เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 187
กู้จิ้งเจ๋อรู้ตัวอยู่เหมือนกันว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร และคิดว่านั่นเป็นเรื่องไร้เหตุผลสิ้นดี
ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงมองผู้หญิงทั้งสองและร้องตอบกลับไปว่า “ผมไม่ได้อิจฉา! เพียงแต่ผมคิดว่าแม่น่าจะพาคนติดตามไปด้วยมากกว่านี้ มันอันตรายเกินไปสำหรับทั้งสองคนนั่นแหละ”
มู่หว่านฉิงหัวเราะแล้วหันไปพูดกับหลินเช่อว่า “เอาละจ้ะ แม่จะไม่รั้งเธอไว้ แล้วก็ถ่วงเวลาสำหรับคู่รักอันหวานชื่นไว้อีกแล้ว ไปอยู่เป็นเพื่อนจิ้งเจ๋อเขาเถอะจ้ะ”
“แม่คะ…”
เมื่อเห็นมู่หว่านฉิงเดินออกไป หลินเช่อก็หันไปทำตาขวางใส่ชายหนุ่ม “เป็นอะไรอีกล่ะคะเนี่ย”
กู้จิ้งเจ๋อจึงถามกลับว่า “คุณไม่ได้ออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกมาหลายปีมากแล้ว แล้วทำไมถึงยอมออกไปกับเธอได้ล่ะ”
“อืม…แล้วการพาคุณแม่ออกไปเที่ยวนี่มันไม่ดีเหรอคะ” หลินเช่อถามด้วยท่าทีห่วงใย เธอนึกกังวลขึ้นมาว่านั่นอาจจะสร้างปัญหาได้
เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าวิตกเอาจริงๆ จังๆ ของหลินเช่อ เขาก็รีบบอกว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันก็แค่คิดว่ามันออกจะประหลาดที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ถึงได้ดีขึ้นมาผิดตาขนาดนี้”
เมื่อหลินเช่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดว่า “ก็ได้ค่ะ ฉันเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าการเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณแม่มากเกินไปคงจะไม่ดี ถ้าเกิดเราหย่ากันขึ้นมา คุณแม่ก็คงจะไม่พอใจเอามากๆ แต่คุณแม่ช่างแสนดีเหลือเกินนี่คะ ทุกคนในครอบครัวคุณก็ด้วย ฉันเคยคิดว่ามันน่าจะเหมือนที่เคยดูในละครซะอีก ที่ต่างคนต่างก็คอยแก่งแย่งชิงดีกัน ดูอย่างตระกูลหลินนั่นปะไร ที่ทำตัวเคร่งครัด ยโสอวดดีซะเต็มประดากับเงินแค่นั้น ฉันก็เลยคิดว่าบ้านคุณจะเป็นเหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าทุกคนใจกว้างเอามากๆ เลย”
หลินเช่อมองหน้ากู้จิ้งเจ๋ออย่างนึกอิจฉา “พูดจริงๆ นะคะ ครอบครัวคุณน่ะดีมาก แต่พวกคุณสามคนพี่น้องนี่หัวดื้อเป็นที่หนึ่ง พวกคุณไม่รู้หรอกค่ะว่าพวกคุณมีสมบัติล้ำค่าขนาดไหนอยู่ตรงหน้า”
“…” กู้จิ้งเจ๋อนิ่งฟังแล้วก็คิดได้ว่า เขาเองก็ไม่เคยนึกถึงข้อดีข้อเสียของครอบครัวตัวเองมาก่อนเลย
อันที่จริง เขาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าพ่อแม่ของเขานั้นออกจะเป็นคนหัวเก่าในบางเรื่อง แต่ส่วนใหญ่แล้ว พวกท่านก็เป็นคนใจกว้าง และอาจเป็นเพราะพวกเขาชอบหลินเช่อและปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี หญิงสาวจึงรู้สึกชื่นชมมากมายขนาดนี้
“ฉันรู้ค่ะว่ามันไม่ค่อยจะถูกต้องนักที่จะทำอะไรแบบนี้ ในเมื่อเราตกลงกันแล้วว่าจะเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ ฉันคงจะสวมบทจริงจังจนถลำความรู้สึกมากเกินไปน่ะค่ะ บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันเองไม่เคยมีครอบครัวที่แท้จริง…ก็เลยเผลอปล่อยใจมากไปหน่อย ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ต่อไปฉันจะรักษาระยะห่างให้มากกว่านี้”
“ไม่เป็นไร” หัวใจเขาอ่อนยวบลงเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอก ไอ้การจะไปไหนมาไหนกับคุณแม่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร เอาละ ไปกันเถอะ”
อากาศเริ่มเย็นลง ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องใหม่ของหลินเช่อจะยังคงถ่ายทำอยู่ แต่ก็มีการตัดต่อภาพตัวอย่างออกมาฉายให้ทุกคนได้เห็นกันแล้ว
และหลังจากที่ตัวอย่างแรกออกฉาย หลายๆ คนก็คิดว่าซีรีส์นี้ดูน่าทึ่งและเรื่องราวก็น่าสนใจมาก หนำซ้ำยังมีการเลือกตัดแต่เฉพาะฉากที่หลินเช่อเสนอออกมาใช้ฉายเป็นตัวอย่างอีกต่างหาก ตัวละครของหลินเช่อนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งในแก๊งอาชญากร ที่ต้องใช้สติปัญญาและความกล้าหาญในการต่อสู้กับเหตุการณ์ต่างๆ และสุดท้ายเธอก็สามารถเอาตัวรอดหนีออกมาได้โดยไม่ถูกเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริง
การแสดงของหลินเช่อในเรื่องนี้ได้รับการชื่นชมว่าดีที่สุดในบรรดานักแสดงหญิงหน้าใหม่
แม้ตัวหลินเช่อเองจะไม่กล้าบอกว่านี่เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเธอ แต่เมื่อได้รับคำชมจากผู้คนมากมาย เธอก็อดปลาบปลื้มใจไม่ได้
การถ่ายทำซีรีส์ยังคงดำเนินอยู่ อวี๋หมินหมิ่นบอกกับหลินเช่อว่า ทางบริษัทเตรียมห้องทำงานใหม่ รวมถึงจัดหาพนักงานใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญ มาไว้ให้คอยช่วยเธอวางแผนและจัดการคิวงานต่างๆ
หลินเช่อจึงตามผู้จัดการส่วนตัวของเธอไปดูห้องทำงานแห่งใหม่ พวกเขายกพื้นที่ทั้งชั้นเอาไว้ให้หลินเช่อเพียงคนเดียว
หญิงสาวถึงกับอุทานด้วยความประหลาดใจ “ทำไมมันถึงใหญ่โตอย่างนี้ล่ะคะ”
อวี๋หมินหมิ่นตอบว่า “แหม ก็เธอเป็นคุณผู้หญิงตระกูลกู้นี่จ๊ะ ถ้าพวกเขาให้ห้องแคบๆ ก็เท่ากับทำให้เธอต่ำกว่ามาตรฐานน่ะสิ ฉันยังกำชับไปด้วยว่า ตอนนี้เธอเป็นดาราคนสำคัญของบริษัทแล้วและเราต้องการผู้ช่วยงานเพิ่ม เพราะฉะนั้นจึงต้องมีพื้นที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงยังไงก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว้างคฤหาสน์ตระกูลซักหน่อยนี่นา ใช่มั้ยล่ะ”
“บ้าน่า มันเหมือนกันที่ไหนล่ะคะ ที่นั่นเป็นของกู้จิ้งเจ๋อ ไม่ใช่ของฉันซักหน่อย”
“อะไรที่เป็นของเขาก็เป็นของเธอเหมือนกันนั่นแหละน่า ฉันกลัวแต่ว่าถ้าวันไหนกู้จิ้งเจ๋อเกิดมาหาแล้วได้เห็นว่าห้องทำงานของเธอเล็กกว่าห้องน้ำที่บ้านขึ้นมา เขาอาจจะไม่ยอมให้เราดูแลเธอต่อ เพราะไม่อยากเห็นเธอต้องอุดอู้อยู่ในที่แคบๆ ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาฉันจะทำยังไงล่ะ”
“ไร้สารน่า!”
อวี๋หมินหมิ่นมองหน้าหลินเช่อ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน
เธอรู้ดีว่าอวี๋หมินหมิ่นล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง การที่ได้รับการยกย่องและเห็นคุณค่าแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมากทีเดียว
หลังจากนั้น ทั้งสองก็เดินทางไปร่วมงานอีเวนต์งานหนึ่งด้วยกัน มันเป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยแบรนด์สินค้าหนึ่ง ซึ่งพวกเธอควรจะไปร่วมงานเพื่อเป็นการสนับสนุนพวกเขา
เมื่อไปถึง ผู้ช่วยก็เดินเข้ามาหาและแจ้งว่า “พี่เช่อคะ ฉันคิดว่าฉันเห็นฉินหวานหว่านอยู่ในงานนี้ด้วยนะคะ”
อวี๋หมินหมิ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ฉินหวานหว่านกำลังไปได้สวยทีเดียว หลังจากละครที่เธอเล่นกับกู้จิ้งอวี่ออกอากาศไปแล้ว เรตทิ้งของละครก็พุ่งทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลละครแห่งปีอีกต่างหาก แล้วก็มีหวังสูงมากว่าจะคว้ารางวัลมาได้ด้วย”
หลินเช่อพยักหน้า “การแสดงของเขาก็ไม่เลวนะคะ แล้วละครก็สนุกดีด้วย ฉันได้ดูแล้วละ”
อวี๋หมินหมิ่นพูดต่อไปว่า “โชคดีที่ซีรีส์ของเธอไม่ได้ถ่ายทำช่วงเดียวกัน ของเธอก็เลยน่าจะไปออกอากาศในปีถัดไปน่ะ ถึงอย่างนั้นก็คงดังไม่แพ้กัน เพราะฟอร์มก็ไม่ได้เล็กใหญ่ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าไหร่ แต่เกิดต้องมาฉายแข่งกันขึ้นมา ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะชนะ”
หลินเช่อเดินเข้างานไปพร้อมผู้จัดการส่วนตัว แล้วฉินหวานหว่านก็ตรงรี่เข้ามาทักทายในทันที
เธอยิ้มและพูดกับหลินเช่อว่า “ซีรีส์ของเธอก็ใกล้จะออกอากาศแล้วนี่จ๊ะ ใช่รึเปล่า”
“ใช่จ้ะ เร็วๆ นี้นี่แหละ” หลินเช่อตอบอย่างสุภาพ
ฉินหวานหว่านพูดต่อไปว่า “ฉันเห็นตัวอย่างแล้วละ ไม่เลวเลยนะจ๊ะ เทรนด์ตอนนี้ก็คือต้องสร้างกระแสให้พูดถึงกันมากๆ ก่อนจะออกอากาศจริง รับรองว่าจะต้องดังเปรี้ยงแน่ๆ”
“ไม่หรอกจ้ะ…ต้องรอจนกว่าจะออกฉายนั่นแหละ ถึงจะรู้ว่าจะดังหรือเปล่า ตัวอย่างน่ะก็เป็นแค่การตัดต่อเอาฉากดีๆ มาใส่ไว้ด้วยกันเท่านั้นเอง”
“ฉันพูดจริงๆ นะ เธอก็เห็น ว่าละครเรื่องไหนที่เธอรับเล่นก็ออกมาดีทั้งนั้น เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ฉากก็ดี ผู้กำกับกับบทก็ออกจะยอดเยี่ยม รับรองว่าจะต้องกลายเป็นซีรีส์ยอดฮิตอย่างแน่นอนจ้ะ”
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ” หลินเช่อพูดกลั้วหัวเราะ “ฉันได้ยินมาว่าเธอมีแววว่าจะได้รางวัลในปีนี้นี่จ๊ะ ถ้าได้ขึ้นมาจริงๆ ละก็ อย่าลืมเลี้ยงข้าวฉันด้วยล่ะ”
ฉินหวานหว่านยิ้มหวาน “ได้เลย ฉันเลี้ยงเธอแน่ แต่ก็ยังไม่มั่นใจซะขนาดนั้นหรอกนะว่าเราจะได้รางวัลน่ะ ทุกคนในทีมเป็นมืออาชีพมากก็จริง แต่คู่แข่งก็แข็งแกร่งไม่น้อยเหมือนกัน”
“เขาลือกันว่าเธอน่าจะทำให้ละครคว้ารางวัลได้น่ะ เอาเถอะ ขอดื่มฉลองให้เธอก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ ถือซะว่าเป็นการแสดงความยินดีล่วงหน้า”
“โอเค ฉันเองก็หวังไว้ด้วยเหมือนกัน โอ้ จริงสิ มีงานอีเวนต์นึงที่เราน่าจะไปด้วยกันนะ เป็นงานสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์น่ะ จังหวะเหมาะเลยสำหรับการโปรโมตซีรีส์ที่กำลังจะออกฉายของเธอ แล้วฉันก็จะได้โปรโมตของฉันเองด้วย ไปด้วยกันแบบนี้น่าจะดีสำหรับเราทั้งคู่
“อืม ก็ได้จ้ะ เดี๋ยวฉันจะลองคุยกับผู้จัดการดูนะ”
งานเลี้ยงจบลงในเวลาไม่นาน หลินเช่อจึงพูดกับอวี๋หมินหมิ่นเรื่องงานสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ ผู้จัดการของเธอตอบว่า “แม่ฉินหวานหว่านคนนี้ช่างรู้จักวิธีขายตัวเองดีเสียจริง ไปออกงานโปรโมตกับเขาก็เป็นเรื่องดีสำหรับเธอนะ รายการที่เขาเลือกก็เหมาะดี แต่เธอควรจะระวังตัวเอาไว้ด้วย อย่าเข้าไปใกล้ชิดมากเกินไปนัก เพราะดูเหมือนว่าจะพยายามคะยั้นคะยอเธอแปลกๆ น่ะ…”
เหมือนจะมีเจตนาร้ายแอบแฝง
หลินเช่อพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อออกจากงานเลี้ยง หญิงสาวก็กลับไปที่กองถ่ายเพื่อถ่ายทำฉากกลางคืนต่อ
มันเป็นการถ่ายทำฉากรถเหาะ ซึ่งค่อนข้างจะอันตรายอยู่ไม่น้อย
หลินเช่อนั่งอยู่ในรถ โดยมีผู้กำกับคอยบอกอยู่ข้างๆ ให้เธอระวังตัวด้วย
หลินเช่อรับคำและจับพวงมาลัยแน่น และรู้สึกอึดอัดเป็นกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก บางทีอาจเป็นเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อคราวที่แล้ว
ที่ทำให้เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างอยู่เรื่อยๆ …