว่าจะช่วยคุณเก็บเงินอั่งเปา รอวันนั้นที่คุณไปขอเงินจริงๆ ก็จะรู้ว่าเปล่าประโยชน์
ชายชราทั้งสี่คนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นโอกาสที่ดีของถนนเมี่ยวเจีย ก็อยากจะมาแบ่งกำไรอย่างกะทันหัน วิธีสกปรกแบบนี้ ก็ได้ยินได้ฟังเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ
คิดดูแล้วงานเลี้ยงที่ลอบสังหารของวันนี้ ก็ถูกจัดขึ้นมาเพื่อการนี้แล้ว
โจวซีถงยังดี ก็เพียงแค่ปฏิเสธ เฉินห้าวกลับไม่ไว้หน้าของพวกเขาชายชราทั้งสี่คน พูดจาเยาะเย้ย ตำหนิพวกเขา
นี่ยังอาศัยที่ตนมีอายุมากเที่ยวดูถูกคนอื่นจริงๆ ก็อยากจะเอารัดเอาเปรียบ บนโลกมีเรื่องที่ดีแบบนี้ที่ไหน
“พูดแบบนี้ คุณไม่เห็นด้วยเหรอ? ประธานโจว นี่ก็เป็นความคิดเห็นของคุณเหรอ? คุณต้องรู้ไว้ด้วยว่า พลังของพวกเราสี่คนรวมกัน เหยียบเท้าหนึ่งในประเทศ ก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน”
ก่วนอวิ๋นชางพูดจาก็ไม่เกรงใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นการหลอกลวงไม่สำเร็จ ก็เปลี่ยนเป็นข่มขู่
เฉินห้าวก็มองดูพวกเขาอย่างสงบ แต่ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจ นี่โง่มากแค่ไหน ถึงได้มีความคิดที่จะเอาเปรียบแบบนี้ หรือว่าทั้งสี่คนนี้เป็นโรคอัลไซเมอร์พร้อมกัน หรือเห็นว่าเขาและโจวซีถงรังแกได้ง่ายๆเหรอ?
คราวนี้เฉินห้าวคิดถึงประเด็นสำคัญ ทั้งสี่คนนี้เห็นว่าโจวซีถงรังแกได้ง่ายจริงๆ
หญิงสาวคนหนึ่งบริหารกิจการใหญ่ขนาดนี้ ตัวเองก็เป็นที่หมายปอง ที่สำคัญพวกเขายังแอบสอบถามมาว่า อาการป่วยพ่อของโจวซีถงหนักขึ้น สติการรับรู้ก็ไม่ค่อยมีแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้บริษัทโจวซื่อไม่มีใครสั่งการอยู่เบื้องหลังแล้ว ชายชราสี่คนก็ฉวยโอกาสรีดไถเงินจำนวนหนึ่ง
ทำธุรกิจมาอย่างยากลำบาก จะมีความสุขกว่าเงินที่ข่มขู่แย่งคว้าชิงมาได้อย่างไร?
“ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าหากพวกคุณมีความคิดแบบนี้ งั้นฉันโจวซีถงก็ถือว่าน้อมรับคำแนะนำในวันนี้แล้ว อภัยด้วยที่ฉันเสียมารยาท ขอตัวก่อน!”
โจวซีถงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว เห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจของชายชราทั้งสี่คนก็ขยะแขยง เป็นผู้ใหญ่ไม่ให้ความเคารพตัวเอง ต่างก็เป็นหมาป่าหิวโหยในร่างมนุษย์ เมื่อเห็นเนื้อก็อยากจะกัดหนึ่งคำ
ประธานชุยคนนั้นก้าวออกมากลายเป็นผู้ไกล่เกลี่ย“ธุรกิจนะ ไม่มีครั้งเดียวก็เจรจาสำเร็จ ประธานโจวเที่ยวเล่นในเมืองอวิ๋นหยางสองวันนี้ พวกเราก็ค่อยๆปรึกษาหารือกัน ธุรกิจก็สามารถเจรจาได้ ไม่ต้องรีบร้อนกลับ”
“ไม่มีอะไรต้องคุยกัน เมื่อไหร่ที่ทุกท่านยินยอมที่จะขายหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยเงินหนึ่งพันล้าน ค่อยมาคุยกับพวกเราที่เมืองไป๋เหอ!”
เฉินห้าวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น ก็โอบกอดโจวซีถงเตรียมจะจากไป
“ประธานโจว เจ้าของงานอย่างผมยังไม่ได้พูดอะไร รีบร้อนกลับเกินไปหรือเปล่า?”
น้ำเสียงของก่วนอวิ๋นชางไม่พอใจ และก็แอบแฝงด้วยข่มขู่
“พวกเราจะกลับ ดูว่าใครกล้าขวาง!”เฉินห้าวส่งเสียเย็นชา และก้าวเดินจากไป
ในเวลานี้ ทันใดนั้นก่วนซงก็พาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชุดสูทสีดำมายี่สิบสามสิบเดินออกมา และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว“แน่นอนว่าสำหรับประธานโจวพวกเราไม่มีทางขวาง แต่ไอ้เวรอย่างแกทำให้ฉันไม่พอใจ เกรงว่าวันนี้จะออกไม่ได้แล้ว”
เฉินห้าวหรี่ตาลง เพราะเห็นแขกในห้องโถงทยอยกระจายเดินออกไปพอสมควรแล้ว ยังมีหลายคนก็กำลังวิ่งเหยาะๆออกไป และที่เหลืออยู่ เหลือเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามสิบกว่าคนในชุดสูทดำเท่านั้น
ว่ากันว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่พวกเขาหลายคนก็ถืออาวุธจลาจลในมือ บอกว่าเป็นพวกอันธพาลก็น่าจะเหมาะสมกว่า
ประตูทางออกห้องโถงโดนคนรายล้อมหลายชั้น และพวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว
“ก่วนซง นี่ก็เป็นวิธีการต้อนรับต่อแขกของตระกูลก่วนของพวกคุณเหรอ?”โจวซีถงถามด้วยความโกรธ ยังไงเธอก็นึกไม่ถึงว่า อยู่ในประเทศยังมีเหตุการณ์เลวร้ายใช้กำลังข่มขู่แบบนี้
ก่วนอวิ๋นชางพูดว่า“ประธานโจววางใจได้ คุณเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งในแวดวงธุรกิจของพวกเรา แน่นอนว่าผมไม่มีทางทำอะไรคุณ คุณเพียงแค่ต้องพักผ่อนในโรงแรมนี้เพียงคืนเดียว พรุ่งนี้ผมจะขอขมาคุณเอง แต่ว่าไอ้สกุลเฉินนี้ทำให้ตระกูลก่วนของพวกเราไม่ขุ่นเคืองใจ ต้องถูกลงโทษอย่างร้ายแรง คุณได้โปรดอย่ายืนอยู่เคียงข้างเขา เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง”
นี่ถือได้ว่าเป็นการยุให้แตกกันในที่เกิดเหตุ ฟังดูเหมือนตราบใดที่โจวซีถงออกไปเฉินห้าวก็จะความปลอดภัย แต่อันที่จริง เผชิญกับผลกำไรหลายพันล้านดอลลาร์ ไม่มีใครสามารถรักษาสติสัมปชัญญะได้หรอก เธอแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งตกอยู่ในกำมือของพวกเขา ยังไม่รู้ว่าจะประสบกับเรื่องอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น โจวซีถงไม่มีทางแยกจากเฉินห้าว คนรักกันก็ต้องมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน
“เฉินห้าว พาฉันออกไป”โจวซีถงใช้คำพูดสั้นๆที่ทรงพลังของเธอ แสดงสภาพจิตใจของเธอ