เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - บทที่ 67 มู่ต้าเหวย
บทที่ 67 มู่ต้าเหวย
เวลา 1 ทุ่ม , โรงแรมไป๋เหอ
เฉินห้าวมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงตรงเวลา วันนี้เขาใส่ชุดสูทที่สั่งตัดโดยเฉพาะจากอิตาลี เป็นเพราะโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ชุดนี้มีราคาเพิ่มขึ้นถึง 4.5 แสนหยวนต่อชุด แต่ว่าเฉินห้าวใช้เงินอุดหนุนในApp เขาจึงซื้อมาได้ในราคาเพียง 6.2 เหมาเท่านั้น คุ้มมากจริงๆ
ทั้งพวกเนกไท รองเท้าหนัง ก็เป็นแบรนด์ระดับโลกทั้งนั้น ทั้งตัวรวมถึงนาฬิกาPatek Philippe ราคาทั้งตัวรวมๆ กันแล้วก็ประมาณ 5 ล้านหยวน พูดได้เลยว่าดูมีสง่ามาก
เมื่อตอนที่เฉินห้าวมาถึงห้องโถง พบว่าที่นี่มีแขกรับเชิญมาถึงแล้วหลายท่าน ชายหนุ่มในงานใส่สูทใส่รองเท้าหนัง และที่น่าหลงใหลก็คือมีสาวสวยอยู่หลากหลาย ชุดราตรีพวกนั้นไม่โชว์หลังก็โชว์ไหล่ ช่างดึงดูดสายตาเหลือเกิน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเฉินห้าวเพียงแค่มองเข้าและก็เจอกับแผ่นหลังสวยงามท่ามกลางผู้คน โจวซีถงใส่ชุดราตรีสีแดงปลายกระโปรงแสกขึ้นโชว์เรียวขาสวยงาม ส่วนเสื้อคอวีก็แหวกลึกลงไปโชว์ให้เห็นถึงร่างกายที่สมบูรณ์ของเธอ
สาวงามเช่นนี้ เฉินห้าวเองยังชื่นชมเลย คงไม่ต้องพูดถึงชายคนอื่น แค่ตอนนี้รอบตัวของโจวซีถงมีชายหนุ่มมาทำความรู้จัก5-6 คน
“หลีกไปให้หมด”
เฉินห้าวเบียดพวกชายหนุ่มพวกนั้นออก แล้วเดินมาตรงหน้าของโจวซีถง
แน่นอนว่าพวกชายหนุ่มพวกนั้นคงไม่ยอมถอยง่ายๆอย่างนั้นแน่นอน เฉินห้าวก็เลยโชว์ให้พวกนั้นเห็นถึงกล้ามเนื้อของเขา พวกนั้นจึงเลยยอมถอยออกไป การกระทำของเฉินห้าวแบบนี้เขาเรียกว่าการ “ทำให้ผู้คนจำยอม”
“มาเร็วขนาดนี้เลยหรอ” เฉินห้าวถามโจวซีถงด้วยรอยยิ้ม
แต่ใบหน้าของโจวซีถงไม่ได้ยิ้มแย้มเท่าไหร่ เธอพูดกับเฉินห้าวเสียงเบา “เดี๋ยวฉันจะช่วยเข้าหามู่ต้าเหวยให้ แต่ท่าทางของนายจำเป็นต้องถ่อมตน เขาถึงจะไม่ค่อยมีปัญหากับนาย ขอแค่เขาให้โอกาสแล้ว นายยอมขอโทษ เรื่องนี้ก็จะจบกันไปเลย”
เฉินห้าวแค่เพียงฟังหูซ้ายทะลุหูขวาเท่านั้น ความสนใจของเขาไปอยู่บนตัวของโจวซีถงจนหมด พูดถึงเรื่องขอโทษ เรื่องนี้ความผิดอยู่ที่อีกฝ่าย เฉินห้าวเป็นคนที่อยู่บนหลักเหตุผล
“นายได้ฟังฉันพูดอยู่รึเปล่าเนี่ย” โจวซีถงเสียงแข็งใส่
“ฟังสิ เธอบอกต้องให้โอกาสเขานี่” เฉินห้าวพูดอย่างไม่เห็นด้วย
“ตัวฉันไม่กลัวหรอกนะ แต่ทางที่ดีนายอย่าไปมีปัญหากับคนใหญ่คนโตแบบนี้ มันไม่เป็นผลดีอะไรกับตัวนายหรอก”
โจวซีถงพูดเสร็จ ก็เริ่มไปเข้าวงสังคม มีบุคคลที่คุ้นหน้าหลายคนไปทักทายเธอ สาวงามอันดับหนึ่งของเมืองไป๋เหอ แถมยังเป็นหนึ่งในนักธุรกิจ ขอแค่เป็นคนมีหน้ามีตาก็รู้จักเธอทั้งนั้น เป็นที่รู้จักมากกว่าพวกคณะกรรมการของเมืองซะอีก
เช่นคงไม่มีคนสามารถพูดชื่อของพวกคณะกรรมการของเมืองได้ออกมาได้หมด แต่แน่นอนว่าพวกเขาต้องรู้จักโจวซีถง นี่ก็คือความแตกต่าง
ส่วนคนอื่นๆ ที่เห็นโจวซีถงอยู่กับชายรูปหล่อแปลกหน้าคนหนึ่งและดูสนิทสนมกัน ต่างก็พากันอยากรู้อยากเห็น ในความทรงจำของพวกเขา โจวซีถงเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีข่าวลือกับชายคนไหนเลย หรือว่านี่จะเป็นแฟนใหม่ของเธอ?
“ประธานโจว ท่านนี้คือ? ”
ในตอนนี้เองมีชายหนุ่มใส่สูทรองเท้าหนังคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม ดูก็รู้ว่าพูดถึงเฉินห้าว
“เขา…เป็นหุ้นส่วนกับฉันค่ะ ใช่มั้ย? ”
โจวซีถงตอบแล้วหันกลับไปถามเฉินห้าว ที่สำคัญคือความสัมพันธ์ของพวกเขามันอธิบายได้ยาก ไม่ถึงขั้นเป็นแฟนกันแน่นอน และทั้งสองก็เคยทำธุรกิจร่วมกันมาบ้าง บอกว่าเป็นหุ้นส่วนก็ยังพอได้อยู่
“ใช่ครับ ผมเป็นหุ้นส่วนที่โจวซีถงสนิทด้วยมากที่สุด”
เฉินห้าวยอมรับสถานะนี้ แต่ก็เพิ่มเติมประโยคไปนิดหน่อย ยังไงซะความสัมพันธ์ของเขาและโจวซีถงก็ไม่ธรรมดา
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”
คนๆนั้นชนแก้วและคุยกับเฉินห้าวและโจวซีถงไม่กี่ประโยคก็ขอตัว
รอได้สักพัก ใจกลางห้องโถงห้องสว่างขึ้น มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งอายุประมาณ 40 กว่าๆ ยืนอยู่บนเวที ดูแล้วเหมือนกับรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองสุดๆ
“ยินดีต้อนรับแขกทุกท่านที่มาในงานเลี้ยงของผม……”
ชายวัยกลางคนๆ นั้นเพิ่งเริ่มพูดต้อนรับ โจวซีถงก็บอกกับเฉินห้าวเสียงเบาว่า “เขาก็คือมู่ต้าเหวย เป็นคนพิเศษของทางรัฐบาลเลยละ เขามีผู้สนับสนุนใหญ่มาก”
เฉินห้าวตั้งใจสอดส่องดูมู่ต้าเหวยคนนี้ เขาพอเข้าใจทักษะการวิเคราะห์ใบหน้าคนอยู่บ้าง และพบว่าใบหน้าของมู่ต้าเหวยคนนี้นั้นโหดเหี้ยม น่าจะไม่ใช่คนใจดีอะไร
เมื่อมู่ต้าเหวยพูดจบ ผู้คนต่างพากันปรบมือ โจวซีถงเองก็ปรบมือตามมารยาท มีเพียงคนเดียวที่ไม่ปรบมือก็มือเฉินห้าว มู่ต้าเหวยมีอำนาจมากแล้วยังไง ไม่ได้เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
มู่ต้าเหวยเดินลงมาที่ห้องโถง มีผู้คนมากมายเข้าไปประจบ หวังจะพึ่งพาความสัมพันธ์กับเขา
พูดถึงบุคคลคนนี้ที่มีอำนาจล้นมือ แค่ได้ใช้เส้นสายของเขาเพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ราบรื่นแล้ว
“ไป พวกเราก็ไปกันเถอะ”
รอจนคนรอบตัวของมู่ต้าเหวยน้อยลง โจวซีถงก็พาเฉินห้าวเดินเข้าไปหา
“ประธานมู่สวัสดีค่ะ” โจวซีถงเดินเข้าไปทักทาย
“ฮ่า ที่แท้ก็ประธานโจวนี่เอง ไม่เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นอีกแล้วนะ! ”
มู่ต้าเหวยพูดเต็มปาก สายตากวาดมองที่ตัวโจวซีถง
เกิดเป็นผู้ชาย เขารู้ดีว่าสายตานี้คืออะไร แค่นี้เฉินห้าวก็รู้แล้วว่ามู่ต้าเหวยคนนี้เป็นเฒ่าหัวงู สายตาที่มองโจวซีถงนั้นแสดงออกถึงความไม่บริสุทธิ์เลย
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะประธานมู่” โจวซีถงผงกหัวนิ่งๆ คำพูดพวกนี้เธอฟังมาเยอะจนไม่ได้ใส่ใจแล้ว
คุยเล่นเพียงไม่กี่ประโยค โจวซีถงก็เบี่ยงประเด็นมาพูดถึงเฉินห้าว
“ประธานมู่ คนนี้ก็คือเฉินห้าว ฉันคิดว่าระหว่างพวกคุณน่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกัน เราต่างก็เป็นคนเมืองไป๋เหอทั้งนั้น ยังไงก็คงได้เจอกัน มีอะไรเข้าใจผิดก็มาคุยทำความเข้าใจกันก็พอแล้วนี่คะ”
โจวซีถงพยายามจะเป็นคนกลางที่สานสัมพันธ์ให้
“อ้อ คนนี้ก็คือคุณเฉินนี่เอง ได้ยินมาว่าไปตีพ่อลูกจากตระกูลเจิ้ง แล้วยังไปถล่มสถานบันเทิงของหวังเชิน และล้มชายแกร่งชาวรัสเซียคนนั้นได้ด้วยใช่มั้ย? ”
ต่อหน้ามู่ต้าเหวยกำลังพูดถึงความเก่งของเฉินห้าว แต่ความเป็นจริงแล้วน้ำเสียงของเขากลับมีความโหดแฝงอยู่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังกล่าวโทษเฉินห้าวอยู่ฝ่ายเดียว