เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 162
หลินเช่อหันไปมองเพื่อนผู้ไร้กาลเทศะของตัวเอง นี่หล่อนไม่อายบ้างหรือไงถึงได้อวยเขาเสียมากมายขนาดนั้นเพียงเพราะเรื่องแค่นี้น่ะ
แต่ถึงกระนั้นหลินเช่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้กู้จิ้งเจ๋อเกิดใจดีอะไรขึ้นมา หรือว่าเกิดจะถูกอกถูกใจเฉินโยวหรานเข้าแล้ว เขาถามขึ้นว่า “ว่าแต่หลังจากกลับมานี่ คุณเฉินกำลังมองหางานทำอยู่หรือเปล่า”
“เอ่อ ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันก็พยายามหาๆ อยู่แต่ก็เจอแต่งานที่ไม่ค่อยเหมาะกับตัวเองทั้งนั้นเลย”
กู้จิ้งเจ๋อพูดต่อไป “ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เอาประวัติการทำงานของคุณฝากหลินเช่อมาล่ะ ผมจะให้คนช่วยดูให้เองว่ามีตำแหน่งงานที่เหมาะๆ กับคุณบ้างหรือเปล่า”
“ที่กู้อินดัสทรีน่ะเหรอคะ” ดวงตาของเฉินโยวหรานเป็นประกาย
กู้อินดัสทรีนับเป็นบริษัทนานาชาติระดับท็อปของประเทศ คนธรรมดาไม่มีทางได้เข้าทำงานที่นั่นแน่
หญิงสาวจึงรีบตอบโดยเร็วว่า “ประธานกู้คะ คุณเป็นคนดีจริงๆ นี่หลินเช่อไปช่วยชีวิตใครไว้เมื่อชาติก่อนนะ ถึงทำให้โชคดีได้มาเจอกับคุณในชาตินี้น่ะ”
“…” หลินเช่ออดรนทนต่อไปไม่ไหว เธอหันไปมองหน้าเพื่อนรักและพูดว่า “นี่เธอจะยอมสละความเป็นเพื่อนของเราเพื่องานงั้นเหรอ”
เฉินโยวหรานหรี่ตา “ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ นี่เป็นเพราะว่าฉันรู้จักเธอนะ ฉันถึงได้รู้ว่ายังมีสามีดีๆ แบบนี้อยู่บนโลกน่ะ หลินเช่อ ฉันว่าฉันคงไม่มีทางได้เจอผู้ชายที่ปฏิบัติต่อภรรยาเหมือนอย่างที่สามีเธอทำในชาตินี้แน่ๆ ไม่มีสามีที่ไหนจะน่ารักเท่าสามีเธออีกแล้วละ นี่พูดจริงๆ นะ!”
“…”
เฉินอวี่เฉิงที่นั่งอยู่ไม่ห่างก็ไม่อยากจะเชื่อด้วยเหมือนกัน เขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่ไหนที่สามารถเอ่ยปากชมใครด้วยกิริยาท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย
หลินเช่อรู้ดีว่า เมื่อกู้จิ้งเจ๋อรับปากว่าจะช่วยแล้ว ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อกลับออกจากโรงแรม หลินเช่อจึงพูดกับชายหนุ่มว่า “ขอบคุณที่ช่วยเฉินโยวหรานนะคะ”
“ถ้าเธอรู้สึกขอบใจจริงๆ ละก็ งั้นช่วยนวดขาฉันหน่อยตอนที่เรากลับถึงบ้านกันก็แล้วกัน”
“ทำไมคะ…”
“ถ้าไม่อย่างนั้น คำว่า ‘ขอบคุณ’ จะมีความหมายอะไรล่ะ”
หลินเช่อมองอีกฝ่ายอย่างจนใจ กู้จิ้งเจ๋อคือนักธุรกิจของแท้จริงๆ เขาต้องการผลกำไรจากทุกอย่างที่ตัวเองทำ!
เมื่อกลับมาถึงบ้าน กู้จิ้งเจ๋อจึงจัดแจงสั่งฉินเฮ่าที่เดินทางกลับมาจากกัมพูชาแล้วให้ไปสืบดูโรงเรียนที่หลินเช่อเคยเข้าเรียนเมื่อสมัยเป็นเด็ก
เมื่อได้กลับมา ฉินเฮ่าก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว รวมถึงยังสงบเสงี่ยมอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะถูกขับไล่ไสส่งไปกัมพูชาอีก
เมื่อฉินเฮ่าเดินออกจากบ้าน ขณะที่หลินเช่อเดินสวนเข้าไป คนสนิทของกู้จิ้งเจ๋อก็รีบก้มศีรษะให้และเผ่นผลุงไปอย่างรวดเร็ว
หลินเช่องุนงง เมื่อเดินเข้ามาในบ้านเธอจึงหันไปถามว่า “ทำไมผู้ช่วยฉินถึงได้ดูรีบร้อนนักล่ะคะ”
“อืม ฉันบอกให้เขาไปช่วยจัดการเรื่องบางอย่างน่ะ” เมื่อเห็นหลินเช่อเดินมา ชายหนุ่มก็ยิ้มย่องก่อนจะยกขายื่นให้ “เอ้า มานวดขาให้ฉันหน่อยซิ”
หลินเช่อมีสีหน้าไม่เต็มใจ หญิงสาวบุ้ยปากแต่ก็ยอมเดินเข้าไปแต่โดยดี เธอย่อตัวลงนั่งข้างๆ เขา เอามือวางบนขา และเริ่มนวดเฟ้นให้
ชายหนุ่มหันไปเห็นบทโทรทัศน์วางอยู่ด้านข้าง เขาคิดว่าคงจะเป็นบทของหลินเช่อ จึงหยิบขึ้นมาและเริ่มอ่าน
“ออกแรงอีกหน่อย ออกแรงอีกสิ”
“นี่เธอไม่ได้กินข้าวมาหรือไงนะ”
“เอาละ แรงประมาณนี้กำลังดีแล้ว ไม่เลวๆ หลินเช่อ ดูเหมือนว่าฝีมือนวดเธอจะเริ่มใช้การได้แล้วนะ”
แต่เมื่อหญิงสาวเหลือบมาเห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อกำลังถือบทของเธอและอ่านมันอยู่ หลินเช่อก็ตกใจจนตัวแข็งก่อนจะรีบลนลานแย่งคืน “กู้จิ้งเจ๋อ เรื่องอะไรถึงมาดูของคนอื่นแบบนี้นะ”
คนตัวใหญ่กว่าหลบได้ทัน เขามองหน้าเธอแล้วถามว่า “นี่มันบทซีรีส์โทรทัศน์ที่เธอกำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้เหรอ”
“ใช่ค่ะ…”
กู้จิ้งเจ๋อลองอ่านประโยคหนึ่งออกมาดังๆ “ขอโทษด้วยนะ ฉันเลิกรักคุณมานานแล้วละค่ะ ทุกอย่างที่ฉันทำก็เป็นแค่การหลอกใช้คุณเท่านั้น ฉันหลอกใช้คุณเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่ฉันจะเขี่ยคุณทิ้ง ถ้าจะโทษใครก็คงจะต้องโทษตัวคุณเองนั่นแหละที่โง่เอง…”
ทำไมบทพูดธรรมดาแบบนี้ถึงให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดนักเมื่อกู้จิ้งเจ๋อตั้งใจอ่านมันออกมา
“คนเขียนบทนี่เรียนจบจากที่ไหนกันน่ะ ทำไมถึงได้เขียนออกมาได้ห่วยขนาดนี้”
“เงียบไปเลยนะ คนเขียนบทของเรามีชื่อเสียงมากแล้วก็เป็นคนสำคัญมากด้วย อย่างคุณจะไปรู้อะไร” หลินเช่อรีบโน้มตัวไปคว้าแย่งบทมาจากชายหนุ่ม
กู้จิ้งเจ๋ออ่านไล่ลงมาจนกระทั่งถึงส่วนท้ายของบท ซึ่งคือฉากจูบ
คราวนี้สีหน้าคนอ่านเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในทันควันและตวัดสายตาไปหาหลินเช่อ
หญิงไม่รู้ว่าเขาอ่านเจออะไร จึงได้แต่ถามด้วยความงุนงง “คุณทำอะไรน่ะ จ้องหน้าฉันทำไมคะ”
กู้จิ้งเจ๋อกระแอมเบาๆ และบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก เธอต้องซ้อมบทนี่ที่บ้านก่อนจะไปถ่ายทำจริงหรือเปล่า”
หลินเช่อตอบ “ใช่ค่ะ ฉันเอาบทกลับมาบ้านก่อนก็เพื่อที่จะได้ซ้อมอ่านเวลาว่างๆ น่ะค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อว่า “งั้นเดี๋ยวฉันช่วยซ้อมให้เอง”
หลินเช่อมองเขาด้วยความอึ้งสนิท “ไม่มีทาง คุณจะไปรู้อะไรคะ ดูจากฝีมือการอ่านบทของคุณเมื่อกี้ บอกได้เลยว่าฉันไม่มีทางเล่นได้แน่ อย่าว่าแต่ช่วยซ้อมเลยค่ะ ฉันกลัวว่าพรุ่งนี้ฉันจะทนไม่ไหวแล้วก็เผลอหัวเราะออกมาระหว่างที่กำลังถ่ายทำน่ะสิคะ”
กู้จิ้งเจ๋อยืนกราน “ถ้าไม่ลอง เธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันทำได้หรือเปล่าน่ะ”
“ต่อให้เป็นการอ่านจากบทเฉยๆ ก็ยังต้องมีทักษะพื้นฐานนะคะ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเรียนในโรงเรียนสอนการแสดงนานทีเดียว ซึ่งเห็นๆ กันอยู่ว่าคุณไม่มีทักษะในการซ้อมบทน่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มขณะถือบทไว้ในมือและโน้มตัวเข้าไปจนใกล้เธอ “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องซ้อมบทพูด มาซ้อมบทอย่างอื่นกันก่อนดีกว่า”
“ช่วงไหนหรือคะ”
หลินเช่องงหนัก นอกจากบทสนทนาแล้ว ในบทยังมีอย่างอื่นอีกหรือ
แต่กู้จิ้งเจ๋ออาศัยจังหวะนั้นผลักเธอให้นั่งลง โอบด้านหลังต้นคอด้วยแขนข้างหนึ่งและรั้งศีรษะเธอเข้ามาหา นิ้วยาวสอดเข้าไปในเรือนผม ก่อนจะกดจูบลงมาอย่างลึกล้ำดื่มด่ำ
หลินเช่อหายใจไม่ออกไปครู่ใหญ่ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ได้ หลินเช่อผลักอีกฝ่ายออกไปได้สำเร็จพลางหอบหายใจ เธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากที่แดงและชุ่มชื้นของตัวเอง “กู้จิ้งเจ๋อ!”
“ฉันคิดว่าถึงฉันจะไม่มีทักษะในการอ่านบทเท่าไหร่ แต่สำหรับฉากนี้แล้วฝีมือฉันก็ไม่เลวอยู่เหมือนกันนะ”
ตอนนี้เองที่หลินเช่อนึกขึ้นได้ว่า บทช่วงนี้อยู่ในฉากที่พระเอกของเรื่องจงใจที่จะบังคับจูบนางเอกนั่นเอง
หน้าหลินเช่อแดงก่ำ เพิ่งรู้ตัวว่าโดนเขาแกล้งเข้าอีกแล้ว
“ไม่มีทางหรอกที่พวกเขาจะใช้ลิ้นเวลาถ่ายฉากจูบในโทรทัศน์น่ะ อีกอย่าง ฉากแบบนี้ส่วนมากจะใช้มุมกล้องเอาทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครเขาทำแบบคุณกันหรอก” หลินเช่อพ่นลมพรืดอย่างมีน้ำโห หน้าแดง และตวาดใส่ด้วยเสียงอันดัง “อันธพาล!”
กู้จิ้งเจ๋อระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่น
เขาไม่อยากจะเข้าไปยุ่มย่ามวุ่นวายกับฉากจูบในการทำงานของหลินเช่อนักหรอก
แล้วตัวเขาเองก็คงไม่อยากที่จะตามไปดูการถ่ายทำด้วย
เขาให้เกียรติอาชีพของเธอ และไม่อยากจะไปทำอะไรที่เป็นการทำลายความเป็นมืออาชีพของหลินเช่อ แต่เขาก็คงทนเห็นเธอแสดงอะไรแบบนี้กับตาตัวเองไม่ได้ เพราะเขาคงทนรับไม่ไหว
หลินเช่อพ่นลมพรืดและมองหน้าชายหนุ่ม แต่ในใจนั้นเธอรู้ดีว่าเขาพูดถูก และฝีมือการจูบของเขา ถ้าจะว่าตามตรงก็ไม่เลวเลยทีเดียวละ
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน
เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่น่าจะเคยจูบใครมาก่อนเพราะอาการป่วยของเขา
หรือว่าจะเป็นอย่างที่เขาพูดนะ ว่าของแบบนี้มันเป็นสัญชาตญาณมนุษย์
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละก็ สัญชาตญาณมนุษย์ของกู้จิ้งเจ๋อก็คงแรงมากจริงๆ
จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกมึนชาหลังจากถูกเขาดูดกลืนลมหายใจของเธอไปจนหมดเมื่อก่อนหน้านี้
หลินเช่อก้มเก็บบทขึ้นจากพื้น แล้ววิ่งหนีเข้าห้องไปทันที
กู้จิ้งเจ๋อยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเอง
ความปรารถนาในตัวหลินเช่อของเขายังไม่ลดน้อยลงเลยสักนิด หนำซ้ำยังดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นอีกต่างหาก
ชายหนุ่มต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความคิดที่จะผลักเธอลงบนเตียงอีกครั้งให้ได้เอาไว้
อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เขาแค่อยากจะทดสอบดูว่าความรู้สึกปรารถนาของตัวเองยังรุนแรงอยู่มากแค่ไหน แต่เมื่อกลายเป็นเช่นนี้ กู้จิ้งเจ๋อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้กันแน่
ถ้าหากว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดได้ในวันที่เขาล้มป่วย งั้นหากเกิดความผิดพลาดแบบเดียวกันเป็นครั้งที่สอง มันก็เป็นเรื่องที่น่าจะยอมรับได้ แต่ถ้าเขาทำผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สามล่ะ