เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 178
กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “ก็ใช่ แต่เธอไม่ใช่คริสเตียนนี่”
“คุณจะไปรู้อะไรล่ะ เทศกาลแบบนี้เป็นข้ออ้างให้ฉันได้ทำตามใจตัวเองนะคะ ใครจะไปสนล่ะว่ามันเป็นเทศกาลอะไร ตราบใดที่มันเป็นวันหยุดฉันก็มีความสุขแล้วละ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธออย่างไม่อยากเชื่อ “เธอนี่เก่งเรื่องหาข้ออ้างผิดๆ กับเรื่องไร้สาระที่สุดเลยนะ”
แต่ถึงกระนั้น ในหัวใจเขาก็อดที่จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูดมาอย่างช้าๆ ไม่ได้
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกล้างสมอง อาจจะเป็นเพราะเขาอยู่กับเธอมานานเกินไปแล้วก็เป็นได้
เขาไม่ควรจะกลายเป็นผู้ชายซื่อบื้อเหมือนหลินเช่อในอนาคต
แต่แล้วข้างนอกก็เริ่มมีการจุดพลุกัน
หลังจากกินอาหารเสร็จ ท้องของหลินเช่อก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น เธอมองออกไปนอกหน้าต่างและพูดว่า “ดอกไม้ไฟสวยจังนะคะ” ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปดูใกล้ๆ
แต่กู้จิ้งเจ๋อตวัดแขนคว้าเอวบางไว้อย่างว่องไว “อย่าขยับสิ เดี๋ยวฉันอุ้มไปเอง”
หลินเช่อหน้าแดง ชายหนุ่มช้อนร่างเธอขึ้นแล้วอุ้มเดินไปยังหน้าต่างแบบฝรั่งเศสของห้องพัก
เมื่อหันมองออกไป ดอกไม้ไฟก็ดูเหมือนจะผุดขึ้นตรงหน้านั่นเอง สีสันบรรเจิดพาดพันกันดูน่าตื่นตา ทำให้หลินเช่อรู้สึกราวกับอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย
สวยจนอดอุทานออกมาไม่ได้ “สวยจังเลย”
“หือ นี่สวยสำหรับเธอแล้วเหรอ”
“ก็มันสวยจริงๆ นี่คะ ฉันอยากดูดอกไม้ไฟแบบนี้ทุกวันจังเลย”
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ยขึ้น “ถ้าเธออยากได้แบบนั้นก็พอจะได้อยู่หรอกนะ…”
หลินเช่อหันมามองด้วยความประหลาดใจ “ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเองค่ะ…”
พ่อเศรษฐีหนุ่ม ขออย่าได้สั่งให้จุดดอกไม้ไฟทุกวันให้ดูขึ้นมาจริงๆ ทีเถอะ
หลินเช่อลืมไปสนิทใจว่าชายหนุ่มข้างตัวเธอคืออภิมหาเศรษฐีระดับบิ๊กบึ้มตัวจริง
กู้จิ้งเจ๋อเอียงคอมองคนข้างกาย ไม่ว่าดอกไม้ไฟด้านนอกจะวิจิตรงดงามแค่ไหน เขาก็อยากจะมองแต่เพียงหน้าเธอเท่านั้น
ณ เวลานี้ เขาพอจะเข้าใจความหมายของคำว่าเทศกาลขึ้นมาบ้างแล้ว บางทีสิ่งที่แฝงอยู่ลึกๆ ในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองนี้ ก็คือการที่ได้อยู่กับคนที่เราต้องการจะอยู่ด้วยนั่นเอง และด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะหันไปมองอะไร ทุกอย่างที่ได้เห็นก็ดูจะน่าตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
ทันใดนั้นมือใหญ่ก็ยกขึ้นประคองใบหน้าของหลินเช่อ ก่อนจะประทับจูบลงมาอย่างเงียบเชียบ
หญิงสาวตกใจเล็กน้อย ขณะที่ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อหลับตาและใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามา หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีจากเขา
ดอกไม้ไฟที่นอกหน้าต่างยังคงปะทุดังไม่ขาดสาย ขณะที่ภายในห้องนั้นก็อวลไปด้วยอ้อมกอดและจุมพิตอันดูดดื่มยาวนาน
พักใหญ่ทีเดียวกว่าที่เขาจะคลายอ้อมกอดจากเธอ
ใบหน้าของหลินเช่อแดงก่ำ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงรสชาติของความสุข…
คืนวันคริสต์มาสอีฟคืนนี้อาจจะเป็นคืนเทศกาลที่เงียบเชียบที่สุด ที่เธอและเขาเคยใช้ด้วยกันมา และแม้ว่าจะอยู่ต่างถิ่น แต่ทั้งสองก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากการอยู่บ้านเลยสักนิด
วันต่อมากู้จิ้งเจ๋อบังคับให้หลินเช่อนอนพักอีกวันก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน
ในวันนั้น กู้จิ้งเจ๋อออกไปจัดการเจรจาธุรกิจในเมืองเอส และให้หลินเช่อนอนพักอยู่ที่โรงแรม
ส่วนเรทติ้งของผู้ชมรายการถ่ายทอดสดของงานกาล่า คริสต์มาสอีฟนั้นก็ออกมาสูงลิบลิ่ว และยังได้รับการพูดถึง โพสต์ถึงอย่างถี่ยิบตลอดเวลา
เมื่อรู้ว่ากู้จิ้งเจ๋อออกไปข้างนอก อวี๋หมินหมิ่นก็มาที่ห้องพักของหลินเช่อเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องงาน
หลินเช่อไล่อ่านข่าวประเด็นร้อนต่างๆ ซึ่งก็มีเรื่องการแสดงของกู้จิ้ิ้งอวี่และฉินหวานหว่านรวมอยู่ด้วย ทุกคนต่างพากันแซ่ซ้องฉินหวานหว่านกันโดยทั่วหน้า ว่าสามารถร้องเพลงได้อย่างไพเราะจริงๆ
และแน่นอนว่ากู้จิ้ิ้งอวี่เองก็ได้รับคำชมในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าความจริงแล้ว เพียงแค่ชายหนุ่มอ้าปาก ก็ทำให้แฟนๆ ของเขากรีดร้องด้วยความคลั่งไคล้ได้แล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ความสนใจของงานจึงตกไปอยู่ที่บรรดานักแสดงหญิงรุ่นเล็กทั้งหลายที่ไปร่วมงานอีเวนต์นี้
ส่วนหลินเช่อเองที่เป็นดาราหญิงรุ่นเล็กที่มักตกเป็นข่าวพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ก็ไม่พ้นที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบกับฉินหวานหว่าน
ใช้เวลาอ่านเพียงไม่นาน หลินเช่อก็ได้พบว่ามีคนที่กำลังกล่าวโจมตีเธอทางออนไลน์อยู่
“ให้ตายสิ เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงบอกว่าเดี๋ยวต้องมีคนด่าฉันเรื่องร้องเพลงห่วยแน่ๆ ดูสิคะ ฉันโดนใส่ซะยับเลยทีเดียว”
