เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 134
กู้จิ้งเจ๋อยกมือห้ามไม่ให้หลินเช่อเข้ามาใกล้ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร อาจเพราะมันเผ็ดไปก็ได้”
หลินเช่อนึกกลัว ถ้าเธอพาเขามากินซุปหมาล่าแล้วเกิดทำให้ประธานของบริษัทกู้อินดัสทรีต้องล้มป่วยขึ้นมาละก็ เธอต้องเจอปัญหาใหญ่แน่
แม้กู้จิ้งเจ๋อจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เธอก็บอกได้จากสีหน้าที่เริ่มซีดเผือดด้วยความปวดของเขา
หญิงสาวรีบพูด “ไม่ค่ะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน ถ้าเกิดอาหารเป็นพิษหรืออะไรอย่างอื่นขึ้นมาละคะ มันอันตรายเกินไป”
กู้จิ้งเจ๋อไม่อาจซ่อนอาการปวดได้อีกต่อไป เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมา “โทรหาเฉินอวี่เฉิง”
อ้อ จริงด้วยสินะ เขามีหมอประจำตัวนี่นา
[ประธานกู้ครับ เงียบหายไปนานเชียวนะครับ ผมคิดว่าคุณไล่ผมออกจริงๆ แล้วสิ] เฉินอวี่เฉิงส่งเสียงมาตามสาย
“ไม่ใช่ค่ะ…คุณหมอเฉิน กู้จิ้งเจ๋อป่วยน่ะค่ะ คุณจะช่วย…”
[อา… คุณ…คุณหลินเหรอครับ]
ไม่ช้าทั้งคู่ก็เดินทางไปถึงคลินิกของเฉินอวี่เฉิง
นายแพทย์ลงมือตรวจดูอาหารของกู้จิ้งเจ๋อก่อนจะมองเขาและพูดว่า “น่าแปลก ผมนึกว่าคุณไม่ชอบกินอะไรเผ็ดๆ เสียอีก แล้วทำไมถึงได้กินซุปหมาล่าเข้าไปตั้งมากขนาดนี้ล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อถลึงตาใส่ให้อีกฝ่ายหยุดพูด
เฉินอวี่เฉิงจึงหันไปหาหลินเช่อ แล้วก็ได้รู้ว่าคงเป็นเพราะหญิงสาวนี่เองที่เป็นต้นเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากแหย่ชายหนุ่มต่อ
เมื่อก่อนกู้จิ้งเจ๋อไม่เคยเป็นแบบนี้ ทว่าตั้งแต่ได้มาอยู่กับหลินเช่อ เขาก็กลายเป็นคนน่าแกล้งขึ้นมาทันตาเห็นทีเดียว ไม่ได้เป็นกู้จิ้งเจ๋อคนเดิมที่ทั้งน่าเบื่อแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไปแล้ว
เมื่อได้ยิน หลินเช่อก็หน้าแดง เธออดรู้สึกผิดไม่ได้ “ฉันขอโทษด้วยค่ะคุณหมอเฉิน เพราะฉันเป็นคนพาเขาไปกินเองแหละค่ะ อันที่จริงเขาไม่ได้ชอบหรอก ว่าแต่แล้วตอนนี้เราต้องทำยังไงคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
กู้จิ้งเจ๋อรีบหันไปบอกหญิงสาวว่า “ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก”
ถ้าเขาไม่อยากกินอะไรแล้วละก็ ยังไงก็ไม่มีใครบังคับให้กินได้หรอก แต่ที่มันอร่อยก็เพราะได้กินกับเธอและเขาก็กำลังอารมณ์ดีเหลือเกินในตอนนั้น จึงเต็มใจกินเข้าไปเสียมากมาย
แต่เมื่อท้องไส้เริ่มปั่นป่วน ชายหนุ่มก็เริ่มได้คิดว่านั่นเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเอาเลย
เฉินอวี่เฉิงอธิบายว่า “ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกครับ คุณผู้หญิง ทำใจให้สบายเถอะ ระบบย่อยอาหารของเขาค่อนข้างบอบบาง นี่เป็นแค่อาการกระเพาะอักเสบธรรมดาๆ เท่านั้น แค่ต้องกินยา พักผ่อน แล้วก็กินอาหารย่อยง่ายๆ สักสองสามวัน โชคดีที่นี่เป็นอาการระยะแรก ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะอาเจียนหรือว่าท้องเสียได้”
ปากของหลินเช่อคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม ตานี่กระเพาะอักเสบเพราะแค่กินซุปหมาล่าเนี่ยนะ
เธอหันไปบอกเขา “ฉันขอโทษนะคะ กู้จิ้งเจ๋อ คนอย่างพวกฉันโตมากับอาหารขยะแบบนี้ กระเพาะพวกเราก็เลยปรับตัวจนเคยชินกับมัน ถึงได้กินอะไรกันโดยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ คุณอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยนัก”
เขาเงยหน้าขึ้นมอง “ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”
เฉินอวี่เฉิงบอกต่อไป “ถ้าพรุ่งนี้ยังอาการไม่ดีขึ้นละก็ เราจะหาทางอื่นกัน แต่ตอนนี้ผมคิดว่าไม่เป็นไรแล้วละ”
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้า หลินเช่อรีบช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้น
หญิงสาวหันไปบอกผู้เป็นนายแพทย์ว่า “ต้องขอโทษที่มารบกวนเวลานี้นะคะ คุณหมอเฉิน”
แต่คนป่วยกลับพูดว่า “ไม่เป็นไรน่า เขารับเงินจากฉัน แค่นี้ไม่ใช่ปัญหาอะไร”
เฉินอวี่เฉิงทำหน้าง้ำ “คุณผู้หญิงน่ารักเสมอ”
กู้จิ้งเจ๋อควรจะหัดพูดจาดีๆ สุภาพอย่างหลินเช่อบ้าง
หญิงสาวยังไม่เลิกตำหนิตัวเองเมื่อมองเห็นใบหน้าซีดเซียวของชายหนุ่ม แต่สีหน้าเขายังคงราบเรียบและเป็นปกติ เธอคิดว่าเขาคงกำลังพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องออกมาด้วยความปวด เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด
“กู้จิ้งเจ๋อคะ ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายละก็ จะร้องออกมาก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องอดทนไว้หรอก” เธอบอกเขา
“ฉันสบายดี” เขาว่า
คราวนี้หลินเช่อรู้สึกแย่และรู้สึกผิดยิ่งไปกว่าเดิม เขาเป็นคนดีเหลือเกิน
ไม่ช้าพวกเขาก็กลับถึงบ้าน
กู้จิ้งเจ๋อนอนลงบนเตียงโดยมีหลินเช่อวิ่งหาน้ำชาและน้ำมาให้ เธอคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มขณะมองดูเธอวิ่งวุ่น
เป็นเรื่องยากที่จะหาผู้หญิงที่จริงใจไม่เสแสร้งได้แบบหลินเช่อ
เมื่อเธอกลับเข้ามาดูอาการเขาอีกครั้ง หลินเช่อก็ถามว่า “ยังปวดอยู่หรือเปล่าคะ ยาที่กินได้ผลรึเปล่า”
กู้จิ้งเจ๋อนิ่วหน้านิดๆ และตอบว่า “มันยังปวดอยู่เลย”
“อา งั้นทำไงดีละคะเนี่ย” หญิงสาวถามอย่างเป็นกังวล “ฉันควรจะโทรถามคุณหมอเฉินมั้ยคะ หรือว่าควรจะให้น้ำเกลือดี”
“ไม่ต้องหรอก” เขารั้งเธอไว้ “แค่มาตรงนี้แล้วก็ช่วยนวดท้องฉันหน่อยก็พอ”
“หา” หลินเช่องง “แค่นั้นจะพอเหรอคะ ฉันนวดไม่เป็นนะ”
เขาพูดซ้ำ “แค่มานั่งตรงนี้แล้วก็นวดให้หน่อยก็แล้วกัน”
หลินเช่อไม่ทันได้คิดอะไร เธอรีบเดินมานั่งข้างเขา ชายหนุ่มจับมือเธอไปวางลงบนหน้าท้อง
ตอนแรกหญิงสาวนึกลังเลอยู่เป็นครู่ ก่อนจะลงมือนวด “ยังเจ็บมั้ยคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลราวกับกำลังปลอบโยนเด็กน้อย
กู้จิ้งเจ๋อเพลิดเพลินเสียจนเผลอยกมือกอดอก และเริ่มออกคำสั่ง “ซ้ายหน่อย ขวาอีกนิด”
“ดีๆ ใช้ได้เลย”
หลินเช่อนวดและนวด แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยเข้าที เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นสีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อที่กำลังรื่นรมย์ยิ่งนัก หลับตา เพลิดเพลินกับการนวดอย่างเต็มที่
หลินเช่อร้องออกมาทันที “กู้จิ้งเจ๋อ!”
เธอเกือบจะเผลอฟาดมือผัวะลงไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้กลัวว่ามันไม่มีเสื้อผ้าปิดเอาไว้ หญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียง ถลึงตาเขียวปั้ดเข้าใส่คนป่วย
กู้จิ้งเจ๋อถาม “เกิดอะไรขึ้น นวดต่อสิ”
“นวดต่อกับผีคุณน่ะสิ คุณโกหกฉัน นี่ท่าทางไม่ได้ปวดอะไรแล้วด้วยซ้ำ!”
เขาหัวเราะเสียงดัง และดึงเธอมากอดไว้
“นี่เธอเป็นพยาธิในท้องฉันหรือไงกัน ถึงได้รู้ว่าฉันไม่ได้ปวดแล้วน่ะ”
หลินเช่อระดมมือฟาดเข้าใส่ยกใหญ่ทั้งที่ยังถูกกอดเอาไว้ “นี่คุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ดูตัวเองมั่งเถอะ หน้าตาเหมือนปวดท้องที่ไหนกันล่ะ”
อีตานี่แย่กว่าที่คิดเสียอีก เขาเก่งกระทั่งโกหกคนอื่น
เขากอดเอวเธอไว้ และมองหน้าเธอ “มันปวดนะ ปวดมากจริงๆ”
หลินเช่อมองสีหน้านั้นแล้วก็ใจอ่อน
เสียงของเธอจึงอ่อนลงเมื่อบอกว่า “งั้นก็อย่ามัวแต่เล่นสิคะ”
กู้จิ้งเจ๋อบอกว่า “เพราะแบบนี้ฉันถึงอยากให้เธอช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไงล่ะ พูดกับฉัน นวดท้องให้ฉัน แล้วก็ปล่อยให้ฉันกอดเธอไว้แบบนี้ มันช่วยให้ปวดน้อยลงได้นะ”
หลินเช่อหน้าแดง
กอดเธอไว้มันจะช่วยให้หายปวดได้ยังไง…เธอไม่ใช่ยาแก้ปวดสักหน่อย
แต่เธอก็ยอมให้เขากอดต่อไปแต่โดยดีโดยไม่ดิ้นรนอีก
กู้จิ้งเจ๋อกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้ในอ้อมแขน ในแง่หนึ่งเขาไม่ได้ปวดท้องมากอีกต่อไปแล้ว แต่อีกแง่หนึ่งก็มีความรู้สึกแสนสบายบางอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายเขา…
เขาอยากให้เธอใช้อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยคลายความปวดให้เขาเหลือเกิน…
วันต่อมา
กู้จิ้งเจ๋อตื่นขึ้นและรู้สึกว่าอาการปวดได้ทุเลาลงไปมากแล้ว เขาจึงไปพบเฉินอวี่เฉิง
เฉินอวี่เฉิงพากู้จิ้งเจ๋อกับหลินเช่อไปที่คลินิกและสั่งให้ผู้ช่วยของเขาช่วยตรวจร่างกายชายหนุ่ม
หลินเช่อรออยู่ด้านนอก และพยายามที่จะคิดว่าการได้กอดเธอไว้ตลอดทั้งคืนคงจะไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาหรอกกระมัง
และแล้วเธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น
เฉินโยวหรานนั่นเอง
เสียงอีกฝ่ายร้อนรนทีเดียว [หลินเช่อ ฉันเข้าบ้านไม่ได้น่ะ ฉันทิ้งกุญแจไว้ในห้อง แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่มีที่อยู่ด้วย]
หลินเช่อถามอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้น แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะ”
[เขาพาน้องสาวฉันไปเยี่ยมบ้านที่บ้านนอกน่ะ]