เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 115
ตอนที่115 จำฉันได้มั้ย?
ผู้จัดการคลับเฮาส์ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เพิ่งจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ทรงอิทธิพล
เครื่องที่ประตูใหญ่บันทึกแค่ข้อมูลของสมาชิกทั่วไป แต่สมาชิกวีไอพีชั้นยอดทั้งหมดไม่ได้บันทึกข้อมูลไว้ ปกติแล้วเจ้าของคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง!
แต่เพราะอะไรสมาชิกวีไอพีชั้นยอดคนนั้นเดินทางประตูใหญ่?
ผู้จัดการคลับเฮาส์ร้องอย่างตกใจ “หัวหน้า ผม ผมไม่รู้ว่าท่านนี้เป็นสมาชิกวีไอพีชั้นยอด……”
“ไปเบิกเงินเดือนฝ่ายการเงิน จากนั้นก็ไปให้พ้น!”
ผู้จัดการคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยร้องด้วยความตกใจ จากนั้นเดินไปหาถังเฉา โค้งคำนับ “ลูกค้าท่านนี้ ข้าผู้น้อยมีตาหามีแววไม่ ทำผิดต่อท่าน ท่านใจคอกว้างขวาง อย่าตำหนิเลย……”
ถังเฉาเหลือบมองเขา ทันใดนั้นก็คิดขึ้นได้ว่า ครั้งก่อนที่มาคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ย
ครั้งนั้น เขามาพร้อมกับหูอีซานผู้ที่เป็นเศรษฐีร่ำรวยอันดับต้นๆของเมืองหมิงจู ใช้เงินนับพันล้านประมูลของล้ำค่าติดอันดับโลกที่มีชื่อว่า ‘หยาดน้ำตาของวีนัส’ เพื่อทำเป็นแหวนเพชรสำหรับงานแต่งงานมอบให้หลินชิงเสว่
ห้องวีไอพีที่หูอีซานจัดเตรียมไว้ เหมือนมีเพียงสมาชิกวีไอพีชั้นยอดจึงจะเข้าไปได้
“ไปเถอะ”
คนที่ไม่สำคัญแบบนี้ ถังเฉาไม่นำมาใส่ใจจึงปล่อยเขาไป
“ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณนายท่าน……”
ผู้จัดการคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยปาดเหงื่อบนใบหน้า เดินตามกันไปอย่างรีบร้อน
คลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนสันทนาการ ความบันเทิง งานปาร์ตี้ยามค่ำคืน เป็นสถานที่ที่บรรดานักธุรกิจที่มีเงินจำนวนมากมารวมตัวกัน มีทั้งหมดห้าชั้น สนามการประมูลซื้อขายที่ถังเฉาและหูอีซานไปในครั้งก่อน ซึ่งอยู่ชั้นบนสุด
และงานเลี้ยงในคืนนี้ อยู่ที่ชั้นสอง
ถังเฉาหันไปมองพนักงานที่เดินตามมา “คุณไปทำงานของคุณเถอะ ผมขอเดินเล่นคนเดียวอยู่แถวนี้”
“ขอรับ”
พนักงานรู้ดีว่ามีบุคคลสำคัญบางคนต้องการความเป็นส่วนตัว ตอบรับไปหนึ่งคำ แล้วเดินลงไป
ถังเฉามาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง ในขณะนั้นงานยังไม่เริ่มขึ้น ในงานมีเสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ และมีกลุ่มคนสองสามคนจับกลุ่มกันพูดคุยตามประสา ดื่มไวน์แดง หัวเราะสนทนาเรื่องทั่วไป
บุคคลที่มางานเลี้ยงในคืนนี้คือประธานบริษัทในอาคารกั๋วจี้ ทุกคนมีสถานะที่น่าเชื่อ ดังนั้นบุรุษทุกท่านที่มาในงานมักจะมากับคู่ควงรูปร่างงดงามที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี แต่มีถังเฉาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่แตกต่างออกไป
“ถังเฉา—-”
ทันใดนั้น หลินฉ่ายเวยพูดด้วยน้ำเสียงตกใจจากด้านหลัง “คุณเข้ามาได้ยังไง?”
ถังเฉาหันกลับไปมอง เห็นเพียงหลินฉ่ายเวยมองดูเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เธอเห็นชัด ๆ ว่า ถังเฉาคิดที่จะเข้ามา แต่ถูกขวางเอาไว้ หรือว่าเป็น……ผู้จัดการคลับเฮาส์หน้าประตูปล่อยให้เขาเข้ามา?
ถังเฉาพูดเบา ๆ “ผมก็มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้เหมือนกัน มีคนมารับเป็นเรื่องธรรมดา”
ใบหน้าของหลินฉ่ายเวยเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณก็สามารถมาร่วมงานค่ำคืนนี้กับเค้าด้วยเหรอ?”
จากนั้น เหมือนจะคิดอะไรออก สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้ว มีคนพาคุณเข้ามา มิน่าแม้แต่คู่ควงก็ไม่มี……”
คลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยไม่ปล่อยคนเข้ามาอย่างไร้เหตุผล หลินฉ่ายเวยคิดได้ประมาณนี้
เมื่อแน่ใจในความคิด หลินฉ่ายเวยก็ยิ่งรู้สึกว่าถังเฉามาเพื่อกินฟรี ไม่หยุดที่จะพูดจาดูหมิ่นอีกว่า “คุณยังมีหน้าอยู่อีกหรือเปล่า? ที่นั่งอยู่ตรงนั้นใครบ้างที่ไม่ใช่ประธานของบริษัทที่มีหน้ามีตา คุณล่ะ? มีสถานะอะไร นั่งอยู่ที่นี่ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างเหรอ?”
คำพูดของเธอช่างคมคายแดกดันยิ่งนัก ประกาศความเป็นศัตรู เสียดแทงเข้าไปในหูคนในงานเลี้ยงที่สงบเงียบนี้ ทันใดนั้นประธานบริษัทที่มาร่วมงานต่างมองไปที่ถังเฉา
ถังเฉาจ้องเขม็งไปที่หลินฉ่ายเวย “คุณรู้ได้อย่างไร ว่าผมมากินฟรี?”
“ยังไม่ยอมรับอีก คุณไม่มีแม้แต่คู่ควง ยังสวมชุดทักซิโด้ราคาหลักหมื่นมาอีก เช่ามาใช่ไหม?”
หลินฉ่ายเวยมองไปที่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัวของถังเฉา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูหมิ่น
ในยุคที่เห็นเงินเป็นใหญ่นี้ ย่อมมีการเปรียบเทียบในทุก ๆที่ ขับรถอะไร สวมนาฬิกาอะไร เปิดบริษัทอะไร กลับกลายเป็นการเปรียบเทียบในระดับที่ต่ำสุด
สำหรับ คน กลับเปรียบเทียบในระดับที่สูงสุด
ผู้หญิงที่ยืนข้างกับคุณเป็นอย่างไร เพื่อยืนยันว่าสถานะทางสังคมของคุณนั้นสูงมากเพียงใด ประธานบริษัทที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ คนไหนบ้างที่ไม่มีสาวสวยมาเป็นคู่ควง?
นั้นเป็นภาพลักษณ์ นั้นเป็นสถานะภาพทางสังคม
กล่างถึงความคิดของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง ก็เหมือนกัน
เพราะว่าผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆหลินฉ่ายเวยคือ เหวินเหวยเฉินเจ้าของอาคารกั๋วจี้ ดังนั้นเธอจึงมีความภูมิใจสุด ๆ ราวกับว่า เธอได้เข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของวงจรของอำนาจนี้แล้ว
ในงานมีเพียงถังเฉาที่มาเพียงคนเดียว ดูเหมือนไม่เหมาะสมอย่างมาก แม้แต่การสวมใส่ทักซิโด้ที่ตัดโดยช่างตัดเสื้อส่วนตัว ยิ่งทำให้คล้ายกับเป็นการเช่ามา
“ประธานซ่งนี่มันเรื่องอะไรกัน ปล่อยให้ใครเข้ามาได้อย่างไร?”
“คนชั้นต่ำที่ไม่มีชื่อเสียง ฉุดให้งานในคืนนี้กลายเป็นงานเลี้ยงที่ไม่มีรสนิยม!”
ในเวลาอันรวดเร็ว ทุกคนต่างพูดจาดูถูกเหยียดหยามถังเฉา
ถังเฉาไม่มีทีท่าโกรธเคือง เพียงแต่มองทุกคนในงานเลี้ยงในคืนนี้ จดจำใบหน้าของพวกเขาไว้
หลินฉ่ายเวยมองถังเฉาด้วยความสะใจ แม้เธอจะไม่รู้ว่าถังเฉาเข้ามาได้อย่างไร แต่โดนเธอก่อกวนขนาดนั้น เขาก็ไม่มีหน้าที่จะอยู่ในงานเลี้ยงได้ต่อไปอีกแล้ว
ใครจะรู้ ถังเฉายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่เพียงไม่ไปไหน แต่กลับเดินตรงไปด้วยท่าทีมั่นคง นั่งลงที่นั่งตรงกลาง นั้นเป็นที่นั่งสำหรับประธานของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้
“คุณ—-”
หลินฉ่ายเวยจ้องมองด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำอะไร?”
ถังเฉานั่งลงที่นั่งตรงกลาง มองไปรอบ ๆ งานเลี้ยงด้วยสายตาเย็นชา พูดอย่างไม่แยแส “ผมนั่งในที่ ๆผมควรนั่งแล้ว ทำไมล่ะ?”
“บังอาจ!”
ประธานบริษัทท่านหนึ่งตะโกนออกมา “นั้นเป็นที่นั่งของเจ้าของอาคาร คุณมีคุณสมบัติอะไร รีบไปให้พ้น!”
ประธานที่มาร่วมงาน ต่างมีสีหน้าตึงเครียด
เก้าอี้ตัวนั้น ทำจากทองคำบริสุทธิ์ ไว้สำหรับเจ้าของอาคารโดยเฉพาะ ผู้จัดงานในค่ำคืนนี้อย่างซ่งเทียนซาน
ก็ไม่ควรนั่งตรงนั้น ถังเฉาเขามีความสามารถอะไร กล้านั่งเก้าอี้ตัวนี้?
หากเหตุการณ์นี้เจ้าของอาคารพบเห็นเข้า โครงการของสำนักงานการก่อสร้างในปีนี้ อาจส่งผลเสียต่องานโดยรวมได้
ต่อมา มีประธานบริษัทจำนวนไม่น้อยต่างต่อว่าดุด่าเสียงดัง เพื่อให้ถังเฉายืนขึ้นมา
ในขณะนั้นเอง ประตูเปิดออก หญิงสาวสองคนงดงามเพียบพร้อมเดินเข้ามา
คนด้านซ้ายสวมใส่ชุดราตรีเกาะอกสีดำ รูปร่างแสนเย้ายวน เรือนร่างอันเร่าร้อน โดยเฉพาะชุดเกาะอกนั้น ยิ่งเผยให้เห็นร่องลึกเนินอกนั้นได้อย่างชัดเจน
และอีกคนหนึ่ง งดงามยิ่งกว่ามากมาย
ตั้งแต่หัวจรดเท้าสวมชุดราตรีสีขาวรัดกุม ผมยาวที่ม้วนขึ้นสูง ทั้งโดดเด่นทั้งมีเสน่ห์ไม่สูญเสียความมีสง่าราศี เมื่อเทียบกับอีกคนหนึ่งแล้ว หญิงสาวด้านซ้ายกลับมีอารมณ์เป็นสาวสมัยใหม่จัดจ้านมากกว่า
“ประธานฟาง ประธานซุน!”
มองหญิงสาวสองคนนี้เดินเข้ามา ประธานที่มาร่วมงานยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าของทุกคนมีความตื่นเต้น โดยเฉพาะฟางหย่า ผู้คนส่วนใหญ่ต่างอยากเข้าไปเชื่อมความสัมพันธ์
งานเลี้ยงในคืนวันนี้ สิ่งที่พวกเขาคาดหวังมากที่สุด นอกจากเจ้าของอาคารผู้ลึกลับเข้าถึงยากแล้ว ก็ยังมีรองประธานทั้งสองของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป
แม้ว่าประธานลี่จิงกรุ๊ปจะไม่มา ทำให้พวกเขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ว่าได้พบฟางหย่า ซุนเสว่ รองประธานทั้งสอง ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เป็นที่รู้กันว่า บริษัทลี่จิงกรุ๊ปมีพนักงานหญิงเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นสาวงามที่เพียบพร้อมกันเกือบทุกคน ฟางหย่าก็คือหญิงงามในหมู่หญิงงามพวกนั้น ใครที่ได้ฟางหย่าเป็นคู่ควงในค่ำคืนนี้ นั้นจะต้องเป็นที่สะดุดตาของงานคืนนี้แน่นอน
ซุนเสว่ที่อยู่ด้านข้างเห็นประธานบริษัทต่างรุมล้อมเข้าทักทายฟางหย่า ดวงตาอดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงความอิจฉา
ฟางหย่ามีลักษณะนิสัยอ่อนโยน ไม่มีบุคลิกเหมือนรองประธาน ไม่ว่ากับใครก็ตาม ก็พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม
ทันใดนั้น สังเกตเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของบรรดาประธานบริษัท อดไม่ได้ที่จะถาม “ทุกท่าน ที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
ประธานบริษัทต่างหันไปมองถังเฉายิ้มเย็นชา บริษัทลี่จิงกรุ๊ปเป็นบริษัทที่เข้มแข็ง หากรองประธานทั้งสองทำให้เจ้าเด็กคนนี้เสื่อมเสียนับว่าเป็นประโยชน์ของทุกคน ถ้าอย่างนั้นเขาก็ได้พบกับแบนหรือคำสั่งห้ามจากบริษัทลี่จิงกรุ๊ป!
ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ยินคำพูดตำหนิจากหญิงสาวไม่กี่คน และพบกับการแบนหรือคำสั่งห้ามจากบริษัทลี่จิงกรุ๊ปอีก หากเป็นอย่างนี้แม้แต่งานเล็กๆ น้อยคงจะหาไม่ได้อีกแล้ว!
“ประธานฟาง ประธานซุน พวกคุณอาจจะไม่ทราบ คน ๆ นี้มาเพื่อกินฟรีไม่ดื่ม ไม่พูดอะไร และยังมานั่งที่ของเจ้าของอาคารอีก พวกเราให้เขาออกไป เขาก็ไม่ยอมไป” ประธานคนหนึ่งเป็นตัวแทนของทุกคน พูดกับฟางหย่าและซุนเสว่
“อะไร?! ใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้ กล้านั่งในที่นั่งของเจ้าของอาคาร!”
ซุนเสว่คิ้วกระตุกทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
แต่ฟางหย่ากลับไม่ได้พูดอะไร ชูคอขึ้น เพื่ออยากจะดูให้ชัดเจนว่าข้างหลังคนเหล่านี้เป็นใครกัน
“เป็นเขาคนนั้น!”
หลินฉ่ายเวยชี้ไปทางด้านหลัง ชี้ไปทางถังเฉาพูดกับฟางหย่าและซุนเสว่
ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเยือกเย็น แม้เจ้าสวะคนนั้นมีความสัมพันธ์บางอย่างกับบริษัทลี่จิงกรุ๊ป แต่สิ่งที่เขาทำในงานนี้ เป็นการทำลายเรื่องดี ๆของทุกคน บริษัทลี่จิงกรุ๊ปต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ๆ!
ฟางหย่าและซุนเสว่มองตามไป เห็นคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทองคำ คือถังเฉาที่เหมือนกับราชามีสีหน้าเยือกเย็น
ทันใดนั้นเอง ฟางหย่าสั่นไปทั้งตัว หรี่ตาลง จ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของถังเฉา
และเวลานั้นเอง ซุนเสว่ได้เดินเข้าไปดุด่าต่อว่าถังเฉา
“คุณเป็นใคร?นั่งบนที่นั่งของเจ้าของอาคาร—-”
“ซุนเสว่! หุบปาก!”
ซุนเสว่ ยังพูดไม่จบ ฟางหย่าก็ตะโกนออกไป เพื่อตัดคำพูดของเธอ
“……”
ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งงานเงียบกริบ
หลินฉ่ายเวย และประธานบริษัทในงานเหล่านั้นมองไปที่ฟางหย่าราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
ซุนเสว่หันกลับมา ด้วยใบหน้างุนงงแกมดุดัน “ฟางหย่า คุณกล้าออกคำสั่งกับฉันเหรอ?”
“ประธานหลินเคยพูดว่า งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ฉันเป็นตัวแทนของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ฉันสั่งให้หุบปาก คุณก็ต้องหุบปาก!”
ในเวลานี้ ฟางหย่าที่เคยเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ใบหน้าที่งดงามกลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ซุนเสว่แสดงสีหน้าไม่พอใจ แววตาตกตะลึงแกมโมโห แต่ก็ยังคงปิดปากเงียบสนิท เดินถอยออกไป
ฟางหย่ารีบเดินไปข้างหน้าถังเฉา และถามด้วยความร้อนใจว่า “คุณยังจำฉันได้ไหม?”