เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - บทที่ 1043 คนที่เป็นสาย
“แต่ว่าพ่อก็แปลกใจอยู่หน่อยหนึ่ง สายของลูกที่อยู่ข้างในมีตำแหน่งอะไรกันแน่ คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับล่างจริง ๆ หรอกใช่ไหม?”
ถังเหยียนอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
ได้ยินอย่างนั้นถังเฉาก็ส่ายศีรษะ เอ่ยขึ้นว่า
“ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่เจ้าหน้าที่ภายในของพวกเขาล้วนแต่เรียกเธอว่าผู้บริหารสูงสุดห้าดาว”
“ผู้บริหารสูงสุดห้าดาว?”
ได้ยินห้าคำนี้แล้ว ทั้งใบหน้าของถังเหยียนก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อเป็นอย่างยิ่งทันที มองถังเฉาแวบหนึ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ลูกชาย ลูกอย่ามาล้อเล่นนะ คำพูดเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ลูกรู้ไหมว่าผู้บริหารสูงสุดห้าดาวนับว่าเป็นคนที่ตำแหน่งสูงและทรงอิทธิพลมากแค่ไหนในองค์กรหว่างเหลี่ยง?”
ถังเฉาหยักหน้าช้า ๆ
“ผมรู้ครับ นั่นไม่ใช่คนที่ได้รับความเชื่อใจมากที่สุดที่อยู่ข้างกายของหว่างเหลี่ยงหรอกหรือ? อีกทั้งศักยภาพยังไม่เลว สายของผมก็คือหนึ่งในพวกเขานั่นแหละ”
ถังเหยียนที่เดิมมีสีหน้ากลุ้มใจอยู่ พอได้ฟังคำตอบของลูกชายของตัวเองแล้ว ก็รู้สึกราวกับเต็มไปด้วยความหวังขึ้นมาในทันที
“อย่างนั้นยังรออะไรอยู่ล่ะ รีบบอกสายในของลูกคนนั้นให้พ่อรู้ พ่อจะได้ให้เธอปกป้องคุ้มครองพวกเธอแม่ลูกไง!”
ฟังมาถึงตรงนี้แล้วในที่สุดถังเฉาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลายวันมานี้พ่อถึงได้มีสีหน้าระทมทุกข์มาโดยตลอด
“พ่อครับ ท่านอย่าบอกผมนะว่านี่คือสาเหตุที่ท่านหน้านิ่วคิ้วขมวดมาหลายวันน่ะ?”
ถังเหยียนเบิกตาโต มองถังเฉาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เพราะว่าในสายตาของเขาแล้ว เรื่องประเภทนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มากแล้ว แต่ว่าในสายตาของถังเฉากลับสบาย ๆ ถึงเพียงนี้
“ถังเฉา ลูกก็รู้จักองค์กรนี้ดี หรือว่าเรื่องที่พ่อควรจะกังวลมันยังไม่มากพอหรือ?”
ถังเฉายิ้มอย่างจนปัญญา
เพราะว่าเขาคิดไม่ถึงว่าพ่อของเขาสืบมาตั้งหลายปีแล้ว ข่าวคราวที่รู้มายังไม่ได้มากกว่าตนเอง
“แน่นอนว่าผมรู้ครับ ไม่อย่างนั้นผมจะไปรู้จักของอย่างผู้บริหารสูงสุดห้าดาวนี้ได้อย่างไร พ่อครับ ท่านวางใจเถอะ พวกเขาไม่เข้ามาแน่ ถ้าหากพวกเขาบุกเข้ามา ผมจะต้องรู้ก่อนแน่ ๆ พอถึงตอนนั้นผมค่อยป้องกันก็ยังได้”
ถึงแม้จะรู้ถึงความยิ่งใหญ่ขององค์กรหว่างเหลี่ยง ถังเฉาไม่กล้าดูหมิ่นศัตรูแน่ แต่ว่ามองดูท่าทางระทมทุกข์ของบิดาของตนแล้ว ถังเฉาเองก็ทำได้แค่พูดเช่นนี้
อย่างเลวร้ายก็คือ หว่างเหลี่ยงตั้งใจจะบุกโจมตีราชวงศ์ต้าเซี่ย เขาที่เป็นเจ้ามังกรต้าเซี่ยคนนี้ก็ควรที่จะได้รับข่าวสารก่อนใคร
แต่ว่าได้ฟังคำพูดของถังเฉาแล้ว ถังเหยียนก็ไม่ได้ผ่อนคลาย กลับเดินไปอยู่ตรงหน้าของถังเฉาด้วยใบหน้าเข้มงวด เอ่ยกับเขาว่า
“ลูกเอ๋ย พ่อรู้ว่าลูกมีความสามารถ แต่ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ใช่พวกสัตว์กินเนื้อ ไม่สู้พวกเขาสองคนบุกเข้าไปด้วยกัน ดูซิว่าความจริงมันเป็นอย่างไร ช่วยชีวิตพี่ใหญ่ในสมัยก่อนของลูกออกมา”
ถังเฉาได้ยินแล้วก็ส่ายศีรษะ “พ่อครับ พ่อคิดเรื่องนี้เรียบง่ายเกินไปแล้ว ถ้าหากพวกเราบุ่มบ่ามบุกเข้าไปละก็ เกรงว่าจะตกหลุมพรางของพวกมัน”
“อีกอย่างนะ พวกมันมีของไฮเทคมากมาย ถ้าหากพวกเราเข้าไป พวกมันจะต้องพบพวกเราอย่างรวดเร็ว พอถึงตอนนั้นพวกเราก็ไม่มีทางย้อนกลับแล้ว”
ฟังคำพูดของถังเฉาจบแล้ว ก็ดูเหมือนว่าถังเหยียนจะรู้ตัวว่าความคิดของตนเองไม่ได้เป็นจริงสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่า ถึงแม้ว่าจะปากเก่งไปในตอนแรก แต่กลับเข้าใจว่าลูกชายของตนเองไม่ใช่คนโง่เขลาแน่ ๆ
……
ในเวลาเดียวกันนี้เอง
ด้านนอกของราชวงศ์มีคนนั่งอยู่หลายคน ดูเหมือนกำลังปรึกษาหารืออะไรกันอยู่ ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งถูกผลักออกมา
เฉินเหมิ่งมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผอมเป็นไม้ขีดไฟที่ถูกผลักออกมาคนนี้แล้วก็เอ่ยถามทันทีว่า “อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่จำเป็นจะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ”
ในตอนเช้าของวันนี้ ราชวงศ์จับตัวคนนอกราชวงศ์คนหนึ่งมาได้
อีกทั้งหลังจากที่คนคนนี้ถูกจับตัวได้ก็พูดมาโดยตลอดว่าตนเองมีความลับหนึ่งในราชวงศ์ต้าเซี่ย ดังนั้นจึงถูกเฉินเหมิ่งจับมาไต่สวนที่นี่
เขาก็คือหัวโจกหนึ่งในองค์กรหว่างเหลี่ยง มาครั้งนี้ก็เพื่อจะดูว่าจะสามารถจับตัวถังเฉาและได้รับการปูนบำเหน็จไหม เพื่อที่จะได้ขึ้นตำแหน่งในองค์กรหว่างเหลี่ยง และถือโอกาสรับเงินรางวัลไปด้วยเลย
“จริงหรือ? ถ้าหากว่าผมพูดออกมาจริง ๆ ละก็ พวกคุณจะปล่อยให้ผมรอดออกไปได้ไหม? ขอเพียงผมมีชีวิตรอดก็พอแล้ว”
คำสั่งของราชวงศ์ต้าเซี่ยเคร่งครัดมาก ๆ มาโดยตลอด
ขอเพียงเป็นคนนอกราชวงศ์ต้าเซี่ยเข้ามาในราชวงศ์ต้าเซี่ยโดยไม่มีใบอนุญาตละก็ ก็จะต้องถูกตัดหัวอย่างแน่นอน เครือข่ายข้อมูลขององค์กรหว่างเหลี่ยงเจริญเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องนี้แน่
หลังจากที่เฉินเหมิ่งได้ฟังประโยคนี้แล้วก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
“แกวางใจเถอะ ของเพียงข้อมูลที่แกให้มาเจ๋งมากพอ ฉันจะปล่อยแกไปแน่ ๆ ไม่ฆ่าแกแน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว บนใบหน้าของคนคนนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาในที่สุด
พอเห็นว่าเขาหัวเราะแหะ ๆ ไม่พูดไม่จาแล้ว ในที่สุดตอนนี้เฉินเหมิ่งก็โมโหขึ้นมาแล้ว
เสียงดังโครม โต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ ถูกเฉินเหมิ่งตบจนพังไปในทันทีในฝ่ามือเดียว ชายหนุ่มคุกเข่าลงกับพื้นในทันที มองดูเฉินเหมิ่งที่มีรังสีสังหารพวยพุ่งแวบหนึ่ง แม้ว่าจะคุกเข่าอยู่ก็ยังสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าหากแกยังหัวเราะต่อไปอีกละก็ ฉันจะฆ่าแกเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย รีบบอกเรื่องที่แกรู้ออกมาเสีย ไม่อย่างนั้นฉันจะกำจัดแกซะตอนนี้เลย”
ตอนนี้เขาถูกข่มขู่จนสุดจะทน สายตาก็มองดูเฉินเหมิ่งที่โหดร้ายดุดันเช่นนี้ เขาไม่กล้าไม่เปิดปาก เอ่ยกับเฉินเหมิ่งด้วยท่าทางสั่นงก ๆ เงิ่น ๆ ว่า
“ผมรู้ว่าในตระกูลถังมีคนคนหนึ่งกลับมาแล้ว เขาเคยเป็นนักโทษของราชวงศ์ต้าเซี่ยของพวกคุณ ตอนนี้ปกปิดเป็นความลับอยู่ในตระกูลถัง ผมสามารถพาพวกคุณไปหาเขาด้วยกันได้”
แม้ว่าถังเฉาจะเป็นนักโทษคนหนึ่ง แต่ก็เป็นคนของราชวงศ์ต้าเซี่ย
หลังจากที่เฉินเหมิ่งได้ยินประโยคนี้แล้ว ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที
เรื่องประเภทนี้เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? จงใจลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งก็เท่านั้น ตอนนี้กลับถูกเปิดโปงออกมา
“หุบปาก! อย่ามาท้าทายขีดความอดทนของฉันนะ ถ้าหากแกยังมาทำให้ฉันเสียเวลาอีกละก็ ฉันจะเอาหอกเสียบแกให้ตายไปตอนนี้เลย”
ผู้อาวุโสสองท่านที่อยู่ข้าง ๆ มองเฉินเหมิ่งที่มีหน้าตาดุร้ายเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดโน้มน้าว
“นายพลเฉิน คุณไม่จำเป็นจะต้องขู่เขาแบบนี้ คุณดูสิว่าเขากลัวจนเป็นยังไงแล้ว ถ้าหากคุณยังขู่เขาอีก ถ้าเกิดว่าเขาถูกคุณข่มขู่จนหวาดกลัวร้องไห้ออกมานั่นก็แย่แล้ว”
“แกค่อย ๆ พูด ไม่ต้องรีบร้อน พวกเราสองคนไม่ฆ่าแกแน่”
สองคนนี้ก็คือคนแก่สองคนที่ได้เห็นศักยภาพของถังเฉาเมื่อครั้งก่อน แน่นอนว่าพวกเขารู้ถึงฐานะของถังเฉาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้สอดมือก็เท่านั้น
“ครับ ครับ ๆ ผมจะพูดตอนนี้แหละ”
“ที่จริงแล้วถังเชียวที่อยู่ในตระกูลถังก็คือถังเฉา นักโทษเมื่อหลายปีก่อนของราชวงศ์ต้าเซี่ยของพวกคุณ”
หลังจากที่พ่อหนุ่มคนนั้นพูดประโยคนี้ออกมาแล้วก็เห็นได้ชัดว่าสายตาจริงจังเป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะคิดว่าไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้
จนกระทั่งหลังจากที่เขาพูดออกมาจากปาก ทั้งสามคนก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา