เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 449
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของถังเฉา ลู่โป๋หานก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยเขาไป
ทันใดนั้น เขารู้สึกเสียใจสุดๆ และเขาเกลียดตัวเองไม่น่าทำให้เป็นเรื่องเลย สุดท้ายทำให้ตัวเองเดือดร้อนจนได้
ที่จริง ตอนที่ฉินสิบเจ็ดบอกฐานะพวกเขาว่าเป็นตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ลู่โป๋หานก็คิดที่จะละทิ้งแล้ว คนบ้าดนตรีถึงจะสวยแค่ไหน ก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับ
แต่เขาก็ไม่ตายใจ จึงกลับไปแบบนี้จนได้
บางคนยอมเป็นหัวไก่ ก็ไม่ยอมเป็นหางหงส์ ในขณะที่บางคนยอมเป็นหางหงส์ ก็ไม่ยอมเป็นหัวไก่
ตระกูลลู่ของเขาเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยในเจียงเฉิง แต่หากคิดจะก้าวหน้ากว่านี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ด้วยเหตุนี้ เขากับปู่ของเขาเฉินเจียงไห่จึงคิดหาวิธีต่างๆมากมาย แต่ก็ไร้ประโยชน์
ไม่มีทางแล้วจริงเหรอ?
ไม่ ลู่โป๋หานจะไม่ยอมรับชะตากรรมแบบนี้
ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ทำให้เขามองเห็นความหวัง ถ้าหากเขาสามารถทำในสิ่งที่เขาชอบ และได้รับความโปรดปรานจากคุญชายกระกูลรวย แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กชายของตระกูลฉินคนตระกูลสายนอก ก็สามารถช่วยตระกูลลู่ของเขาได้
ลู่โป๋หานรู้สึกใจหวั่นไหว ทุกอย่างก็พัฒนาตามที่เขาคิดไว้ จนกระทั่งถังเฉามาถึง
แผนการณ์ของเขา ถูกถังเฉาทำลายจนหมดสิ้น
ฉินสวูตงถูกจับ ฉินสิบเจ็ดเสียชีวิต เขาหมดที่พึ่งโดยสิ้นเชิง
“คุณจะทำอะไรผม?”
ลู่โป๋หานจ้องมองถังเฉา และพยายามทำให้เสียงของเขาฟังแล้วไม่น่าหวาดกลัวขนาดนั้น
ถังเฉายิ้ม “เรื่องนี้ผมต้องคิดให้รอบคอบสักหน่อย ผมจะทำอย่างไรกับคุณ”
บางทีอาจเป็นเพราะมีประสบการณ์มาก คู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามของเขาค่อยๆ กลายเป็นคนของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู แต่คุญชายพวกนั้นที่ไม่ใช่ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู กลับไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา
ลู่โป๋หานกัดฟัน “ปล่อยผม ผมสามารถช่วยคุณบุกเบิกตลาดเจียงเฉิงได้!”
“ผมรู้ ลี่จิงกรุ๊ปของคุณหลินหลังจากที่คนบ้าดนตรีมาแล้ว แม้แต่อันดับหนึ่งของหมิงจูบริษัทตระกูลซ่ง ก็ตามไม่ทัน ตลาดเมืองหมิงจูก็อิ่มตัวแล้ว ตลาดเจียงเฉิง คือเป้าหมายต่อไปของพวกคุณ !”
“อ๋อ?”
ถังเฉาจ้องมองลู่โป๋หานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เขาสามารถเป็นคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลลู่ ก็ถือว่าสมองใช้ได้ทีเดียว
ในสถานการณ์แบบนี้ เขายังสามารถคิดได้อย่างใจเย็น และตั้งเงื่อนไขออกมาได้
สีหน้าหลินชิงเสว่ลังเล และหวั่นไหวเล็กน้อย
เจียงเฉิงเป็นจังหวัดของเขตเจียงเจ้อ ถ้าหากลี่ซื่อกรุ๊ปสามารถเป็นหัวมังกร ถ้างั้นตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ก็จะไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้น
เยี่ยนตูเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง และเป็นตำนานมากกว่าเล็กน้อย ในแง่ของเศรษฐกิจ นี่ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง
แต่ว่า เธอไม่ได้พูดออกมา นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเจรจา
ถังเฉาพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณฉลาดกว่าเซี่ยหรูหลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ฉลาดมาก รู้มั้ยว่าเพราะอะไร?”
“เพราะคุณรู้วิธีเดินหน้าและถอย รู้จักกาลเทศะ แต่ว่า คุณเข้าข้างตัวเองมากไป”
ทันใดนั้น ลู่โป๋หานก็ตกใจ และยิ่งต้องระมัดระวังในตัวถังเฉาคนนี้
ปู่ของเขาใช้เวลามากกว่าสิบปีในการสรุปข้อดีและข้อเสีย เพียงแวบเดียวเขาก็สามารถมองออก
“แปลกใจมากใช่ไหม? ตั้งแต่การประมูล ผมก็รู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน”
ถังเฉาพูดว่า “ตอนที่เซี่ยหรูหลงบีบบังคับคน คุณก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ตอนที่เซี่ยหรูหลงเสียอำนาจไป คุณก็ถีบเขาออกไปโดยไม่ได้ลังเล และปกป้องตัวเอง ดังนั้น เงื่อนไขที่คุณพูด ยังไม่พอที่จะทำให้ผมแสร้งทำเป็นว่าคุณไม่เคยมาที่นี่”
“งั้นคุณต้องการอะไร?”
หัวใจของลู่โป๋หานยังคงจมดิ่งลงไปไม่หยุด และเขารู้ว่าถังเฉานั้นไม่ง่ายเลยที่จะรับมือด้วย
“เรียกปู่ของคุณมา”
ถังเฉาพูดว่า “มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถพูดคุยกับผมได้”
ความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาของลู่โป๋หาน “ถังเฉาอย่าให้มันมากเกินไป!”
ให้ปู่ของเขามา ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของเขาที่อยู่ในใจปู่ก็จะถูกทำลายอย่างหมดสิ้น และจะส่งผลต่อการเป็นผู้นำในอนาคต
“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุย”
ถังเฉายืนขึ้น “เรื่องนี้จำเป็นต้องมีแพะรับบาป งั้นก็ต้องเป็นคุณ”
“สถานบันเทิงผลกระทบน่าตกใจ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คุณก็จะถูกตั้งข้อหาว่าเป็นคนที่ล่วงละเมิดคนบ้าดนตรี แม้ว่าคุณจะไม่ถูกจำคุก แต่ห่วงโซ่เศรษฐกิจตระกูลลู่ของคุณ ขั้นพื้นฐานก็จะถูกตัดขาดเลย”
ตอนที่ถังเฉาพูดได้ครึ่งหนึ่ง ลู่โป๋หานตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว
“ผมเรียก! ผมเรียกคุณปู่ของผมมา!”
ใบหน้าของเขาดูไม่ได้ถึงขีดสุด แม้ว่าเขาจะถูกคุณปู่ดุยกใหญ่ แต่ก็ยังดีกว่าทำให้ห่วงโซ่เศรษฐกิจของตระกูลลู่ถูกทำลาย
ในไม่ช้า เฉินเจียงไห่ก็มา
ทันทีที่เขาเห็นลู่โป๋หาน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมน
“คุณก็คือถังเฉา?”
ชื่อของถังเฉาดังก้องไปทั่วเจียงเฉิง
ไม่ว่าจะเป็นการทำลายตระกูลเหวิน แย่งจวี้เฟิงกรุ๊ป หรือรื้อถอนบ้านบรรพบุรุษตระกูลหู ในงานประมูลก็อยากจะครอบครองคนเดียว ผู้นำแต่ละคนก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคนๆนี้ เป็นครั้งแรกที่เฉินเจียงไห่พบเขา
ถังเฉาไม่ได้ตอบ แต่นั่งบนโซฟาอย่างนิ่งสงบ “ผู้นำตระกูลลู่ หลานชายของคุณพยายามคิดจะเสียมารยาทกับคนบ้าดนตรี บัญชีนี้จะคิดยังไง?”
“อะไรนะ?”
สีหน้าของเฉินเจียงไห่เปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ลู่โป๋หาน “สนใจผู้หญิงทั่วๆ ไปก็ช่าง แม้แต่คนบ้าดนตรีนายก็ชอบด้วย”
พูดจบ เขาตบไปที่ลู่โป๋หานอย่างรุนแรง จากนั้นจึงเดินไปตรงหน้าฉินเจียนเวย “คุณคนบ้าดนตรี หลานชายของผมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินท่านแล้ว ท่านวางใจ กลับไปผมต้องสั่งสอนเขาให้ดี !”
พูดจบ เขาก็จะพาลู่โป๋หานไป แต่ถูกถังเฉาขัดขวางไว้
“ผู้นำตระกูลลู่ อย่าแสดงละครอีกเลย ยังไงพวกเรามาพูดคุยเรื่องความเป็นจริงหน่อยดีกว่า คุณคิดจะแก้ปัญหาหรือไม่?”
แววตาของเฉินเจียงไห่เผยความโหดร้าย “คนหนุ่ม ทางดีเห็นแล้วจบด้วยดี ระวัง โลภมากลาภหาย”
ถังเฉายิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รบกวนผู้นำตระกูลลู่แล้ว”
คำพูดนี้ออกมา หลินชิงเสว่ก็เข้าใจถึงความหมายของถังเฉาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนบ้าดนตรีเป็นแขกพิเศษของฉัน ที่นี่คือเมืองหมิงจู หลานชายของท่าน อยู่ในเมืองหมิงจูกำลังพยายามล่วงเกินแขกพิเศษของฉัน คำขอโทษคำเดียว ก็สามารถจัดการได้เหรอ?”
สีหน้าของเฉินเจียงไห่ยิ่งมืดมนมากขึ้น เหมือนอยู่ในตาข่ายใกล้จะตาย ลู่โป๋หานก็คุกเข่าลงเสียงดังตู้มต่อหน้าถังเฉาด้วย
“คุณถัง ตระกูลลู่ของผม ยอมจำนนต่อท่าน!”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วห้องวีไอพี
สีหน้าของเฉินเจียงไห่กลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมาทันที “ไอ้เด็กอกตัญญู นายกำลังพูดอะไร!”
ลู่โป๋หานไม่แม้กระทั่งจะหันมา สายตาจ้องมองไปที่ถังเฉา และพูดซ้ำอีกครั้ง
“คุณถัง ตระกูลลู่ของผม ยอมจำนนต่อท่าน!”
ในที่สุดบนใบหน้าของถังเฉาก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณกลับไปได้แล้ว”
ลู่โป๋หานดีใจมาก “ขอบคุณ คุณถัง!”
เขาและเฉินเจียงไห่จากไปอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากไม่ได้เดินไปไม่กี่ก้าว เสียงของถังเฉาก็ดังขึ้น
“จำไว้ มันเป็นการยอมจำนนโดยเด็ดขาด ถ้าฉันหากถูกผมพบว่า ตระกูลลู่ของคุณมีจิตใจไม่ซื่อแม้แต่นิดเดียว ก็จะมีจุดจบเหมือนตระกูลเหวิน”
ลู่โป๋หานสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาลงจากตึก เสื้อด้านหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เฉิงเจียงไห่สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความโกรธ “โป๋หาน นายรู้ไหมว่านายกำลังพูดอะไร?”
“แน่นอน คุณปู่ ผมมีสติมากกว่าปกติอีก”
ลู่โป๋หานพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “ถ้าหากท่านใช้วิธีเจรจาพาผมกลับไป ถ้างั้นถังเฉาก็เป็นเหมือนหลุมไม่มีก้น(ความต้องการที่ไม่สามารถทำให้พอใจได้) ไม่ว่าเงื่อนไขอะไร เขาก็จะไม่มีวันพอใจ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉิงเจียงไห่ก็สงบลงด้วยสีหน้าจริงจัง “พูดต่อไป”
“ในเมืองหมิงจูไม่มีใครเทียบพวกเขาได้ สายตาจ้องไปที่ตลาดเจียงเฉิง ทั้งหมด กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่เจียงเฉิง”
“ตระกูลเหวินจบแล้ว และทรัพย์สินของตระกูลเหวินก็ถูกตระกูลลู่ผมยึดมาได้มากที่สุด ดังนั้น เขาจึงต้องการให้พวกเรายอมจำนนและทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเปิดตลาดเจียงเฉิง เขาถึงจะยอมลามือ นี่คือแผนการของเขา !”
ขณะนี้ลู่โป๋หานท่าทางดูจริงจัง คำพูดที่พูด ก็ทำให้เฉิงเจียงไห่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ถังเฉาคนนี้ถือเป็นตัวอะไร คู่ควรให้ตระกูลลู่เรายอมจำนนเหรอ?”
ในใจเขาอัดอั้นมาก
ลู่โป๋หานกลับพูดว่า “เขาคู่ควร ถังเฉาสามารถลุกขึ้นจากเมืองหมิงจู ไม่ใช่เพราะโชคดี บางที แม้แต่ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเขาก็ไม่กลัว”
“อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉิงเจียงไห่หนังตาก็กระตุก
ลู่โป๋หานเล่าถึงเรื่องของฉินสวูตง ความไปมาของเจ้ามังกรอีกครั้ง รวมถึงไทเค็นเจ้ามังกร ซึ่งดึงดูดผู้นำสนามรบของเมืองหมิงจูด้วย
หลังจากที่เฉิงเจียงไห่ฟังจบ เขาก็รู้สึกไม่สามารถหยุดความกลัวได้ ตระกูลลู่ของเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านกับไทเค็นเจ้ามังกร
“หรือว่าพวกเราจะต้องยอมจำนนแบบนี้แล้วเหรอ?”
ทั้งใบหน้าของเฉิงเจียงไห่แสดงถึงความไม่เต็มใจ
“แน่นอนไม่ใช่แน่”
ลู่โป๋หานหัวเราะเยาะที่มุมปากอย่างเย็นชา “นี่ผมแค่แกล้งยอมจำนน เขาจะหลอกใช้ตระกูลลู่เรา ทำไมพวกเราถึงไม่หลอกใช้เขาแล้วสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองล่ะ?”
“นายคิดจะทำยังไง?”
เฉิงเจียงไห่ถูกพูดจนใจอ่อน
“มันง่ายมาก พวกเราแค่ยอมจำนนต่อเขา ครอบครัวของเมืองหมิงจูและเจียงเฉิงสองที่นี้ พวกเราสามารถเจรจาต่อรอง สำหรับตระกูลลู่เราเป็นเรื่องดีแน่นอน ไม่แน่ครอบครัวที่ไม่เท่าพวกเรา พวกเราสามารถฉวยโอกาสยึดครอง”
“รอให้ตระกูลลู่เราก้าวหน้าเหมือนตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ก็เป็นเวลาที่เรายึดครองเขากับหลินชิงเสว่!”
ลู่โป๋หานในเวลานี้ แววตาแอบแฝงความทะเยอทะยานและความโกรธแค้นไว้