เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 393 เพื่อนคนนี้น่าสนใจดี
วันต่อมา เฉินห้าวถูกเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ที่ตั้งไว้เองปลุกจนตื่น เขารู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้ง เหมือนว่าตัวเองเพิ่งนอนไปได้ไม่นาน
เฉินห้าวยีตาแล้วกดปิดนาฬิกาปลุกทิ้ง แต่ก็นึกขึ้นได้ถึงแผนการแก้แค้นที่วางไว้เมื่อวาน ดังนั้นจึงทนต่อความง่วง แล้วทำการเปิดใช้งานบัตรตรวจสอบภาษีใบนั้นที่เตรียมไว้แล้ว และเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็คือก่วนอวิ๋นชาง
แค่นี้ยังไม่จบ เฉินห้าวยังส่งข้อความไปให้ผู้สื่อข่าวจูหมิ่นด้วยว่า ให้เธอจับตาดูเรื่องที่บริษัทนกหัวขวานเลี่ยงภาษี จะมีข่าวใหญ่
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จ เฉินห้าวก็ยังรู้สึกว่าง่วงมาก มองดูโจวซีถงที่หลับอยู่ในอ้อมกอดเหมือนกับแกะขาวตัวน้อย และการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดก็คือกอดแฟนสาวแล้วหลับต่อ
หลับจนอิ่มตัว ทั้งสองถูกเสียงท้องร้องที่หิวโหยปลุกจนตื่น พูดให้ถูกก็คือหิวจนตื่นนั่นเอง
“โอ๊ะ เที่ยงแล้ว ทำไมถึงได้สายขนาดนี้แล้ว!”
เมื่อโจวซีถงเห็นเวลาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ เธอตื่นสายแบบนี้น้อยมาก แล้วรีบไปเก็บเสื้อผ้าบนพื้นมาสวมใส่บนตัว
เฉินห้าวเองก็ขี้เกียจอยู่บนเตียงไม่ได้แล้ว เมื่อเขาลุกขึ้น ก็เห็นผ้าปูเตียงที่ปูใหม่เมื่อวานเละเทะมาก ทั้งยับทั้งสกปรก แล้วยังมีน้ำเชื้ออยู่มากมาย
เฉินห้าวม้วนผ้าปูเตียงทิ้งลงถังขยะ จากนั้นก็ซื้อแบบเดียวกันมาปูจากแอพเงินอุดหนุนหมื่นล้าน ทีนี้ก็สะอาดแล้ว
แต่ว่าบนพื้นก็ยังมีกระดาษทิชชูเป็นกำและซองสี่เหลี่ยมที่ถูกฉีกแล้ว เมื่อคืนสนุกมากไปหน่อย ดังนั้นจึงโยนทิ้งไปทั่ว
เฉินห้าวสวมใส่ถุงมือยาง ทำความสะอาดบนพื้น จากนั้นก็เปิดหน้าต่าง จากนั้นก็ฉีดสเปรย์ดับกลิ่น ทีนี้ห้องนอนถึงได้กลับมาดูใหม่อีกครั้ง
เขามาที่ห้องล้างหน้า ล้างหน้าแปรงฟันกับโจวซีถง โจวซีถงหน้าแดงอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นึกถึงแล้วก็ยังใจเต้นแรงหน้าแดง ในตอนนั้นเธอเหมือนกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน บ้าคลั่งสุดๆ
บางที นั่นอาจจะเป็นตัวเธอที่ซ่อนอยู่ก็ได้
เนื่องจากเวลาสายมากแล้วจริงๆ ทั้งสองอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแล้ว
เฉินห้าวกดลิฟต์ลงชั้น 1 ปรากฏว่าหยุดลงที่ชั้น 2 เมื่อประตูเปิดออก ฉิงจื๋อเทาเผชิญหน้ากับพวกเขา ทั้งสองนิ่งค้าง
บังเอิญจริงๆ ทั้งตึกมีแค่สองห้องที่มีคนพัก ปรากฏว่ายังมาเจอกันอีก เจ้าอ้วนฉิงจื๋อเทานี่ก็ขี้เกียจจริงๆ แค่ชั้นสองยังจะใช้ลิฟต์
“ฉันแนะนำหน่อยละกัน คนนี้คือเพื่อนสนิทของฉัน ฉิงจื๋อเทา คนนี้คือ…..”
เฉินห้าวยังแนะนำอยู่ ฉิงจื๋อเทาก็รู้สึกตัวแล้ว แล้วหัวเราะ “ฉันรู้ คนนี้คือพี่สะใภ้ พี่สะใภ้โจวสวัสดีครับ!”
ฉิงจื๋อเทาทำความเคารพโจวซีถงอย่างกวนๆ
โจวซีถงเองก็หัวเราะ และพูดกับเฉินห้าวว่า “เพื่อคนนี้ของนายน่าสนใจดีนะ”
“พอได้มั้งครับ”
ฉิงจื๋อเทาพูดและหัวเราะ จากนั้นก็เข้าลิฟต์ และลงไปชั้น 1 ด้วยกัน
ฉิงจื๋อเทาจะไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารฝรั่งเศส แต่ก็พูดได้ว่าข้าวเช้า เพราะว่าเขาเองก็เพิ่งตื่น เวลาบังเอิญเหมือนกับพวกเฉินห้าวในวันนี้
เฉินห้าวและโจวซีถงเองก็หิว จึงได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารด้วยกัน
เมื่อมาถึงร้านอาหารฝรั่งเศส เชฟเซี่ยจิ้งเองก็อยู่ เห็นว่าโจวซีถงมาพร้อมกับเฉินห้าว และเมื่อคืนเฉินห้าวก็ไม่กลับบ้าน ส่วนโจวซีถงก็ใบหน้าเป็นประกาย
จิตสำนึกของหญิงสาว ทำให้เซี่ยจิ้งรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนไม่ปกติ จึงปากยู่อย่างห้ามไม่ได้ ไม่พอใจแล้วนะ
“ชายไร้หัวใจ คนเจ้าชู้ ตาซื่อบื้อ!”
เซี่ยจิ้งอยู่หลังร้านถือมีดไว้ และสับหัวไช้เท้าที่อยู่บนเขียง ใช้หัวไช้เท้าเป็นที่ระบายอารมณ์
เมื่อระบายเสร็จ เซี่ยจิ้งก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะ แต่กลับรู้สึกถึงความเศร้าโศก
ก็จริง คำพูดที่เขาด่าเมื่อกี้ไม่เป็นจริง เฉินห้าวและโจวซีถงต่างก็เต็มใจทั้งคู่ ใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง ส่วนตัวเซี่ยจิ้ง ก็เป็นเพียงแค่คนโสดที่หลงรักเขาข้างเดียวก็เท่านั้น
แต่ว่าเธอไม่ถอดใจหรอก ตบหน้าตัวเพื่อให้กำลังใจ กลับเข้าสู่ความมีชีวิตชีวาเหมือนเดิมอย่างเร็ว เธอจะแสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองต่อหน้าเฉินห้าวและโจวซีถง
ผู้ชายที่ฉลาด จะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสิ!
ผู้หญิงต่างก็ชอบแกล้งทำ เมื่อเซี่ยจิ้งมาเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเอง บนใบหน้าก้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น แล้วยังทักทายโจวซีถงก่อน ยินดีต้อนรับลูกค้าที่หายาก
“สวัสดีค่ะ เชฟเซี่ย” โจวซีถงเองก็ตอบกลับด้วยท่าทางสง่าสูงส่งเหมือนเป็นปกติของตัวเอง
เฉินห้าวกลับแอบถอนหายใจในใจยาวๆ ยังดีที่วันนี้เซี่ยจิ้งไม่ได้เล่นพิเรนทร์อะไร ดูแล้วก็ยังมีสติเข้าใจได้อยู่ ไม่ใช่คอยเอาแต่ใจ ไม่อย่างนั้นทุกคนคงจะอึดอัด
ข้าวมื้อนี้ โจวซีถงทำความรู้จักกับเพื่อนข้างกายของเฉินห้าวอย่างเต็มที่ เธอรู้สึกว่าฉิงจื๋อเทาชายติดบ้านคนนี้ก็น่าสนใจดี จึงได้พูดกับเฉินห้าวเสียงเบาว่า “มีคนบอกว่ากลุ่มสิ่งมีชีวิตถูกแบ่งแยกจากความคล้ายกัน นายและฉิงจื๋อเทาความสัมพันธ์ดีขนาดนี้ ปกติก็ตลกแบบนี้?”
“ฉันเป็นคนยังไง เธอน่าจะรู้ดีที่สุด เมื่อคืนพวกเราก็คุยกันทั้งคืนแล้วไม่ใช่หรอ?” เฉินห้าวยักคิ้ว
สีหน้าโจวซีถงนิ่งเฉย ตอนนี้เธอรู้นิสัยทางอารมณ์ของเฉินห้าวแล้ว ไม่ตกใจและไม่แยแสกับคำพูดล้อเล่นแบบนี้แล้ว ไม่มีความรู้สึกอายและไม่ชินอย่างในตอนแรกแล้ว
ทั้งสองกำลังกระซิบกัน คนโสดอย่างฉิงจื๋อเทากลับรู้สึกไม่พอ เพิ่งกินข้าวไปไม่กี่คำ ก็ป้อนอาหารหมาให้กันแล้ว เขาจึงรีบหาข้ออ้างว่าเพื่อนเขาชวนเล่นเกม แล้วก็หลบหนีไปแล้ว
“มีปัญหาอะไรก็โทรมา” เฉินห้าวพูดกับฉิงจื๋อเทา เขาหมายถึงเรื่องที่ทั้งสองตกลงกันไว้
“OK” ฉิงจื๋อเทาทำมือ จากนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก