เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 174
หลินเช่อทำตาเขียวใส่เขา ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปหมดแล้วในตอนนี้ ดูราวกับผลมะเขือเทศที่กำลังจะปริแตกก็ไม่ปาน
แต่ฝ่ายกู้จิ้งเจ๋อกลับทำราวกับกำลังค้นพบโลกใหม่ เขาจับใบหน้าเธอให้หันมาหาเพื่อให้เธอหมุนตัวเข้าหาเขา
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
“หลินเช่อ นี่เธอหึงใช่มั้ย”
หลินเช่อโมโหสุดหัวใจ
ก็ใช่น่ะสิ เธอหึง ทั้งที่เธอก็ไม่อยากจะหึงหรอกนะ…
นี่เธอไม่ได้ยินดีที่จะอวยชัยให้พรเขาให้ได้ครองคู่อยู่กับโม่ฮุ่ยหลิงอย่างมีความสุขหรอกหรือนี่
“คุณน่ะสิหึง หึงกันทั้งบ้านนั่นแหละ”
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกว่าคำพูดของหลินเช่อฟังดูแปลกหูผิดปกติจึงมองหน้าเธอและยิ้มออกมา จากนั้นก็พูดว่า “หันหน้ามาหาฉันนี่ จะหลบหน้าไปทำไมกันล่ะ”
“ก็ฉันกลัวจะโดนสายตาคุณมองเหยียดหยามเพราะตัวเองมีแต่ข้อเสียเต็มไปหมดไงคะ ไม่ได้หรือไงล่ะ” หลินเช่อพูดด้วยความน้อยใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทีขณะที่พูดนั้นแฝงด้วยความเขินอาย แม้ว่าเธอจะไม่รู้ตัว แต่กู้จิ้งเจ๋อก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังขัดเขินอย่างหนัก
“นี่เธอจะคอยตอกย้ำตัวเองอยู่แบบนี้ไปทั้งชีวิตเลยหรือยังไง เธอเป็นคนถามฉันก่อนนะ”
แต่เธอไม่ได้ถามเพื่อให้เขาพูดมันออกมาแบบนี้ซักหน่อยนี่ “เพราะฉันถาม คุณก็เลยพูดออกมาง่ายๆ แบบนี้เลยน่ะเหรอคะ เฮอะ คุณจาระไนออกมาได้ฉอดๆ ขนาดนี้ในเวลาแค่นิดเดียว แปลว่าคุณอัดอั้นตันใจอยากจะพูดมานานแล้วละสินะ แล้วนี่ก็คือโอกาสที่จะได้ระบายใช่ไหมละ”
“เธอ… หลินเช่อ นี่เธอไม่คิดว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวนบ้างหรือไงนะ ก็เธอเป็นคนถาม ฉันก็ต้องตอบตามตรงสิ มันเป็นวิธีที่จะแสดงให้เห็นว่าฉันให้ความสนใจกับเธอมากแค่ไหนไงล่ะ แต่พอฉันตอบ เธอกลับไม่ชอบใจอีก”
หลินเช่อพูดอะไรไม่ออก คนบ้าอะไรงี่เง่าชะมัด
“เวลาผู้หญิงถามคำถาม คุณจะตอบตามตรงไม่ได้ เข้าใจรึเปล่าคะ!”
