เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน - ตอนที่ 14
14.คนซักผ้า
ทว่าไม่รู้เพราะอะไร ในใจหญิงสาวถึงได้รู้สึกผิดหวังอยู่หน่อย ๆ บางทีอาจเป็นเพราะตนเองมาสู่สถานที่อันแปลกประหลาด และไม่คุ้นเคย และคนที่นางดูจะคุ้นเคยมากที่สุดก็คือกู้หรูเฟิง ซึ่งเมื่อครั้งเป็นวิญญาณ นางได้คอยเฝ้าดูความเป็นไปของอีก ฝ่ายมาตลอดครึ่งเดือน
เพียงแต่ ความสัมพันธ์ระหว่างคนผู้นี้และนาง ทั้งหมด ล้วนขึ้นอยู่กับบุพเพวาสนา ในเมื่อไม่มีบุพเพวาสนาร่วมกัน เช่นนั้นแล้ว…ใยต้องเดือดร้อนจะเป็นจะตายเล่า แยกจากกันไป ก็นับว่าดีเหมือนกัน
ชั่วขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องแบบนี้ ที่นอกลานบ้าน พลัน
ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนโหวกเหวก “น้องสาวข้า ไม่คิดเลย ว่าวาสนาเจ้าจะดีเช่นนี้ แหม…นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีบุรุษมาอาสา ซักเสื้อผ้าให้เจ้า”
เมื่อหลิ่วเจินได้ยินเสียงนี้ คล้ายว่าน่าจะเป็นเสียงพี่ใช่ที่ อยู่ข้างบ้าน จึงเดินออกไปดู แล้วถามขึ้นด้วยความฉงน “พี่ใช่ กำลังพูดถึงเรื่องอันใดอยู่รี?” พี่ใช่เอ่ยด้วยความอิจฉา “ก็ที่ริมแม่น้ำตอนหน้าหนาวที่
หนาวจัดปานนี้ มีพวกผู้หญิงกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ และที่คาดไม่ ถึง ดันมีบุรุษของเจ้ามานั่งซักผ้าอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดไม่จากับใคร แหม…ชีวิตเจ้าช่างดีงามแท้ พาให้ชาวบ้านอิจฉากันยกใหญ่ เลยเชียว
คิ้วของหลิ่วเงินขมวดเล็กน้อย นางรำพึงในใจ ไม่ ประหลาดใจแล้ว ที่เขาไม่อยู่บ้าน อากาศดีก็หนาวจัดถึงปานนี้ อาภรณ์ที่ทั้งสองคนสวมใส่ พูดได้ว่าไม่หนาเอาเสียเลย แล้ว ตันหลบมาชักผ้าริมแม่น้ำนี่นะ หนาวยะเยือกเสียขนาดนั้นจะ เป็นอะไรไหมเนี่ย?
หญิงสาวรีบเร่งออกไป มองจากระยะไกล ก็เห็นคนเป็น อันมาก นั่งยอง ๆอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ จากระยะไกล ทั้งหมดเป็นสตรี ยกเว้นกู้หรูเฟิงคนเดียว
“ผู้ชายตัวโดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะชักผ้าเป็น”
“ใครใช้ให้บุรุษผู้นี้ไม่มีความสามารถเล่า? หน้าตาดีแล้ว มีประโยชน์อันใด?
คนเป็นอันมากเอาแต่ชี้ไม้ขี้มือไปที่นั่น ส่วนกู้หรูเฟิงก็ทำ เป็นมองไม่เห็น หูไม่ได้ยินสิ่งใด ชายหนุ่มยื่นมืออันขาวผ่อง เกลี้ยงเกลา จุ่มลงไปในน้ำเย็นจัด เขาออกแรงขย้เสื้อของหลิ่ว เงินอย่างมุ่งมั่นแข็งขัน
พวกผู้หญิงต่างจับกลุ่มซุบซิบกันอย่างสนุกสนาน กลุ่มละ สองคนบ้าง สามคนบ้าง ทว่าสายตาที่มองกู้หรูเฟิงฉายแววชม ชอบ พวกนางพูดถ้อยคำเหล่านี้ อย่างไม่อาจละความริษยได้ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะ เมื่อตอนกู้หรูเฟิงเพิ่งย้ายเข้ามาใน กระท่อมเล็ก ๆ มีสตรีหลายนางคอยตามเที่ยวไล้เที่ยวขื่อ ทว่า ไม่มีใครใจกล้าหน้าด้านเหมือนเจ้าของร่างเดิมนี้ ที่ไปมอมยา สลบผู้อื่นอย่างคาดไม่ถึง แล้วตรงขึ้นปืนเตียงอย่างบ้าบิ่น
ในเมื่อไม่อาจครอบครอง ก็พ่นคำพูดดูถูกมันเสียเลย
หลิ่วเจินเดินตรงเข้าไปทีละก้าว ทีละก้าว พลางซึ่งตาจ้อง มองสตรีเหล่านั้น พร้อมกับสาดประกายเย็นชาออกมาจาก ดวงตา พาให้สตรีเหล่านั้นหวาดกลัวไปชั่วขณะ ไม่กล้าหลุดคำ พูดออกมาสักคำ
นางนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆกู้หรูเฟิง แล้วแตะมืออีกฝ่าย “มือ เย็นเสียขนาดนี้ ประเดี๋ยวก็ได้ล้มป่วย ต้องไปหาหมอหรอก”
ชายหนุ่มรู้สึกว่ามือตนเองอุ่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อในพริบ ตา เขาขยี้เสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่สุดแรงเกิด พลางพูดขึ้น “ไหนเล่า ที่ว่าข้าอ่อนแอนัก ? ตีชั่วข้าก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้หญิงสามารถ ทำได้ แล้วไยข้าจะทำไม่ได้เล่า??”
“พอเถิดนะ ข้าจะซักผ้าเป็นเพื่อนท่านเอง หรือไม่ก็ ไว้ คราวหน้า เอาฟื้นมาต้มน้ำร้อนใช้ซักผ้าก็แล้วกัน
” นั่นมันสิ้นเปลืองมาก เจ้านะ…เลิกแตะน้ำเย็นเถิด ผู้หญิง เราแตะน้ำเย็นไม่ได้ ” กู้หรูเฟิงบีบมืออีกฝ่าย แล้วพูดยาว เหยียด “บางทีข้าไม่อาจให้ชีวิตที่ดีงามอันใดแก่เจ้าได้ ทว่าข้า ก็ไม่อาจให้เจ้าอยู่กับข้าอย่างลำบากลำบน”
หลิวเจินได้ยินเช่นนี้ พลันหัวเราะขึ้น “ที่ท่านพูดมานี่ ทำ อย่างกับเราสองคนเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ แน่ะ”
เขาเป็นขึ้นมาเล็กน้อย ที่ใบหูขึ้นสีแดงเรื่อ ชายหนุ่มทำ เหมือนจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ โดยแสร้งทำเป็นไม่เคยเกิดเรื่อง อะไรขึ้น “ที่จะแยกทางกันนั้น นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้เหนืออื่นใด ข้าจะลงมือทำสิ่งดี ๆ ด้วยตัวข้าเอง”
หลิ่วเจินรับคำเบา ๆ และอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนเขาเงียบ ๆ
บนท้องฟ้า เริ่มมีหิมะลอยละล่องลงมาช้า ๆ และไม่รู้ว่า ท้องฟ้าดูขมุกขมัวไปตั้งแต่เมื่อใด ขณะที่เกล็ดหิมะทยอยร่วง หล่นลงมาข้า ๆ บนแม่น้ำ คล้ายว่าน้ำที่เย็นจัด ก็ยิ่งเย็นลงเรื่อย ๆ ทว่ามีเพียงมือเท่านั้นที่อุ่นขึ้น และยังอุ่นขึ้นได้อีกเรื่อย ๆ
ผิวน้ำของแม่น้ำดูเวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีภาพทิวทัศน์ใด ๆ หลิ่วเจินทอดมองไปทั่ว เห็นเพียงต้นไม้แห้ง ๆ อยู่ไม่กี่ต้น แม้ว่า ต้นไม้จะแห้งเหี่ยว และไม่มีใบไม้สีเขียวใด ๆ ทว่ามันก็ยังคง ตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ แต่แลดูคล้ายเผยภาพฤดู วสันต์ ออกมากึ่งหนึ่ง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกนิยมชมชอบขึ้น มา