เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 164
“ฉัน..” เสียงกู้จิ้งเจ๋อเริ่มคลายความเข้มงวดลง “ฉันแค่เป็นห่วงว่าเธอจะทำเรื่องไม่ดีอะไรอีก แต่ในเมื่อเธอก็ชี้แจงชัดเจนแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะเชื่อเธอ”
น้ำเสียงของโม่ฮุ่ยหลิงเศร้าสร้อยลงถนัดหูเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม [แน่ละว่าฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วแต่คุณยังไม่รู้จักฉันอีกเหรอคะ แค่เดินเหยียบมดตายฉันยังเศร้าเสียไม่มีดี แล้วนี่ฉันจะทำเรื่องแย่ๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน]
กู้จิ้งเจ๋อวางสาย และหวังลึกๆ อยู่ในใจว่าเขาคงจะคิดมากไปเอง
พอเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหลินเช่อ เขามักจะคิดมากเกินเหตุโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ
เมื่อเดินกลับออกมาพบหลินเช่อ เขาจึงพูดกับเธอว่า “ถ้าเธอยังพอจะปฏิเสธได้อยู่ก็ยกเลิกงานโฆษณานั่นเถอะ”
หลินเช่อว่า “ช่างเถอะค่ะ ถึงยังไงฉันก็เซ็นสัญญาไปแล้ว ขืนไปยกเลิกก็คงสร้างปัญหาให้บริษัทต้องวุ่นวายเปล่าๆ อีกอย่าง แล้วคุณโม่จะทำอะไรได้ละคะ จริงมั้ย”
กู้จิ้งเจ๋อมองหลินเช่อด้วยสายตามีความหมาย ก่อนที่สุดท้ายจะพยักหน้าแต่โดยดี “อ้อ ฉันจะบอกเธอเรื่องที่โรงเรียนเธอจะมีงานฉลองวันสถาปนาโรงเรียนมะรืนนี้น่ะ เธอจะไปร่วมงานด้วยใช่มั้ย”
“โรงเรียนอะไรคะ”
“ก็โรงเรียนประถมของเธอน่ะสิ”
“หือ แล้วนี่คุณไปรู้มาได้ยังไงคะ”
“มีคนมาบอกน่ะ”
แม้จะยังงงๆ กับสิ่งที่เขาตอบ แต่หลินเช่อก็บอกไปว่า “จากที่ฉันจำได้ ฉันคิดว่ามันเป็นงานฉลองครบรอบห้าสิบปีนะคะ แต่ฉันคงไม่ไปหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ก็พวกเขาไม่ได้เชิญฉันนี่นา แถมไปคนเดียวก็คงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ด้วย”
“ในเมื่อมันเป็นโรงเรียนของเธอ ฉันก็อยากแวะไปด้วยสักหน่อย” กู้จิ้งเจ๋อว่า
หลินเช่อหันมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีประหลาดใจ “หา ทำไมล่ะคะ”
“ก็ฉันยังไม่ค่อยรู้นี่ว่าตอนเป็นเด็กเธอเป็นยังไง เลยอยากไปดูหน่อย”
หลินเช่อมองเขาอย่างประหลาดใจก่อนจะก้มหน้าและบิดมือบิดไม้ไปมา เอ่ยอย่างเขินๆ ว่า “ตอนเป็นเด็กประถม ฉันโง่จะตายไปค่ะ…”
“อืม อันนั้นก็พอจะดูออกอยู่หรอก แล้วฉันก็คิดว่าเธอไม่ได้มีพัฒนาการขึ้นเท่าไหร่ด้วย”
“…”
หลินเช่อจำได้ไม่ชัดเจนนักว่าชีวิตในวัยประถมของเธอเป็นอย่างไร เธอจำได้เพียงบึงน้ำแสนสวยที่อยู่ข้างโรงเรียน เธอและเฉินโยวหรานมักจะไปเล่นที่นั่นกันเสมอๆ หลินเช่อยังจำต้นไม้ที่ปลูกเป็นแนวยาวสองแถวขนานกันไปและแผ่กิ่งก้านเขียวสดใสปกคลุมในช่วงฤดูร้อนได้
สมัยเป็นเด็กประถม หลินเช่อเรียนหนังสือไม่เก่งนัก เธอเลยไม่เป็นที่รักของคุณครูคนไหน และไม่ค่อยจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเธอเท่าไหร่ นี่เป็นสาเหตุให้เธอต้องถูกทำโทษด้วยการถูกสั่งให้ยืนหรือไม่ก็คัดลายมืออยู่เป็นประจำ
ไม่ช้า กู้จิ้งเจ๋อก็ขับรถพาหลินเช่อมาถึงประตูโรงเรียน
โรงเรียนประถมที่มีอายุห้าสิบปีแห่งนี้ยังคงดูเหมือนแต่เกินไม่ผิดเพี้ยน
แต่ความจริงแล้วมันถูกทาสีใหม่ ทำให้ดูสดใสกว่าที่เคยเป็นอยู่เล็กน้อย
เมื่อเข้ามาในโรงเรียน เธอก็ได้เห็นการตกแต่งประดับประดาเพื่อการเฉลิมฉลอง เสียงพูดคุย เสียงอึกทึกอันน่าตื่นเต้นและผู้คนมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีศิษย์เก่าผู้ทรงเกียรติ ผู้อุปถัมภ์ และแม้กระทั่งคนสำคัญๆ มากมายจากเมือง B ก็มาร่วมงานด้วย
ทันทีที่กู้จิ้งเจ๋อก้าวลงจากรถ ทีมงานที่รออยู่ที่ประตูทางเข้าก็รีบตรงเข้ามาต้อนรับ
กู้จิ้งเจ๋อก้าวลงจากรถ มีหลินเช่อตามมาติดๆ
“ยินดีต้อนรับครับคุณกู้”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณกู้มาร่วมงานฉลองครบรอบห้าสิบปีของโรงเรียนเรา การมาเยือนของคุณกู้ช่วยนำแสงสว่างมาสู่โรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้เป็นอย่างยิ่งนะครับ”
“เรามีคนดังมากมายที่เคยเรียนที่นี่ รวมถึงคนสำคัญในแวดวงการมืองและธุรกิจตอนนี้ด้วย หรือแม้แต่นักแสดงภาพยนตร์และนักธุรกิจ ทุกคนล้วนแต่ช่วยนำเกียรติยศและความภาคภูมิใจมาสู่โรงเรียนของเรา”
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองหลินเช่อที่ยืนอยู่ข้างตัวด้วยท่าทีอันเป็นปกติ “ใช่แล้ว หลินเช่อเองก็จบจากโรงเรียนของคุณเหมือนกัน และนั่นคือเหตุผลที่ผมอยากมาร่วมงานวันนี้เพื่อเยี่ยมชมโรงเรียนด้วย”
เพียงเท่านี้ บรรดาบอร์ดบริหารของโรงเรียนก็สังเกตเห็นหลินเช่อที่เดินตามหลังมาเงียบๆ
พวกเขาใช้เวลาครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าจะแสดงปฏิกิริยาตอบรับ พวกเขายิ้มและพูดว่า “ใช่แล้วครับ ใช่แล้ว นักเรียนหลินเช่อเป็นศิษย์เก่าที่น่ายกย่องของโรงเรียนเรา เราตั้งใจที่จะเชิญเธอมา แล้วก็แขวนป้ายชื่อเธอเอาไว้ในรายชื่อศิษย์เก่าที่ทรงเกียรติ”
แต่หลินเช่อกลับรู้สึกว่าพวกเขาไม่น่าจะจำได้ด้วยซ้ำว่าเด็กนักเรียนยากจนอย่างเธอเคยเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้
กลุ่มคนที่มาต้อนรับพากันเชื้อเชิญกู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อเข้าไปภายในงาน
ศิษย์เก่าหลายคนพากันหันมามองเป็นตาเดียวกันและนึกสงสัยว่าใครกันที่เพิ่งมาถึง
หลินลี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน เธอได้รับเชิญมาร่วมงานนี้ในฐานะศิษย์เก่าผู้ทรงเกียรติ
เพราะว่าตระกูลหลินนั้นไม่ใช่ตระกูลธรรมดา ตลอดระยะเวลาหลายปี พวกเขาบริจาคเงินจำนวนมากให้กับทางโรงเรียน ด้วยเหตุนี้เมื่อหลินลี่มาเรียนหนังสือที่นี่ ทุกคนจึงดูแลประคบประหงมเธอเป็นอย่างดี จนถึงตอนนี้ที่เธอกลายเป็นดาราดัง เธอจึงได้รับเชิญให้มาร่วมงานเพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เธอเห็นว่ามีผู้คนมากมายที่กำลังยืนห้อมล้อมทางเขางานเอาไว้และพยายามชะเง้อชะแง้ดู หญิงสาวยังคงนึกสงสัยว่าใครกันที่มาถึงงาน ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของเธอถามขึ้นว่า “เอ๊ะ นั่นใครมาน่ะ”
อีกคนตอบว่า “นี่เธอไม่รู้เหรอว่าวันนี้กู้จิ้งเจ๋อจะมาน่ะ”
เมื่อหลินลี่ได้ยิน เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที ด้วยความประหลาดใจที่ผุดขึ้นมา เธอรีบเช้อมองตรงไปที่ประตูทางเข้า
“ไม่มีทางที่คนระดับกู้จิ้งเจ๋อจะเรียนจบจากที่นี่แน่ ใช่มั้ย”
“ไม่มีทางหรอกย่ะ เขาเรียนโฮมสคูลกับครูส่วนตัวตอนเป็นเด็ก พอโตแล้วก็ไปเรียนต่อต่างประเทศน่ะ”
“งั้นเขามางานนี้ทำไมน่ะ”
“ดูเหมือนเขาจะมากับหลินเช่อนะ เธอจำหลินเช่อได้รึเปล่า นักเรียนในชั้นเราที่เรียนห่วยๆ น่ะ”
“จำได้สิ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นหลินเช่อดาราดังแล้วนะ นี่เธอไม่ดูทีวีหรือไงกันจ๊ะ”
“อะไรนะ หล่อนกลายเป็นดาราแล้วเรอะ”
หลินลี่ไม่อาจทนฟังต่อไปได้ หล่อนบีบมือบีบไม้ด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะได้เห็นหลินเช่อเดินเคียงมากับกู้จิ้งเจ๋อ ทั้งสองเดินคล้องแขนกันและตกเป็นเป้าดึงดูดสายตาทุกคู่ คณะที่เดินตามติดพวกเขามาก็มีทั้งบอดี้การ์ด พนักงานดูแลความปลอดภัยที่ล้วนแต่งกายในชุดสีดำ สร้างความรู้สึกของความเป็นผู้ทรงอำนาจให้กับทุกคนที่ได้พบเห็น
“สมเป็นกู้จิ้งเจ๋อจริงๆ เลยนะ ไม่ว่าจะย่างกรายไปไหน ก็ต้องมีคนคอยดูแลความปลอดภัยทั่วทุกที่ ถ้าหลินเช่อคบหากับเขาจริงละก็ นับว่าเป็นแจ็กพ็อตโดยแท้เลยเชียวละ”
“ตอนยังเป็นเด็กนี่ ไม่ยักรู้เลยนะว่าเขาจะมาได้ไกลขนาดนี้น่ะ”
“โชคดีนะเนี่ย ที่ตอนเด็กๆ ฉันไม่เคยรังแกเขา ไม่อย่างงั้นถึงตอนนี้เราจะทำยังไงกันล่ะ”
หลินลี่หน้าถอดสีทันที เธอชะเง้อมองไปด้วยความริษยาเต็มอก ทั้งกลอกตา และยิ้มเหยียด ก่อนที่จะเดินผละหนีออกมาเพราะทนฟังคนพูดถึงหลินเช่อต่อไปอีกไม่ไหว
บรรดาเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนต่างพากันค้นหาข้อมูลหลินเช่อกันจ้าละหวั่น พวกเขารีบตรวจดูบันทึกรายชื่อ และก็แน่นอนว่าในบรรดานักเรียนที่เรียนจบจากที่นี่ มีชื่อของหลินเช่อด้วยจริงๆ
คณะกรรมการของโรงเรียนหัวเสียหนักถึงขนาดดุด่าลูกน้องเสียยกใหญ่ “แล้วก่อนหน้านี้มัวแต่ทำอะไรกันอยู่ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลินเช่อนั่นจบจากโรงเรียนเรา”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบแก้ตัวกันพัลวันว่า “ตอนนั้นเธอยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดังน่ะครับ ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะมาดังชั่วข้ามคืนในปีนี้นี่เองไม่ใช่หรือครับ เราก็เลยไม่ทันได้สังเกต อีกอย่าง เกรดเธอตอนที่ยังเป็นนักเรียนก็ไม่ค่อยดีนัก พูดง่ายๆ ก็คือเธอไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรให้ต้องใส่ใจน่ะครับ”
“จะเป็นยังไงฉันไม่สน! พวกเธอทุกคนจงกลับไปหามาว่าหลินเช่อเรียนอยู่ห้องไหนสมัยประถม และใครเป็นครูผู้สอน และต่อให้ต้องยกยอปอปั้นอะไรก็ต้องช่วยกันทำให้ถึงที่สุด เพื่อให้ออกมาดูดีที่สุด”
แน่นอนว่าในระยะเวลาไม่นาน พวกเขาก็สามารถควานหาตัวครูประจำชั้นมายืนอยู่ตรงหน้าหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อได้
กู้จิ้งเจ๋อนั่งโดยมีหลินเช่อนั่งอยู่ข้างๆ ผู้เป็นอดีตครูประจำชั้นแทบไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวงดงามที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่งตรงหน้านี้คือเด็กหญิงที่มักนั่งอยู่แถวหลังห้องเป็นประจำเมื่อครั้งอดีต
“หลินเช่อ ฉันเป็นอดีตครูประจำชั้นของเธอไงล่ะ ครูหู ไอ้หยา ไม่ได้เจอเธอมาตั้งหลายปีแล้วนะ เธอโตเป็นสาวสวยขึ้นมากทีเดียว เมื่อก่อนฉันมักจะลงโทษเธอเป็นประจำ เธอคงจะจำได้ละมั้ง”
แน่นอนว่าหลินเช่อจำได้
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร กู้จิ้งเจ๋อก็ตวัดสายตาเย็นชาไปทางคุณครูเสียก่อนแล้ว
นี่คือครูที่ใส่ความหลินเช่อและบังคับให้เธอต้องยืนในกองขยะอย่างนั้นหรือ
กู้จิ้งเจ๋อเป็นผู้ชายที่มักหาทางแก้แค้นกับเรื่องเล็กน้อยทุกเรื่อง และเขารู้สึกไม่ชอบใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อได้คิดว่าหลินเช่อถูกรังแกมากแค่ไหนในสมัยยังเป็นเด็ก ทั้งที่ตัวเล็กขนาดนั้น หนำซ้ำยังไม่มีใครคอยช่วยอีกต่างหาก