กู้จิ้งเจ๋อมองดูเสี้ยวหน้าที่กำลังแดงซ่านของหลินเช่อ “นี่เธอไม่ไล่ฉันแล้วใช่ไหม”
หลินเช่อก็เลยเพิ่งนึกออกว่าเธอกำลังขับไล่ไสส่งชายหนุ่มอยู่ “ยังไล่อยู่ค่ะ รีบไปเร็วๆ เข้าสิ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ทำไมถึงยังตื๊อดื้อด้านอยู่ได้แบบนี้นะ”
กู้จิ้งเจ๋อยกร่างหลินเช่อขึ้นอย่างว่องไวด้วยการขยับตัวเพียงครั้งเดียว เมื่อเขายืดตัวขึ้นก็ทำให้หลินเช่ออยู่สูงเหนือศีรษะเขาขึ้นไป ชายหนุ่มแหงนหน้ามองใบหน้าเล็กๆ ที่กำลังเหยเก “ก็ไหนเธอบอกว่าอย่าไปจริงจังกับคำพูดของผู้หญิงไงล่ะ”
“…”
อีตานี่เรียนรู้เร็วเป็นบ้า
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอด้วยสายตาอันลึกซึ้ง “หลินเช่อ เธอเป็นภรรยาของฉัน เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่าเธอไม่ต้องการให้ฉันเอาใจใส่เธออีกต่อไปนะ ถ้าไม่ห่วงเธอแล้วจะให้ฉันห่วงใครได้ล่ะ”
คำพูดนั้นดูจะทำให้หัวใจหลินเช่ออ่อนยวบลงเล็กน้อย ราวกับมีดอกไม้กำลังเบ่งบานจนเต็มปริ่ม และพลิ้วผ่านพัดลอยไปเหมือนฉากในซีรีส์โทรทัศน์ เพียงแต่ฉากที่ว่ายังไม่อาจสัมผัสถึงหัวใจเธอได้ลึกซึ้งเท่าคำพูดอบอุ่นของกู้จิ้งเจ๋อในเวลานี้
ชั่วขณะต่อมา ริมฝีปากของกู้จิ้งเจ๋อก็ขยับมาหาเธอและค่อยๆ ครอบครอง แยกริมฝีปากเธอออกจากกันเล็กน้อย หัวใจของหลินเช่อสั่นระริกไปกับทุกการเคลื่อนไหว เธอลืมไปสนิทใจว่าเธอและเขากำลังยืนอยู่ริมถนน แม้จะไม่มีผู้คนผ่านไปมาพลุกพล่านมากนัก แต่เธอก็คิดว่ามันก็ยังไม่เหมาะอยู่ดีนั่นเอง
แต่ทักษะการจูบของกู้จิ้งเจ๋อก็ชวนให้ติดตรึงยิ่งนัก รอยจูบของเขาหนักแน่นทว่านุ่มนวล เขาจูบเธออย่างดูดดื่มจนเธอไม่อาจผลักไสเขาออกไปได้แม้ว่าจะอยากทำก็ตามที เหมือนแขนขาไร้ความรู้สึกและหมดสิ้นเรี่ยวแรง
“ไม่ค่ะ อย่า…ตรงนี้มัน…” หลินเช่อพึมพำอย่างอ่อนระทวย “นี่เป็นทางเข้าโรงแรมนะคะ มี…คนเยอะแยะ”
กู้จิ้งเจ๋อเลียริมฝีปากและมองเธอด้วยสายตาชวนฝัน “งั้นก็เข้าไปกันเถอะ…”
แก้มเธอแดงร้อนราวกับโดนถูอย่างแรง หลินเช่อไม่กล้ามองหน้าเขาอีกต่อไปแล้ว
ใครบอกกันนะว่าเราจะเข้าไปข้างใน…
แต่คนตัวใหญ่กว่าก็ยกร่างเธอขึ้นแล้วเดินเข้าโรงแรมไปโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง
เมื่อก้าวพ้นประตูใหญ่เข้ามาด้านในห้องของโรงแรม เขาก็ดันร่างเธอแนบกับประตูและจูบเธออย่างดื่มด่ำท่วมท้นเสียยิ่งกว่าตอนแรก ความรัญจวนใจแผ่กระจายไปทั่วร่าง ลมหายใจของหลินเช่อกระชั้นถี่ขึ้น เธอรู้สึกเหมือนร่างกายอ่อนปวกเปียกไปหมดจากการกระทำของกู้จิ้งเจ๋อ หลินเช่อทำได้เพียงใช้แขนดันไหล่ของเขาเอาไว้เพื่อประคองร่างไม่ให้ทรุดฮวบลงไป เธอรู้สึกได้ว่าอาภรณ์ที่สวมใส่กำลังถูกปลดเปลื้องออกทีละชิ้น ริมฝีปากเขาซุกไซ้ไปจนทั่วทุกตารางนิ้วของเนื้อตัวเธอ
แล้วเขาก็ใช้มือใหญ่ยกร่างเธอขึ้นและโยนลงบนเตียงนอน
มือเขาเคลื่อนต่ำลงไปตามเรือนร่างเมื่อเขาโลมไล้เธอ ทุกครั้งที่ถูกสัมผัส หลินเช่อก็รู้สึกเหมือนมีกองไฟปะทุขึ้นภายในช่องท้อง…
หญิงสาวตัวแข็งทื่อก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดปาก เธอรีบผุดลุกขึ้นและผลักเขาออกไป “โอ๊ย ให้ตายเถอะ ฉันคิดว่ามันมาแล้วละค่ะ…”
สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อชะงักงัน เขามองดูหญิงสาวกระโดดผึงลุกขึ้น จึงถามด้วยความงุนงงว่า “อะไรหรือ”
หลินเช่อดีดตัวลุกขึ้นยืนและวิ่งเข้าห้องน้ำไป โดยไม่ได้สนใจจัดการเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยอยู่ให้เรียบร้อยด้วยซ้ำ
เมื่อหลบเข้ามาในห้องน้ำได้ หลินเช่อก็รีบตรวจดูให้แน่ใจ แล้วก็ได้พบว่ากางเกงชั้นในมีรอยเปื้อนขนาดใหญ่ ก่อนที่หน้าเธอก็แดงก่ำด้วยความอับอาย…
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ใบหน้าของกู้จิ้งเจ๋อก็กำลังบึ้งตึงได้ที่
เขาเงยหน้าขึ้นและถามเธอว่า “เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
หลินเช่อก้มหน้างุดมองนิ้วมือตัวเอง “มัน…มาน่ะค่ะ…”
“อะไรมา”
“ประจำเดือนของฉัน”
“…”
คราวนี้คนตัวใหญ่ยิ่งหน้าบึ้งหนักขึ้นไปอีก “จะมาอะไรตอนนี้ล่ะ!”
“ฉัน…ก็ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะ ฉันควบคุมร่างกายตัวเองให้เอาของเก่ามาแทนของใหม่ไม่ได้สักหน่อยนี่”
กู้จิ้งเจ๋อก้มลงดูตัวเองโดยไม่รู้จะพูดอย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วเขาจะทำยังไงดีล่ะ…
“เอาละๆ ออกไปได้แล้วค่ะ ไปไป๊ อย่ามาอยู่ที่นี่!” หลินเช่อเริ่มไล่ส่ง
“ไม่มีทาง” กู้จิ้งเจ๋อไม่ยอมง่ายๆ และสวมกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน “งั้นเราก็นอนกันทั้งอย่างนี้นี่แหละ อย่าขยับล่ะ ฉันรับประกันว่าจะไม่ทำอะไรเธอหรอก นอนซะ!”
“ฉัน…”
แม้ว่าจะหงุดหงิด แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ไหนๆ เขาก็อุตส่าห์มาถึงนี่ จะไม่ให้ทำอะไรเลยคงจะไม่ได้แน่ เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องจะให้เขาแยกไปนอนนั่นไม่มีทางเด็ดขาด
เมื่อถูกกอดเอาไว้แบบนั้น หลินเช่อก็ไม่มีทางเลือกอื่น เธอหันหนี ด้วยยังคงไม่กล้ามองหน้าเขาอยู่ดี
กู้จิ้งเจ๋อยกแขนขึ้นพาดเอวเธอไว้ พลางมองดูด้านศีรษะของหญิงสาว เป็นเวลานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ที่เธอยังไม่ยอมหันหน้ามาหา
นี่หลินเช่อ…เธอตั้งใจที่จะนอนหันหลังให้เขาแบบนี้นี่นา!
แต่ถึงกระนั้น หลินเช่อก็เป็นคนหลับง่าย ในที่สุดเธอก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขา
กู้จิ้งเจ๋อไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่เขายังคงตาสว่างโพลง เฝ้ามองใบหน้าที่หลับสนิทเป็นสุขนั้น และคิดว่าถึงจะไม่ได้ทำอะไรอื่นนอกจากได้นอนกับหลินเช่อแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่มีความสุขมากแล้ว…
เพราะความที่นอนไม่หลับ ชายหนุ่มจึงหันไปเห็นโทรศัพท์ของเธอ เขาหันกลับมามองผู้เป็นเจ้าของ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเพราะมีสายเรียกเข้า และเดินออกไปรับสายนอกห้อง เมื่อเขารับสาย เขาก็ได้ยินเสียงของฉินหวานหว่านดังขึ้น หล่อนบอกว่า [หลินเช่อ ออกมาสนุกกับฉันหน่อยสิจ๊ะ]
เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิง ชายหนุ่มจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้มงวดทว่าสุภาพว่า “ต้องขอโทษด้วย หลินเช่อไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เธอหลับไปแล้ว”
[อา… นี่คุณเป็น…เป็น…ของหลินเช่อ…]
“ถ้าคุณมีอะไรจะพูดกับเธอ ผมจะช่วยบอกให้ตอนเธอตื่นนอนแล้วว่ามีคนต้องการพบ”
กู้จิ้งเจ๋อยังคงพูดไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบ
ฉินหวานหว่านเป็นคนมีชั้นเชิงในการพูดคุย เธอเข้าใจได้ในทันทีว่าคนที่รับสายไม่ได้ต้องการการตอบโต้ เธอจึงไม่ถามอะไรเขาอีก เพียงแต่พูดอย่างสงบเสงี่ยมว่า [ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยก็ได้ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้มีอะไรจะพูดมากมายนักหรอกค่ะ]
“โอเค”
เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็วางสายในทันที