เจ้าชายที่มีเสน่ห์ของฉัน - ตอนที่ 24
24 .หน้าด้าน
ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับหลิ่วเจินดียิ่งนัก ทุกครั้งก็วางตัว ราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่ของนาง ทว่าภรรยาผู้ใหญ่บ้านดูคล้าย ไม่ค่อยพอใจมากนัก ยามหลิ่วเจินก้าวเท้าออกจากบ้าน เดินไป เกือบถึงประตู
ก็ได้ยินภรรยาผู้ใหญ่บ้านเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ามันเด็กไร่ ความสามารถ หากเจ้าได้เรียนรู้ความหน้าด้านจากผู้อื่นบ้าง เช่นนั้นแล้ว หรูเฟิงย่อมเป็นของเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่อาจะละทิ้ง ความละอายลงได้ เจ้าก็คงทำเรื่องไร้ยางอายพรรค์นั้นไม่เป็น หรอก มาคอยเที่ยวตามเทียวไล้เที่ยวชื่อเป็นบ้าเป็นหลังใน ยามนี้ จะมีประโยชน์อันใด? ในเมื่อเจ้ายังหน้าด้านไม่พอ
เกรงว่าเซียงเช่าคงไม่เข้าใจถ้อยคำเหล่านี้ แต่ไพลไปคิด
ว่าผู้เป็นมารดาต่าตนเอง เด็กน้อยนึกอยากร้องไห้ออกมานัก ใบหน้าแดงกำด้วยความอับอาย ครั้นแล้วก็เอามือปาดน้ำตา ในดวงตาทิ้งลวก ๆ แล้ววิ่งหนีไป
ทว่าหลิ่วเจินเมื่อฟังแล้วก็กระจ่างแจ้งในใจ ทั้งหมดทั้ง มวล ก็ต้องโทษอายุ ซึ่งยังไม่เข้าวัยแรกสาว เมื่อเห็นว่ามารดา เอาตัวนางไปเปรียบเทียบกับหลิ่วเจิน ให้ฟังอย่างไร ก็ตีความ ได้ว่าถ้อยคำเหล่านี้มันคือต่าประจานตัวเองอยู่เห็น ๆ
หญิงสาวหาได้มีโทสะไม่ เพียงคลี่ยิ้ม แล้วสะบัดแขนเสื้อ เดินจากไป ถึงอย่างไร ที่ภรรยาผู้ใหญ่พูดถึง ก็คือเจ้าของร่าง เดิม หาใช่ตัวนางเสียหน่อย
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เจ้าของร่างเดิมทำลงไปนี้ คล้ายว่า เป็นที่รับรู้ของทุกคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายคนพอเห็นเข้า ก็ จะชี้ชวนกันดู เหนืออื่นใด ต่อให้อยู่ในยุคสมัยใหม่ ไอ้เรื่อง ทำนองมอมยาผู้ชายให้สลบ แล้วเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ อื่น นับว่าสั่นสะเทือนวงสังคมได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในยุค โบราณคร่ำครีนี้เลย
คนเหล่านั้นแต่ละคนมิได้อยากไฝ่หาความยุติธรรมเพื่อ คนอื่นนักหรอก เพียงแต่หลังมื้ออาหาร ดันมีเวลาว่างมากไป หน่อย ก็เลยตั้งวงซุบซิบนินทากัน เฝ้าดูความวุ่นวายการ ทะเลาะเบาะแว้งของครอบครัวผู้อื่น ก็เท่านั้น และยังคอยเฝ้าดู เรื่องตื่นเต้นของครอบครัวผู้อื่น คล้ายว่าจะได้เห็นชีวิต ครอบครัวของตนเองดูดีขึ้นมากไปอีก
หลิวเจินได้ยินเสียงวิจารณ์ของชาวบ้านลอยลมมาไป ตลอดทาง หญิงสาวเดินกลับบ้านไปเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงประตู บ้าน ก็เห็นมีใครบางคนยืนรอตนเองกลับมาอยู่ตรงนั้น
กู้หรูเฟิงยืนรอตนเองอยู่นานแล้ว ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อ
นวมผ้าฝ้ายเรียบ ๆ ธรรมดา บุรุษผู้นี้มีบุคลิกท่าทางซึ่งรับ สืบทอดมาแต่กำเนิดประเภทหนึ่ง เอิบอาบอยู่ทั่วทั้งกาย ต่อให้ อยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เหมือนคนอื่น ๆ เขาก็เป็นดั่งหงส์ที่อยู่ใน ฝูงกาอยู่ดี
สายตานั่นที่ทอดมองมา ปรากฏคลื่นลมเล็กน้อย
ริม ฝีปากสีแดงสดเผยอขึ้นเล็กน้อย ครั้นแล้วจึงเอ่ยเสียงเบา “กลับมาแล้ว”
“กลับมาแล้ว”
คนทั้งสองถามและตอบด้วยถ้อยคำเดียวกัน ค่าสั้น ๆนั้นดู คล้ายจะทำให้คนผู้นั้นโล่งใจขึ้นเป็นพิเศษ
เหนืออื่นใด การก้าวเข้ามาในอาณาจักรที่แปลก ประหลาดและไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะมีหัวใจกล้า หาญ ไม่สะทกสะท้านเมื่อเผชิญสิ่งใด ต่อให้เป็นผู้ที่แบกความ สามารถ ทั้งความกร้าวแกร่งทรงพลังมาด้วย สุดท้ายก็คงมี ต้องมีอันสะดุดล้มและ ชวนกันบ้าง
หลิ่วเจินเพียงแค่ไม่แสดงออกออกมา ก็แค่นั้น ชีวิตของ หญิงสาวในอดีต ทั้งคลุกคลีทั้งได้เห็นชีวิตมนุษย์ที่เกิดมาและ ชีวิตมนุษย์ที่จากไปโดยตลอด ดังนั้นคนอย่างพวกนางส่วน ใหญ่มักมีใจเยือกเย็นกว่าคนปกติธรรมดา ทว่าสุดท้ายเมื่อ เหลือเพียงลำพังตัวคนเดียว ก็มีแนวโน้มที่จะเหนื่อยล้าและ หวาดกลัวขึ้นมาได้
ตอนมาถึงครั้งแรก นางต้องเผชิญกับการขาดแคลน อาหาร สถานการณ์ถึงขั้นอดอยากหิวโหย ด้วยเหตุนี้ ความ สามารถที่ทำสิ่งใดก็ล้วนสำเร็จซึ่งตนเองเคยภาคภูมิใจนั้น ล้วนเลิกคิดถึงไปเลย ได้แต่คิดให้ตนเองอยู่รอดไปวัน ๆ แค่ นั้น พอมาถึงตอนนี้ สถานการณ์คลี่คลายลงบ้างแล้ว ทว่า ภายในใจนางกลับว่างเปล่า
หญิงสาวเองยังไม่อยากเข้าไปในบ้านด้วย เพราะบ้านนี้ สร้างมาไม่ดี มีแสงเข้ามาน้อย ดังนั้นยืนอยู่ในลานบ้านดึกว่า บนพื้นตอนนี้ทั่วทุกที่มีแต่หิมะ และบนท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มีหิมะลอยละล่องลงมา หญิงสาวชูมือขึ้นไปรับ เกล็ดหิมะนั้นก็ทยอย หล่นลอดจากนิ้วมือนาง ร่วงใส่กลางดวงตาสีน้ำตาล
ดวงตาคู่นี้สะท้อนท้องฟ้า และท้องฟ้าก็สะท้อนดวงตา
เกล็ดหิมะปลิวว่อนอยู่ไม่รู้จบ คล้ายกระจกคั่นกลาง ที่สะท้อน ภาพของโลกทั้งสองใบ
หญิงสาวไม่ยอมกลับเข้าบ้าน กู้หรูเฟิงเลยยืนในลานบ้าน เป็นเพื่อนนาง แน่นอนเขาไม่ได้เอาแต่ยืนเหม่อมองอย่างโง่งม ตรงกันข้าม เขาดึงไม้ฟื้นที่วางเรียงกองไว้อย่างเป็นระเบียบใน ลานบ้านมาสองสามอัน และใช้ขวานสับพวกมันให้เป็นชิ้นเล็ก ลง เพื่อสะดวกเอาไปใช้จุดไฟหุงหาอาหารในภายหลัง
ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่งานที่คนประเภทเขาจะทำ ทว่าทุก ๆ อย่างที่ทำก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
หลิ่วเจินพลันเอ่ยขึ้น “ท่านเต็มใจทำหรือไม่?”
คุณชายจากตระกูลร่ำรวยและมีเกียรติ จะแต่งกายที ก็ยื่น มือมาให้บ่าวไพร่สวม จะกินอาหารที่ ก็แค่อ้าปากกิน จะเจรจา แต่ละที่ ก็มีแต่เรื่องการเมือง หรือเรื่องใหญ่ ๆ ระดับชาติ จะคุย ที ก็มีแต่เรื่องโคลงกลอน ทว่ากลับต้องมานั่งผ่าฟืน มาจุดไฟหุง หาอาหาร ในสถานที่ ๆ แม้แต่นกยังไม่อยากมาถ่าย