เจ้าพ่อสุดเฟี๊ยวแห่งนคร - ตอนที่ 56
ตอนที่พ่อค้าเหล่านั้นจ่ายเงินเสร็จกำลังจะจากไป ยังกำชับเซี่ยหยางอย่างแข็งขันทีหนึ่งว่า ถึงเวลาเก็บเกี่ยวครั้งหน้า จะต้องบอกพวกเขา แถมยังพากันทิ้งช่องทางติดต่อไว้ จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างอ้อยอิ่ง
เซี่ยหยางคำนวณรายการในบัญชี ครั้งนี้ถึงกับขายได้เกือบสองล้าน และเท่ากับว่าเงินที่เหมยหรูยานลงทุนก่อนหน้านี้ การซื้อขายครั้งนี้ก็ได้กำไรกลับมาแล้ว ที่เหลือก็เท่ากับอัตรากำไรสุทธิ
ยิ่งกว่านั้นยังมีไม้ผลไม่น้อยที่ยังไม่ได้เริ่มขาย อีกทั้งพวกกุ้งปลาสตรอว์เบอร์รี่เหล่านั้น ก็ไม่ได้แลกเปลี่ยนเป็นเงินหยวน พอคิดดูอย่างละเอียด ยังคงเป็นฝีมือของเหอเสี่ยวหย่าที่เหนือชั้น ได้กำไรสูงกว่าการเพาะปลูกของตัวเองเมื่อก่อนไม่น้อยอย่างที่คิดไว้จริงๆ
“เซี่ยหยาง นายเนี่ยร้ายกาจจริงๆ เลยนะ ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องทำได้” เหมยหรูยานหัวเราะคิกคัก มือขาวผ่องกำลังโอบไหล่เซี่ยหยาง แถมยังส่งสายตาหยาดเยิ้มให้เขา
เซี่ยหยางตัวสั่น รู้สึกได้เพียงกลิ่นหอมลอยเข้าจมูก ก่อนจะพูดว่า “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ยังต้องพึ่งบุญของคุณอยู่ดี คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่คุณพามาจะกล้าได้กล้าเสียขนาดนั้น พูดว่าเท่าไหร่ก็คือเท่านั้น แถมยังเพิ่มราคาให้อีก ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“นั่นก็เพราะว่าของของคุณดีน่ะสิ เรียกว่าของหายากเลยดูมีคุณค่า อย่ามองว่าพวกเขาแย่งกันซื้อเท่านั้น ยังเป็นเพราะมันให้ผลกำไรด้วย” เหมยหรูยานยิ้มกว้าง
“อันนี้ให้คุณแล้วกัน เงินทุนของคุณได้คืนกลับมาขาดอีกไม่เท่าไหร่ก็ครบแล้ว” เซี่ยหยางเอาเงินส่งให้เหมยหรูยาน
เหมยหรูยานกลับไม่รับ จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางรังเกียจ ทั้งยังผลักเซี่ยหยางเบาๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะขึงตาใส่ “คนเขาไม่ต้องการสักหน่อย นายเก็บไว้ลงทุนต่อเถอะ ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มเองไม่ใช่เหรอ”
“แล้วคุณต้องการอะไร? พวกเราตกลงกันแล้วว่าครึ่งต่อครึ่งไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยหยางสงสัย
เหมยหรูยานยิ้มอย่างเอาแต่ใจ ใช้นิ้วหยิกไปที่ไหล่ของเซี่ยหยางเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณว่าฉันอยากได้อะไรล่ะ?”
สมองของเซี่ยหยางช็อตไปเล็กน้อย มองท่าทางน่าหลงใหลของเธอ คงไม่ได้ต้องการจะให้เขาพลีกายหรอกนะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ขาดเงิน สองล้านสำหรับเธอแล้วน่าจะเป็นเหมือนของเด็กเล่นด้วยซ้ำ ใช่ตัวเขาคิดมากไปหรือเปล่า?
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อดีไหม ลองชิมอาหารท้องถิ่นของร้านเราดู” เซี่ยหยางทำการเชื้อเชิญ
เหมยหรูยานตอบรับด้วยความยินดี ระหว่างเดินก็คล้องแขนเซี่ยหยางไปด้วย เพราะว่าใส่รองเท้าส้นสูง เวลาเดินบนทางดินระหว่างคันนา จึงไม่สะดวกเป็นอย่างมาก
พอมาถึงฟาร์มสเตย์ การมาถึงของเหมยหรูยาน ดึงดูดความสนใจของพนักงานและเหล่าชายสูงวัยบางส่วน หญิงสาวที่ร่ำรวยและแสนสวยเช่นนี้ แถมยังสวมเสื้อผ้าเซ็กซี่ทันสมัย จึงทำให้พวกผู้ชายมีความคิดเตลิดไปไกลได้ง่ายๆ
นี่คงทำเอาเหล่าภรรยาในหมู่บ้านร้อนใจแทบแย่แล้ว มีภรรยาคนหนึ่งเข้ามาดึงหูสามีของเขา ทางหนึ่งลากทางหนึ่งก็ด่าว่า “มองอะไร ยังไม่ไสหัวไปทำงานอีก นั่นเป็นเนื้อห่านฟ้าที่แกกินได้เหรอ แค่มองอย่างเดียวจะมีประโยชน์อะไร”
“แกก็ด้วยกลับไปเดี๋ยวนี้ นั่นเป็นอาหารของเจ้านายเซี่ยเขา ดูท่าทางไร้อนาคตของแกสิ น้ำลายหกลงมาแล้ว น่าขายหน้าจริงๆ ฉันแต่งงานกับแกได้ยังไงนะ?”
ภาพเช่นนี้ทำให้เซี่ยหยางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ส่วนเหมยหรูยานน่ะเหรอ เพียงแค่มองดูอย่างนิ่งๆ เท่านั้น จากนั้นก็เดินนวยนาดบิดสะโพกต่อ ใช้สายตาจ้องมองเซี่ยหยางพลางหัวร่องอหาย จากนั้นก็มองดูรอบๆ อย่างรวดเร็ว
เซี่ยหยางไม่ค่อยกล้ามองมากเท่าไหร่นัก กลัวว่าความคิดจะเตลิดมากเกินไป พอเห็นพวกพนักงานชายมองอย่างโง่งม ก็อดกระแอมขึ้นมาสองทีไม่ได้ “ไม่ทำงานกันหรือไง ไม่รู้เหรอว่าลูกค้ามา ไปหยิบเมนูของร้านมาสิ”
พวกพนักงานชายถึงค่อยได้สติขึ้นมา ตอนที่หลายคนกำลังหันกลับไปยังคงอาลัยอาวรณ์ ไม่มองทางกระแทกกับกำแพงเสียอย่างนั้น นำพาเสียงหัวเราะคิกคักมาให้เหมยหรูยาน
รอจนอาหารขึ้นโต๊ะครบแล้ว เหมยหรูยานก็กินอย่างมีความสุข และกินไม่ยอมหยุดเสียด้วย เธอยังอดดื่มเหล้าไปนิดหนึ่งไม่ได้ เดิมทีแก้มอันน่าหลงใหลที่ขึ้นสีแดงระเรื่ออยู่แล้ว ก็ยิ่งคว้าหัวใจคนมากขึ้น
มื้อนี้เซี่ยหยางกินข้าวด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น กว่าจะกินเสร็จไม่ง่ายเลย เหมยหรูยานยังไม่คิดจะจากไป เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ เซี่ยหยาง ลมหายใจที่หอมเหมือนกล้วยไม้รินรดที่ข้างหู “พวกเราร่วมงานกันอย่างมีความสุขขนาดนี้ ฉันตัดสินใจแล้ว ต่อไปจะมาที่นี่บ่อยๆ นายอย่าทำให้ฉันผิดหวังเชียวล่ะ ฉันเชียร์นายเป็นพิเศษ นายคือคนที่ทำให้ฉันปลื้มใจที่สุดในบรรดาคนที่ฉันเคยร่วมลงทุนด้วย”
“อ้อ แน่นอน ผมจะพยายาม” ภายในใจเซี่ยหยางเต็มไปด้วยสะเก็ดไฟลุกโชน รู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมา
“งั้นก็ดี ขอดื่มให้กับการร่วมงานของเรา” เหมยหรูยานยกแก้วขึ้น กลับวางลงไปอีกครั้ง จากนั้นก็ซบไหล่เซี่ยหยางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบว่า “ดูเหมือนฉันจะเมาแล้ว ฉันขอพักสักเดี๋ยวได้ไหม?”
“ได้อยู่แล้ว ตามสบายเลย” พอเซี่ยหยางพูดจบ ก็หันไปมองเธอ พบว่าตาเธอหรี่ปรือราวกับกำลังจะหลับ เพียงแต่ที่ใต้ลำคออันขาวผ่องนั่น ความอวบอัดกำลังกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยหยางคิดจะผลักเธอออก แต่เธอขยับริมฝีปากไปมา ยื่นมือมาคล้องไหล่เซี่ยหยางไว้ ราวกับกำลังหาหมอนหนุน
นั่งอยู่อย่างนี้มาหลายชั่วโมง เซี่ยหยางจึงตัดใจขยับตัวไม่ลง ตามใจเธอแล้วกัน จนถึงตะวันตกดิน เหมยหรูยานจึงค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
“ตายแล้ว ฉันหลับไปได้ยังไงกัน ตอนนี้กี่โมงแล้ว?” เหมยหรูยานพูดพลางขยี้ตาด้วยท่าทางงัวเงีย ยิ้มออดอ้อน พลางบิดขี้เกียจ ดูท่าจะหลับสบายเป็นอย่างมาก เธอดูเวลา ก็ร้องขึ้นอย่างตกใจว่า “ดึกขนาดนี้เชียว ฉันต้องกลับแล้วล่ะ”
“งั้นผมก็ไม่รั้งคุณไว้แล้ว ค่อยพบกันใหม่” เซี่ยหยางนวดไหล่ที่ปวดเมื่อยเล็กน้อย ใจอยากให้เธอสบาย แต่ฉันกลับลำบากและไม่สบาย
“ไม่เป็นไรนะ?” เหมยหรูยานเหมือนจะรับรู้ความไม่สบายของเซี่ยหยางได้ แถมยังนวดไหล่ให้เขาด้วย ก่อนจะกล่าวว่า “ทำไมนายไม่ปลุกฉันล่ะ?”
เซี่ยหยางหัวเราะอย่างขื่นๆ ไม่ยอมอธิบาย ส่งเหมยหรูยานออกไป จะพูดอย่างไรล่ะ หนึ่งเพราะตัดใจปลุกคนสวยนอนหลับไม่ลง สองเพราะรู้สึกว่าทำแบบนี้อันที่จริงก็ไม่เลว แม้ว่าจะต้องมีความอดทนอย่างยิ่งก็ตาม
ขณะที่เหมยหรูยานเดินไปขึ้นรถก็ยังไม่ลืมส่งสายตาหยาดเยิ้มมาให้ จากนั้นก็หัวเราะร่าแล้วจากไป
ช่างเป็นคนที่มีเสน่ห์จริงๆ ไม่รู้ว่าหากเมื่อกี้ทำเรื่องเลยเถิดออกไป เธอจะถือว่าหรือเปล่า?
เซี่ยหยางแสยะปากยิ้มเยาะกับตัวเอง จากนั้นก็กลับไปยังบ้านสองชั้นของเขา
พอเข้าไปในบ้านก็พบว่าเหอเสี่ยวหย่ายังศึกษาต้นไม้หน้าตาประหลาดต้นนั้นอยู่ที่เดิม กิริยาท่าทางยังคงน่าหลงใหลเหมือนเดิม
“กลับมาแล้วเหรอ? วันนี้การเก็บเกี่ยวในแปลงยังดีอยู่สินะ ได้ยินว่ามีคนมารับซื้อไม่น้อยเลย” เหอเสี่ยวหย่ายิ้มบางๆ
“อ้อ ดีมากเชียวล่ะ นี่เป็นผลงานของคุณทั้งนั้น” เซี่ยหยางนิ่งคิด หยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่ง มอบให้เหอเสี่ยวหย่าพลางพูดว่า “นี่เป็นการขอบคุณคุณ ถ้าไม่ได้คุณ ผลผลิตคงไม่เยอะขนาดนี้”
“ช่างเถอะค่ะ คุณทำแบบนี้หมดสนุกกันพอดี คุณก็รู้ว่าฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพราะเงิน” เหอเสี่ยวหย่าปฏิเสธด้วยถ้อยคำสุภาพ
เซี่ยหยางเข้าใจความหมายของเธอ เหอเสี่ยวหย่ามีสวนเพาะปลูกใหญ่ขนาดนั้น เกือบทั้งหมดมอบให้ผู้อื่นดูแล เธอมาที่นี่ก็เพื่อค้นหาความลับในการเพาะปลูก ย่อมไม่สนใจเงินเล็กน้อยแค่นี้
“ผมเองก็ไม่มีวิธีอื่นในการตอบแทนน้ำใจคุณ หากคุณรู้สึกว่ามันธรรมดาไป งั้นก็ช่างเถอะ” เซี่ยหยางรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
“หากอยากบอกฉันจริงๆ งั้นคุณก็บอกความลับของคุณมาสิคะ” เหอเสี่ยวหย่าพูดพลางยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
เซี่ยหยางตะลึงไป ได้แต่พูดอย่างขอไปทีว่า “ผมว่ายังคงช่างเถอะดีกว่า คุณก็รู้ว่าผมไม่มีความลับอะไร”
“คุณไม่บอก ช้าเร็วฉันก็ต้องพบมันอยู่ดี” เหอเสี่ยวหย่าทำปากยื่น ยืนกรานอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ก้มหน้าค้นคว้าพืชนั้นต่อ
เซี่ยหยางรู้ว่าหากถกหัวข้อนี้กับเธอต่อ จะเป็นการยิ่งถมก็ยิ่งดำ จึงปิดปากไม่พูดเสียเลย กลับห้องปิดประตู เข้าไปสำรวจพืชและสัตว์เหล่านั้นของตัวเองในโลกแผ่นหยก
เหอเสี่ยวหย่ามองห้องของเซี่ยหยาง กัดริมฝีปากแดงเบาๆ ลอบคิดว่ายิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นใจคน เธอไม่เชื่อว่าจะไม่มีวันที่คุณเผลอหลุดปาก
เซี่ยหยางเพิ่งจะเข้าไปยังโลกแผ่นหยกก็ได้ยินเสียงดัง “แซ่ก” มีเงาดำสายหนึ่งวาบผ่านหน้าไป รวดเร็วอย่างมาก ทำเอาเซี่ยหยางตกใจจนสะดุ้งวาบ พอเพ่งมองดู ก็อดขำพรืดออกมาไม่ได้
คิดไม่ถึงว่าเจ้าสิ่งนั้นจะถึงกับเป็นกระต่ายตัวหนึ่ง เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วัน มันอยู่ในโลกแผ่นหยกก็ตัวโตเกือบจะเท่าหนึ่งได้แล้ว เหมือนกับจิงโจ้ตัวหนึ่ง เวลานี้หูที่เหมือนกับใบพัดตั้งตรง ยืนด้วยขาหลังอันแข็งแรงสองข้าง ทำตาเบิกกว้าง ปากขมุบขมิบไปมา เคี้ยวหญ้าไปพลางมองเซี่ยหยาไปพลาง
“มานี่มา ขอดูหน่อยว่าแกหนักแค่ไหนแล้ว” เซี่ยหยางพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว พูดจบเขาก็รู้สึกขำ ความฉลาดของกระต่ายนี่ ไม่น่าจะฟังภาษาคนเข้าใจหรอกมั้ง
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือกระต่ายยักษ์ตัวนั้นถึงกับค่อยๆ กระโดดมาหาเซี่ยหยางอย่างช้าๆ จากนั้นก็ยืดขาขึ้น มองสำรวจเขาไปมา ราวกับแปลกใจมาก
เซี่ยหยางดึงหญ้าบนพื้นยื่นไปให้ กระต่ายตัวนั้นถึงกับเดินเข้ามาอย่างระแวดระวัง จากนั้นก็ลองกินเข้าไป เพียงไม่นานก็กินอย่างกระตือรือร้นยิ่ง
เซี่ยหยางลองลูบที่ขนของมัน มันเริ่มระวังตัวขึ้นมาบ้าง แต่ก็เปลี่ยนเป็นเชื่องขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แถมยังเลียฝ่ามือของเซี่ยหยางด้วย หูยักษ์ขยับไปมา ดูท่าทางน่ารักอย่างยิ่ง
“ยังมีอีกตัวนี่นา เพื่อนแกล่ะ?” เซี่ยหยางรู้สึกขบขัน อดโพล่งออกมาอีกประโยคไม่ได้
กระต่ายยักษ์ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร ทางด้านนั้นก็มีเสียงเห่าของสุนัขตัวหนึ่งดังออกมา เป็นเสียงของเจ้าฉาย ดูเหมือนจะร้อนใจอย่างมาก
เซี่ยหยางตระหนกวาบ วิ่งเข้าไปก็พบภาพตรงหน้าดูวุ่นวายเป็นพิเศษ
กระต่ายอีกตัวหนึ่งตัวโตขึ้นมาหลายเท่าเช่นเดียวกัน ที่ด้านหลังของมันมีลูกกระต่างตัวเล็กๆ ฝูงหนึ่งอยู่ด้วย กำลังกระโดดหลบไปมา ที่ห่างไปไม่ไกลจากพวกมัน เจ้าฉายกำลังแยกเขี้ยวขู่คำรามเหมือนกับอยากจะเข้าไปกินพวกมัน
ส่วนลูกแมวสองตัวน่ะเหรอ กลับกัดหูของเจ้าฉายดึงมันเอาไว้ น่าจะกำลังห้ามเจ้าฉายอยู่
แต่กระต่ายป่าได้ไปปลุกนิสัยดุร้ายของเจ้าฉายขึ้นมา เดรัจฉานตัวนี้อยากจะทานเนื้อสัตว์ขึ้นมาแล้วสินะ
“หุบปากสุนัขของแกซะ เจ้าฉายแกนี่มันใช้ไม่ได้เลยนะ สันดานยากแก้ไข แกยังอยากจะได้ตัวเมียอยู่ไหม?” เซี่ยหยางตวาด
เจ้าฉายเห็นเจ้านายมา ก็ส่งเสียงหงิงๆ ถอยหลังไปอย่างน้อยใจ ก้มหัวลงดูเหมือนไม่เต็มใจนัก ลูกกระต่ายยักษ์เหล่านั้นมองมาที่เซี่ยหยางพลางกระดิกหูไปมา จากนั้นก็กระโดดหนีเข้าไปในป่า
ดูท่ากระต่ายสองตัวนี้จะเริ่มสืบทายาทแล้ว ดูเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดอง กำลังเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขอยู่ในโลกอุดมคติ
ลูกแมวสองตัวปล่อยเจ้าฉาย เข้ามาถูขาของเซี่ยหยางอย่างออดอ้อน
“พวกแกสองตัวทำได้ไม่เลว เหมาะแก่การให้รางวัล” เซี่ยหยางจับปลาตัวใหญ่สองสามตัวจากในแม่น้ำโยนไปให้ลูกแมว ลูกแมวสองตัวเหมือนกับเสือตัวน้อยแล้ว เริ่มกินปลาอย่างเอร็ดอร่อยทันที
เจ้าฉายมองอย่างอิจฉา สายตามองไปที่เซี่ยหยางอย่างวาดหวัง จะสื่อว่ามันก็อยากกินปลาด้วยเหมือนกัน
“พูดไม่รู้เรื่อง ใครให้แกมาวุ่นวาย ต่อไปห้ามรังแกกระต่ายเหล่านั้นอีก ขอเพียงแกดูแลไร่นาที่นี่ให้ดี ไม่ให้พืชผักเสียหาย คราวหน้าฉันจะพาตัวเมียมาให้แก” เซี่ยหวางกล่าวอย่างเข้มงวด
เจ้าฉายถึงกับพยักหน้า แลบลิ้นออกมาอย่างดีใจ แต่มันแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ขนทั่วร่างตั้งชัน โผเข้ามาที่เซี่ยหยางอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหยางอดชะงักไปไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าเจ้าฉายจะโจมตีตัวเอง แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าไม่ปกติ ด้านหลังเหมือนจะมีบางอย่างจู่โจมเข้ามา นำพาสายลมเย็นยะเยือกหอบหนึ่งมาด้วย
พอหันกลับไปมอง ก็เห็นงูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่งอ้าปากกว้างฉกเข้ามาที่เขา