เจาะเวลาสู่ต้าถัง - ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข้า ตอนที่ 1
เจาะเวลาสู่ต้าถัง – ตอนที่ 1 ของรักของหวง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ชีวิตยังคงต้องก้าวไปข้างหน้า ตอนนี้เรื่องเพลิงไหม้ในเมืองฉางอันไม่ได้เป็นหัวข้อสนทนาหลักของชาวบ้านอีกต่อไป ชนเผ่าทูเจวี๋ยถูกทำลายสิ้น ทูตของแคว้นต่างๆ ต่างก็ทยอยมายังเมืองฉางอันไม่ขาดสาย เพียงแต่กลิ่นคาวเลือดนั้นยังคงคละคลุ้งตลบอบอวลอยู่ทั่วเมืองฉางอัน เมื่อออกจากบ้านก็จะเห็นชาวเผ่าหูทำตัวลับๆ ล่อๆ เหลียวซ้ายแลขวา ประตูตรอกซิ่งฮว่าฟางยังไม่เปิดก็มีชาวเผ่าหูวิ่งออกมาจากสถานที่รับรองตั้งแต่เช้าแล้วเพื่อศึกษาสัตว์ปี้สยาที่ทรงพลังดุดันที่อยู่หน้าประตูตรอกคู่นั้น เจ้าหน้าที่คนใหม่ที่มารับตำแหน่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก สัตว์ป่าตัวใหญ่ที่มีปีกแต่ไม่มีชื่อคู่นี้เป็นของรักของหวงของเขา ในแต่ละวันจะให้คนในตรอกที่เป็นชนชั้นล่างใช้น้ำล้างให้สะอาด แม้แต่คราบดินโคลนในร่องฟันก็ห้ามให้เหลือเด็ดขาด อาจารย์น้อยที่วาดภาพนี้ต้องทุ่มเทไปไม่น้อย สัตว์ดุร้ายแล้วเพิ่มปีกเข้าไปช่างดูน่ากริ่งเกรงดีแท้ สิงโตในตรอกไท่ผิงฟางก็เป็นแค่เนื้อในปากของสัตว์ดุร้ายคู่นี้ ให้ชาวเผ่าหูมาศึกษาช่างเสียเปล่าจริงๆ ไม่ได้ ขาดทุนย่อยยับ หันหลังกลับไปสั่งให้ชนชั้นล่างเหล่านั้นที่กำลังหัวเราะคิกคักหาผ้าขาดๆ สักผืนมาคลุมเอาไว้ สำหรับเสียงโอดครวญเสียดายของชาวเผ่าหูใครจะไปสนใจกัน
ฝ่าบาทเป็นโอรสสวรรค์ พวกเราเป็นประชาชนของโอรสสวรรค์ สำหรับชาวเผ่าหูเป็นพวกต่างถิ่นนอกคอก ไม่นับถือบรรพบุรุษของตนเอง แต่เชื่อในเทพเจ้าและวิญญาณประหลาดๆ ได้ยินว่ามีการนำคนมาเป็นเครื่องบูชาอีกด้วย มีใครบ้างที่บรรพบุรุษกินลูกหลานตนเอง แม้แต่เสือร้ายยังไม่กินลูกของตัวเอง หญิงชาวเผ่าหูที่มีดวงตาสีเขียวเพียงแค่มองก็ดูดี อกใหญ่เอวคอด ขอเพียงซื้อนางกลับบ้านและให้อาบน้ำหลายๆ ครั้งอาจจะกำจัดกลิ่นสาปกายออกไปได้ สำหรับชายชาวเผ่าหูที่มีดวงตาสีเทา อยู่ห่างกันห้าร้อยเมตรก็ยังได้กลิ่นสาบเลย ทั้งยังพร่ำบ่นคิดที่จะซื้อบ้านในตรอกซิ่งฮว่าฟางอีก ช่างเป็นเคราะห์กรรมจริงๆ ถ้าบ้านดีๆ เหล่านั้นถูกชาวเผ่าหูถือครองไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่ดูแลตรอกคงต้องไปกระโดดน้ำ
บ้านหลังเล็กก่อด้วยอิฐแดง แต่ละบ้านเมื่อเข้าไปก็จะเห็นต้นไม้ใหญ่ที่เป็นส่วนยอดของต้นถูกตัดและขนมาจากภูเขาซึ่งเป็นราคาที่สูงมาก ปลูกอยู่รอบๆ ลานบ้านเมื่อถึงปีหน้ามันจะกลายเป็นต้นไม้เขียวชอุ่มอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีพันธุ์พืชต่างๆ นานาที่ได้มาจากอุทยานหลวง เมื่อปลูกลงไปเจ้าหน้าที่ดูแลตรอกก็สั่งให้ชนชั้นล่างคอยเฝ้าดูแลทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าจะมีคนไม่ดีมาแอบขุดกลับบ้าน
โหวเหยียตระกูลอวิ๋นเป็นคนใจกว้าง ได้เพิ่มค่าจ้างให้กับชนชั้นล่างมากถึงสามเท่าเต็มๆ ตอนนี้ในตรอกซิ่งฮว่าฟางนอกเหนือจากสถานที่ก่อสร้างแล้ว พื้นดินทั่วทุกหัวระแหงสะอาดเหมือนสุนัขเลียชามข้าวเลย อิฐแดงต้องปูอยู่บนพื้น รอยต่อระหว่างก้อนอิฐไม่มีแม้แต่เศษสกปรกติดเลย เมื่อเดินบนถนนสายนี้แล้วแม้อยากถ่มน้ำลายก็ทำไม่ลง เหล่าชนชั้นล่างแขวนกระบองสั้นไว้ที่เอว หากมีคนถ่มน้ำลายมั่วซั่วก็จะเดินเข้าไปทุบโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น นี่เป็นกฎใหม่ของตรอกซิ่งฮว่าฟาง อาจารย์น้อยเคยบอกแล้ว มันเรียกว่าอะไรนะ สาธารณสุขชุมชน ทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกัน เอาเป็นว่ามีความหมายประมาณนี้ ขอเพียงแค่เห็นคนที่ทำตัวน่าขยะแขยงที่อยู่รอบตัวๆ ก็จับตัวแล้วตีด้วยพลองเป็นอันใช้ได้
คูน้ำที่มีกลิ่นเหม็นในสมัยนี้เรียกว่า จินสุ่ยเหอ ไม่อนุญาตให้เทปัสสาวะลงในแม่น้ำอีกต่อไป รุ่งเช้าของทุกวันจะมีรถม้าสี่ล้อมารับสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ไป เมื่อสั่นกระดิ่ง ทุกบ้านจะต้องนำกระโถนออกมาแล้วเทปัสสาวะและอุจจาระใส่ถังไม้ขนาดใหญ่ที่มีฝาปิดแล้วลากออกนอกเมืองไป ว่ากันว่าสิ่งปฏิกูลเหล่านี้จะกลายเป็นของดีเมื่อนำไปใช้ในพื้นที่เพาะปลูก พระเถระบางรูปยังกล่าวว่า นี่เป็นหลักการของวัฏจักรที่วนเวียนไม่รู้จบของโลก พืชพันธุ์เองก็มีวัฏจักรเช่นกัน
ดังนั้นเพียงเวลาชั่วข้ามคืน จินสุ่ยเหอก็แทบจะใสสะอาดจนเห็นก้นลำธารเลย ซึ่งก้นแม่น้ำก็มีทุกอย่างแม้แต่โครงกระดูกของคนตาย จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร อาจารย์น้อยผู้มีความสามารถเหล่านั้นได้สั่งปิดทางเข้าของแม่น้ำและบอกชาวบ้านทั้งสองฝั่งน้ำว่า ทุกบ้านจะต้องขุดดินตะกอนหน้าบ้านของตัวเองขึ้นมาส่วนหนึ่งแล้วนำไปกองไว้บนฝั่งแม่น้ำ ชาวฉางอันเป็นผู้ที่ไม่ยอมเห็นบ้านอื่นทำได้ดีกว่าบ้านตนเองมากที่สุด น้ำในแม่น้ำนี้ภายหน้าพวกเขาจะต้องใช้ดื่ม ถ้าหากมีโครงกระดูกคนตายที่ไม่ได้ถูกขุดขึ้นมาล่ะ คนที่จะโชคร้ายก็คือพวกเขาเอง จะให้ดื่มซุปโครงกระดูกตลอดชีวิตหรือ
จึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกช่วยกันจัดการหน้าบ้านตนเอง ถ้าบ้านเจ้าขุดลึกสามฉื่อ บ้านข้าจะขุดสี่ฉื่อ บางคนมุทะลุบ้าเลือดขุดถึงหกฉื่อจนเกือบจะขุดน้ำบาดาลออกมาอยู่แล้ว สุดท้ายจึ้งต้องกำหนดมาตรฐานขึ้นซึ่งก็คือสี่ฉื่อ สำหรับผู้ที่ออกแรงช่วยนั้นสามารถสร้างโต๊ะเล็กๆ สำหรับเอาไว้ใช้ซักผ้า ซาวข้าว ล้างผัก ซึ่งบ้านเจ้าก็จะมีโอกาสได้ก่อน อาจารย์น้อยได้กำหนดขนาดเอาไว้ให้แล้วว่าเป็นโต๊ะหินสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดหนึ่งเมตรครึ่งทั้งยังให้แกะสลักลายแต่กลัวว่าหากลื่นเกินไปอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บ วัสดุหินจะถูกส่งไปที่บ้านเจ้าซึ่งจะต้องหาคนมาจัดตั้งเอง เจ้าหน้าที่ทางอำเภอไม่ได้ดูแล
ริมแม่น้ำจะปลูกต้นหลิ่วเอาไว้ ต้นไม้ประเภทนี้มีอายุยืนเพียงปักลงดินก็ใช้ได้ เมื่อนึกถึงภาพบรรยากาศที่ว่าเมื่อต้นหลิ่วเติบโตขึ้นคนในบ้านนั่งรับลมเย็นใต้ต้นหลิ่ว ช่างชวนให้ผู้คนหลงใหล ชาวบ้านผู้ยากจนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งคูน้ำเหม็นเน่าก็พบว่า บ้านที่ผุพังของตนเองมีค่าขึ้นมาแล้ว นึกถึงตอนที่ซื้อบ้านหลังนี้ด้วยราคาหนึ่งก้วน แต่ตอนนี้เพียงแค่ที่ดินก็มีมูลค่าห้าก้วนแล้ว นี่เป็นเรื่องมงคลที่หล่นลงมาจากท้องฟ้า ในที่สุดก็ได้ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลานได้ทำกิน ชายชราที่หลังโก่งสองมือไพล่หลังเมื่อว่างๆ จึงเดินผ่อนคลายอยู่ริมน้ำ เมื่อพบสิ่งปฏิกูลก็เก็บมันขึ้นมาและวางไว้ที่ที่ของสกปรกควรอยู่ ทั้งยังเรียกเจ้าของบ้านที่มีสิ่งปฏิกูลอยู่หน้าประตูบ้านออกมาด่ายกใหญ่ บ้านเจ้านี่เป็นผียากไร้มาแต่กำเนิดจริงๆ อย่าทำให้ชาวบ้านในละแวกนี้ต้องมาเดือดร้อนไปกับด้วย หากโยนสิ่งปฏิกูลระเกะระกะอีกจำนำสิ่งปฏิกูลของทั้งตรอกนี้มาเทไว้ที่หน้าบ้านของเจ้า เจ้าของบ้านที่ถูกด่าหน้าแดงก่ำไปถึงใบหูแต่ก็จะยากที่จะโต้เถียงได้
ตั้งแต่นั้นมาผู้คนบนสองฝั่งน้ำก็ดูเหมือนจะตั้งเงื่อนไขด้านสุขอนามัยอย่างหนึ่งขึ้นมาโดยปริยาย เตาในบ้านเจ้าอาจจะไม่เช็ดก็ได้แต่ต้องทำความสะอาดหน้าบ้านให้เรียบร้อย แม้ฮูหยินที่บ้านเสียชีวิตไปแต่เรื่องนี้ก็ขาดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเพื่อนบ้านก็จะจัดการเจ้าถึงตายเช่นกัน
ตกดึกจึงมายกก้อนหินที่ใช้ปิดกั้นบริเวณปากแม่น้ำออก น้ำใสไหลเวียนเข้ามาใหม่อีกครั้ง หลังจากที่กระแสน้ำไหลผ่านชำระล้างไปหนึ่งคืน ยามรุ่งสางน้ำใสเป็นประกายในแม่น้ำก็ไหลหน้าบ้าน ปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน ชายชรานั่งบนโต๊ะหินสองมือรองน้ำขึ้นมาดื่มหนึ่งคำก็ตะโกนเสียงดังว่าดื่มได้ ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าน่าขยะแขยงของอุจจาระและปัสสาวะอีกต่อไป ดื่มน้ำสกปรกมาชั่วชีวิต ไม่คิดว่าการจะดื่มน้ำสะอาดแท้จริงแล้วมันง่ายเพียงนี้เอง ตนเองเพียงแค่ออกแรงช่วยและปลูกต้นไม้สองสามต้น ก็ทำให้ตัวเองรู้สึกได้ถึงความสุขที่ได้เป็นคนเป็นครั้งแรก
แม่น้ำทั้งสี่สายในเมืองฉางอัน แม่น้ำในพื้นที่ก่อสร้างของตรอกซิ่งฮว่าฟางเพิ่งจะแก้ไขปัญหาไปได้เพียงสายเดียวและทำความสะอาดได้เพียงแค่ปากแม่น้ำเท่านั้น ใช้หินไปจำนวนหนึ่งแต่ก็ทำได้เพียงแค่นี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการประเมินงบประมาณด้านวิศวกรรมขนาดใหญ่ของตรอกซิ่งฮว่าฟางแล้วเทียบไม่ได้กับตั๊กแตนตัวหนึ่ง ชั่วเวลาหนึ่งในอำเภอฉางอันที่เหล่าชาวบ้านมีความรู้สึกพลุ่งพล่าน สถานที่ก่อสร้างก็ถูกร้องขอให้ทำความสะอาดแม่น้ำทั้งสามสายที่เหลือด้วย
หลี่ต้าเลี่ยงเจ้ากรมแรงงานกำกับดูแลการก่อสร้างซ่อมแซมสะพาน เรือและแม่น้ำทุกสายทั่วราชอาณาจักร เมื่อเห็นสถานการณ์นี้เข้า ทำงานอย่างรวดเร็วเฉียบขาดและโดยไม่ชักช้า เป้าหมายที่ตั้งไว้คือค่าใช้จ่ายในการซื้อหินหนึ่งพันก้วน แรงงานชาวบ้านสองพันคนได้ถูกสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปจัดการ ภาพแบบแปลนให้ดัดแปลงแก้ไขจากสถานที่ก่อสร้างของตรอกซิ่งฮว่าฟาง หากวาดเสือจากรูปแมวยังทำไม่ได้ หลี่ต้าเลี่ยงก็ไม่รังเกียจที่จะทำการถ่ายเลือดครั้งใหญ่ตั้งแต่ผู้ที่อยู่เบื้องบนจนถึงเบื้องล่าง ฝ่าบาทและชาวบ้านต่างก็ผิดหวังกับกรมแรงงานอย่างที่สุดมานานแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำการปรับปรุงครั้งใหญ่อย่างไรทางการจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ในฐานะที่เป็นสถานที่ใจกลางสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ตรอกซิ่งฮว่าฟางจึงเป็นจุดสนใจท่ามกลางจุดสนใจอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ประตูตรอกที่ปิดตลอดทั้งวัน ทั้งยังมีชนชั้นล่างที่ดูโหดเ**้ยมอำมหิตอีกทำให้ชาวเมืองฉางอันต้องชะงักฝีเท้าไว้ อยากจะเข้าไปน่ะหรือ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ทางการกลับได้เข้าไป เพียงแต่คนที่ออกมาก็ดูราวกับไร้วิญญาณ ปากเอาแต่พูดชื่นชมไม่หยุด พูดตามตรงว่าสถานที่แห่งนี้มีอยู่แต่บนสรวงสวรรค์เท่านั้น บนโลกมนุษย์เราได้ยินเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่อพูดจบก็ส่ายศีรษะแสดงท่าทีว่าน่าอาลัยอาวรณ์แล้วก็จากไป ราวกับว่าได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ
เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้กว้างขวางทุกคนล้วนมีลักษณะเช่นนี้ จึงทำให้ชาวบ้านเมืองฉางอันมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นว่าแท้จริงแล้วตรอกซิ่งฮว่าฟางนั้นเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่ พวกเขาหารู้ไม่ว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นรถม้าแล้วคลำๆ กล่องไม้ใบเล็กๆ อันประณีตในอกเสื้อ เพียงแค่พูดไม่กี่คำก็ได้ของขวัญชิ้นใหญ่ เรื่องพายเรือตามน้ำนี่ทำแล้วช่างคุ้มค่าจริงๆ เพียงแต่ตนเองควรจะซื้อบ้านที่ตรอกซิ่งฮว่าฟางไว้สักหลัง เพื่อเก็บไว้รากฐานให้กับลูกหลานดีหรือไม่
หลี่เค่อใช้โอกาสในการก่อสร้างซ่อมแซมครั้งใหญ่บอกกับฮองเฮาว่า ตอนนี้สระไท่เยี่ยก็ถือเป็นบ่อน้ำเสียขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จินสุ่ยเหอจะมีน้ำสะอาดไหลเข้ามาแต่เมื่อเทียบกับน้ำใสภายนอกแล้ว น้ำที่ออกสีเขียวของสระไท่ฉือทำให้เขาดูแล้วขยะแขยง หากฮองเฮาต้องการเปลี่ยนน้ำเสียทิ้ง ผู้ที่เป็นลูกอย่างพวกเขาก็ควรแสดงความกตัญญูอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าพี่หลี่เฉิงเฉียนและหลี่ไท่ก็ต้องร่วมด้วย ขอเงินเพียงสามพันก้วนก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ พวกเขาสามพี่น้องสามารถรับหน้าที่นี้ได้
เพียงแต่มีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง ขณะที่เปลี่ยนถ่ายน้ำเสีย เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่พำนักอยู่ในวังจำเป็นต้องไปพำนักที่นอกวังชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวน เช่น พระหยางเฟยเฟยเสด็จแม่ของเขาที่อาศัยอยู่ใกล้สระไท่เยี่ยเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องย้ายไปพำนักอยู่นอกวังชั่วคราวอย่างแน่นอน เช่น เขาอวี้ซันซึ่งที่นั่นเขามีบ้านอยู่หลังหนึ่งสามารถให้ยืมได้
จั่งซุนเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกและนำไปเล่าให้หลี่ซื่อหมินฟัง หลังจากได้ฟังหลี่ซื่อหมินก็หัวเราะจนแทบจะหายใจไม่ออก ลูกชายอายุสิบสี่ปีเริ่มรู้จักแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวแล้ว แต่ผลประโยชน์นี้เป็นสิ่งที่เขาชอบจะได้ยินและได้เห็น ขอเพียงแค่กล่าวอ้างก่อนว่าเพื่อความกตัญญูผลประโยชน์เช่นนี้ก็จะถือเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง
เขาจึงได้เล่าเรื่องนี้ให้กับพระหยางเฟยเฟยฟัง ใครจะรู้ว่าพระหยางเฟยเฟยที่ปกติใบหน้ามีแต่รอยยิ้มเสมอมาจะร้องไห้เสียงหลงต่อหน้าเขา
“อ้ายเฟย[1]เจ้ารู้ไหมว่าเค่อเอ๋อร์เพื่อหาโอกาสให้เจ้าได้ออกนอกวังพักผ่อน ทุ่มเทลงไปมากน้อยเพียงไร ได้ยินชิงเชวี่ยบอกว่าตอนนี้เขาเป็นหนี้อวิ๋นเยี่ยอยู่สองก้วน ซึ่งเงินสองก้วนนี้ไม่ธรรมดาเลย เค่อเอ๋อร์จำเป็นจะต้องพยายามทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถเพื่อแลกเงินมาแต่ละสตางค์ เค่อเอ๋อร์ช่วยอวิ๋นเยี่ยซ่อมแซมตรอกซิ่งฮว่าฟาง ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดรวมแล้วเกินหนึ่งหมื่นก้วน กำไรที่ประเมินไว้จะได้มากกว่าหนึ่งแสนก้วน เช่นนี้แล้วอวิ๋นเยี่ยก็ยังคงไม่พอใจอย่างมาก ยอมให้เขาหักล้างหนี้เพียงห้าร้อยเหวิน ในส่วนที่เหลือเขาจะต้องสอบเอาชนะชิงเชวี่ยในด้านการศึกษาให้ได้จนได้เป็นนักเรียนตัวอย่างอันดับหนึ่งของสำนักศึกษา จึงจะได้รับการคืนเงินเข้าบัญชีเป็นจำนวนหนึ่งก้วน ในด้านการศึกษาชิงเชวี่ยนั้นเรียนดีเพียงใดเจ้าก็รู้ อยากจะเอาชนะเขามันยาก ยากมากจริงๆ”
เมื่อพูดจบก็หัวเราะเสียงดังอย่างภูมิใจเป็นที่สุด ลูกชายสองคนของเขาครองตำแหน่งอันดับหนึ่งและสองของสำนักศึกษาเป็นเวลานานโดยไม่มีใครทำอะไรได้ ได้ยินชิงเชวี่ยบอกว่าอวิ๋นเยี่ยเริ่มค่อนข้างโกรธแล้ว คราวนี้เขาเรียกนักเรียนคนอื่นๆ ในสำนักศึกษามาเพื่อประกาศให้รู้ว่าชิงเชวี่ยและหลี่เค่อเป็นเป้าหมายที่ต้องเอาชนะให้ได้ ขอเพียงเอาชนะพวกเขาได้จะได้รางวัลเท่าตัว ทั้งยังจะแถมเรือนเล็กหลังเดี่ยวในตรอกซิ่งฮว่าฟางให้อีกหนึ่งหลัง ตอนนี้นักเรียนในสำนักศึกษาบ้ากันไปแล้ว เข้านอนตอนตีหนึ่งตื่นตีห้าจนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา บนศีรษะคาดผ้าหนึ่งเส้น เรียนอย่างหนักทั้งกลางวันและกลางคืนก็เพื่อล้มหลี่ไท่ให้ได้ จนทำให้หลี่ไท่เริ่มกังวลเป็นอย่างมาก
สามารถทำให้อวิ๋นเยี่ยต้องยอมศิโรราบได้เป็นความสุขอย่างที่สุดของหลี่ซื่อหมินในตอนนี้ ความรู้สึกที่ต้องกัดฟันกรอดๆ แต่กลับจนหนทางทำอะไรเขาไม่ได้ไม่มีมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกถึงมันอีกครั้งจากเรื่องของลูกชายเขาช่างเป็นเรื่องที่น่าสนุกจริงๆ
“เด็กอวิ๋นเยี่ยคนนี้ก็ทำเกินไปหน่อย กล้าตั้งเงื่อนไขต่อลูกข้าถึงเพียงนี้ หม่อมฉันต้องไปสำนักศึกษาเพื่อทวงความยุติธรรมให้ลูกของหม่อมฉัน!” พระหยางเฟยเฟยตอนนี้ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้อีกแล้ว เมื่อคิดถึงว่าหลี่เค่อต้องเนื้อตัวสกปรกเต็มไปด้วยฝุ่นทำงานวุ่นวายอยู่ที่สถานที่ก่อสร้าง ร่างกายที่บอบบางต้องทนทุกข์ทรมานก็เพื่อให้มารดาได้มีเวลาพักผ่อนที่แสนสบาย ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดดั่งมีดกรีด
“แต่เรากลับคิดว่าแนวทางของอวิ๋นเยี่ยนั้นถูกต้อง อ้ายเฟย เจ้าก็เป็นคนที่เล่าเรียนเขียนอ่านมาก่อนก็ควรรู้หลักการที่ว่าคนเราเอาตัวรอดได้เพราะเพียรพยายามและจะตายบนเส้นทางที่เป็นสุขจนเกินควร ตอนนี้อวิ๋นเยี่ยบีบคั้นกดดันชิงเชวี่ยและเค่อเอ๋อร์อย่างสุดชีวิต ช่างเป็นวิถีแห่งครูที่แท้จริง เมื่อพวกเขาจบการศึกษาจากสำนักศึกษา ใต้หล้านี้ยังจะไม่มีที่ที่ให้พวกเขาเดินอย่างองอาจอีกหรือ ลูกชายข้าหลี่ซื่อหมิน ก็ต้องเป็นมังกร ภายหน้ารับภาระหน้าที่ดูแลแผ่นดินนี้จะต้องทำให้โลกได้สีสันขึ้นอย่างแน่นอน”
——
[1] อ้ายเฟย เป็นคำเรียก สนม โดยไม่ระบุชื่อหรือแซ่ แปลว่า สนมผู้เป็นที่รัก