อวี๋หมินหมิ่นเดินมาดูข่าว แล้วก็ได้เห็นว่ามีคนกำลังด่าทอหลินเช่อจริงๆ พวกเขาตั้งใจที่จะเปรียบเทียบเธอกับฉินหวานหว่าน และบอกว่าการร้องเพลงของหลินเช่อนั้นห่วยแตกกว่าฉินหวานหว่านมาก
แรกทีเดียวพวกเขาเริ่มจากการชื่นชมฉินหวานหว่านก่อน “ฉินหวานหว่านนี่นับว่าเป็นไอดอลคุณภาพเยี่ยมจริงๆ ทั้งสวย ชื่อเสียงก็ดีไม่มีด่างพร้อย แถมยังร้องเพลงเพราะอีกต่างหาก ส่วนคนอื่นๆ ก็แค่พอจะถูไถหรอก แต่ฉันฟังไม่ออกจริงๆ ว่าหลินเช่อร้องเพลงอยู่หรือเปล่านะ มันเพี้ยนไปหมดเลย”
อวี๋หมินหมิ่นขมวดคิ้วเมื่อได้อ่าน ผู้จัดการสาวมีความรู้สึกว่าข้อความดังกล่าวดูแล้วน่าสงสัยชอบกล
เธอจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฉันไม่รู้ว่าคนพวกนี้ตั้งใจที่จะโพสต์ด่าเธอหรือเปล่า ฉันก็เลยลองไปสืบดู แล้วก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นนักเขียนรับจ้างทางอินเทอร์เน็ตที่คอยโพสต์เกี่ยวกันฉินหวานหว่านน่ะ”
หลินเช่อถามอย่างแปลกใจ “พวกเขาคอยโพสต์เชียร์ฉินหวานหว่านหรือคะ แต่ต่อให้จะเอาแต่โพสต์ชื่นชมฉินหวานหว่าน พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเขียนรับจ้างนี่นา ใช่มั้ยคะ เพราะมันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าฉินหวานหว่านร้องเพลงเพราะออกน่ะค่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มและมองหลินเช่อ “มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกนักเขียนผีหรือเปล่าน่ะ ดูสิ คนพวกนี้จะอยู่ในแชทแค่แป๊บเดียวเท่านั้น และถ้อยคำที่พิมพ์ก็จะคล้ายๆ กันไปหมด เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเป็นนักเขียนที่รับจ้างโพสต์คอมเมนต์น่ะ”
“จริงหรือคะนี่…” หลินเช่อมองหน้าผู้จัดการ “ทำไมพี่ถึงรู้ได้ทันทีเลยล่ะคะ”
“เพราะฉันเองก็ทำงานรับจ้างประเภทนี้ช่วงกลางคืนน่ะสิ ก็เลยพอจะคุ้นเคยอยู่บ้างว่าเขาทำกันยังไง ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจหรอกนะว่าฉินหวานหว่านจ้างคนพวกนี้ให้คอยโจมตีเธอทางออนไลน์ หรือว่ามีคนอื่นจ้างให้โพสต์เรื่องพวกนี้ของเธอ แล้วก็จุดประเด็นให้พวกเธอสองคนทะเลาะกันน่ะ”
“เรื่องมันซับซ้อนจังค่ะ ถ้างั้นเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะทีนี้” หลินเช่อถาม
อวี๋หมินหมิ่นว่า “เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยากหรอก ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใคร เราก็แค่จับเธอออกไปสู้ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”
เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋หมินหมิ่นก็จัดแจงนำทีมออกไปโพสต์ข้อความตอบโต้
อวี๋หมินหมิ่นไม่ได้ใช้วิธีการโจมตีหรือด่าทอฉินหวานหว่าน เพียงไม่นานหลินเช่อก็ได้เห็นคนโพสต์ข้อความว่า “อย่างน้อยเธอก็จริงใจนะที่ไม่ยอมลิปซิงค์ แม้ว่าจะร้องเพลงได้แย่มากก็เถอะ”
แล้วบุคคลผู้นี้ก็ยังตัดเอาคลิปการร้องเพลงของหลินเช่อมา และใช้โปรแกรมตัดเสียงนักร้องชายออกไป เหลือไว้แต่เพียงเสียงร้องของหลินเช่อคนเดียวเท่านั้น
เสียงดนตรีที่ได้ยิน…เรียกว่าเพี้ยนหลุดโลกทีเดียว
เมื่อหลินเช่อได้ฟังคลิปนี้ เธอจึงได้รู้ว่า เสียงร้องของเธอไม่ได้แค่แย่ธรรมดาเท่านั้น
โพสต์นี้ถูกแชร์ต่อๆ กันไปอีกนับหมื่นครั้ง ทุกคนต่างพากันหัวเราะเมื่อได้ฟัง และพูดกันว่าหลินเช่อนั้นตลกมาก ทำไมเสียงร้องของเธอถึงได้เพี้ยนหนักได้ถึงเพียงนี้
หลินเช่อหมดอาลัยตายอยาก เมื่อได้อ่านข้อความเหล่านั้นแล้ว หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปอีก
ทว่าเมื่อตกบ่าย ประเด็นเรื่องหลินเช่อร้องเพลงแย่ก็กลับถูกดันขึ้นมาแทนที่ข่าวของฉินหวานหว่าน และกลายเป็นข่าวร้อนที่คนให้ความสนใจมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
แม้ว่าตอนแรก คนอื่นจะใช้เรื่องนี้ในการโจมตีหลินเช่อ แต่หลินเช่อกลับตลบหลังด้วยการใช้เหตุการณ์ดังกล่าวมาล้อเลียนตัวเองแทน
การล้อเลียนตัวเองเช่นนี้กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการที่คนอื่นก่นด่าเธอ
บ่ายวันนั้นหลินเช่อจึงเข้าไปในเว่ยป๋อและรีโพสต์คลิปของตัวเอง นอกจากนี้เธอยังเติมอีโมติคอนรูปร้องไห้เข้าไป พร้อมเขียนข้อความว่า “ต่อไป ถ้าใครมีมนุษย์นอนอยู่ในบ้าน ก็ลองเปิดคลิปนี้ให้เขาฟังนะคะเผื่อจะตื่น”
ทุกคนต่างแห่แหนเข้าไปในหน้าเพจเว่ยป๋อของเธออย่างรวดเร็ว พวกเขาเขียนคอมเมนต์เอาไว้ใต้โพสต์ของหลินเช่อว่า” ไม่เป็นไรน้า ต่อให้ร้องเพลงห่วยยังไง เธอก็ยังเป็นเช่อน้อยของเราอยู่ดี”
“เช่อน้อย อย่าร้องน้า ดีออกเสียงเธอทำให้เราตื่นได้ทั้งคืนเลย”
“ฉันจะรีโพสต์คลิปนี้เพื่อขับไล่วิญญาณอันชั่วร้าย”
หลินเช่ออยู่ตรงกลางระหว่างหัวเราะและร้องไห้ เธอหันไปพูดกับอวี๋หมินหมิ่นอย่างภาคภูมิใจ “มีผู้จัดการคนไหนเหมือนพี่อีกบ้างนะเนี่ย นี่พี่เสพติดการได้ด่าฉันออนไลน์แล้วใช่มั้ยล่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นว่า “ก็ใครขอให้เธอร้องเพลงห่วยแตกล่ะ เธอน่าจะลองตั้งใจฟังเสียงตัวเองดูนะ มันเป็นเสียงปีศาจชัดๆ ….เหมือนจะร้องเข้าจังหวะอยู่แค่คำเดียวเท่านั้นแหละ…”
เมื่อหลินเช่อหันไปมองผู้จัดการส่วนตัว เธอก็ต้องรู้สึกซาบซึ้งใจกับการรับมือที่ผู้จัดการสาวจัดการให้เธอ
แน่นอนว่าการมีทีมที่ดีและผู้จัดการมีฝีมือเป็นเรื่องสำคัญ
หลินเช่ออดคิดในใจไม่ได้ว่า น่าเสียดายที่แม้อวี๋หมินหมิ่นจะเป็นคนเก่งขนาดนี้ แต่เธอก็ยังต้องปากกัดตีนถีบเพื่อครอบครัวอย่างยากลำบากอยู่นั่นเอง