เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 195
โม่ฮุ่ยหลิงไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป เธอรีบนำตัวเขาไปส่งโรงพยาบาลทันที
ระหว่างเธอ เธอก็รีบโทรศัพท์หาเฉินอวี่เฉิงและเล่าให้นายแพทย์ฟังว่าอาการป่วยของกู้จิ้งเจ๋อกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว
คราวนี้ดูจะหนักกว่าที่ผ่านๆ มาเสียด้วย
แต่เฉินอวี่เฉิงไม่ได้อยู่ในลอสแองเจลิส หลังจากที่เขาได้ฟังอาการจากโม่ฮุ่ยหลิง นายแพทย์ก็ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“แล้วอยู่ๆ ท่านประธานกู้เกิดล้มป่วยขึ้นมาที่นั่นได้ยังไงกัน”
โม่ฮุ่ยหลิงสวนกลับอย่างโกรธจัด “นี่กล้ามาถามฉันเหรอ ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนถามแก แกทำอะไรกับจิ้งเจ๋อ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเขาจะเป็นอะไรซักหน่อย นี่แกได้รักษาเขาอย่างถูกต้องรึเปล่าน่ะ”
เฉินอวี่เฉิงไม่เคยพิสมัยโม่ฮุ่ยหลิงมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ไม่อยากจะมีเรื่องกับหล่อน
เขาเป็นแพทย์ประจำตัวของกู้จิ้งเจ๋อ และมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบผู้ป่วยของเขาเอง
เขาจึงเพียงแต่พูดเรียบๆ ว่า “ผมควรจะเป็นฝ่ายถามคุณโม่มากกว่าครับ เพราะว่าเวลาที่ท่านประธานกู้อยู่กับคุณผู้หญิง เขาไม่เคยเป็นอะไรเลย และอาการแบบนี้ก็ไม่ได้กำเริบขึ้นมานานแล้วด้วย คุณโม่นั่นแหละ ไปทำอะไรเขา อาการของท่านประธานกู้ถึงได้แย่ขึ้นมาแบบนี้”
“นี่แก…” โม่ฮุ่ยหลิงกรีดร้อง “ฉันไม่สนหรอกนะ แต่แกต้องมาที่นี่เดี๋ยวนี้ มารักษาจิ้งเจ๋อ ถ้าแกไม่ยอมมาละก็ รอก่อนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะสั่งให้จิ้งเจ๋อไล่แกออก”
“ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนนะครับคุณโม่ คุณผู้หญิงเองก็อยู่ในลอสแองเจลิสเหมือนกัน คุณลองโทรไปตามเธอมาสิครับ”
“ฉัน…ทำไมฉันจะต้องโทรหานังนั่นด้วยล่ะ” โม่ฮุ่ยหลิงถามด้วยความรังเกียจ
ก็เพราะว่าคุณไปโดนตัวท่านประธานกู้จนทำให้อาการป่วยของเขากำเริบขึ้นมา ส่วนคุณผู้หญิงน่ะสามารถอยู่กับเขามาได้ตั้งนานโดยที่เขาไม่เป็นอะไรเลย เพราะฉะนั้น ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าคุณผู้หญิงกู้น่ะเหมาะที่จะอยู่ดูแลท่านประธานกู้มากกว่า ถ้าคุณไม่อยากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของท่านประธานกู้ละก็ ผมแนะนำให้คุณรีบโทรหาคุณผู้หญิงและขอให้เธอมาที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดจะดีกว่านะครับ”
โม่ฮุ่ยหลิงมองเข้าไปในห้องผู้ป่วยและเดินกลับไปกลับมาอย่างครุ่นคิด แม้ว่าจะหงุดหงิดกับคำแนะนำของนายแพทย์มากแค่ไหน แต่เธอก็กลัวว่าถ้าไม่ยอมทำตาม เธอก็อาจมีปัญหาได้
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับกู้จิ้งเจ๋อ และมันก็มีสาเหตุมาจากเธอ เธออาจจะไม่รอดไปจากเรื่องนี้ก็ได้
แต่ถ้าหลินเช่อมาอยู่ที่นี่แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อหน้านังนั่น เธอก็สามารถป้ายความผิดให้เป็นของหลินเช่อได้
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว โม่ฮุ่ยหลิงก็รีบเดินเขาไปหากู้จิ้งเจ๋อที่ยังคงนอนไม่ได้สติ เธอจับมือเขาและบอกว่า “จิ้งเจ๋อคะ ฉันเองก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่นะคะ แต่เฉินอวี่เฉิงเป็นคนแนะนำเองว่าฉันควรจะไปซะ แล้วให้หลินเช่อมาอยู่ที่นี่แทน ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเองนะคะ…ฉันจะไปก่อนละ คุณจะต้องหายไวๆ นะคะ คุณจะต้องหายนะ จิ้งเจ๋อ”
เมื่อพูดจบ เธอก็เดินออกไปทั้งที่ไม่เต็มใจเลยแม้ซักนิด
เธอเรียกหาคนของกู้จิ้งเจ๋อ และสั่งให้พวกเขาติดต่อหลินเช่อ
บอดี้การ์ดของชายหนุ่มก็รีบทำตามในทันที
เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ต่อติด ก็คว้าหูโทรศัพท์มาโดยแรง
บรรดาบอดี้การ์ดของกู้จิ้งเจ๋อเองก็ไม่ชอบโม่ฮุ่ยหลิงนัก แรกทีเดียวพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรหล่อน แต่เมื่อมีหลินเช่อเข้ามาเปรียบเทียบแล้ว พวกเขาก็ได้รู้ว่าโม่ฮุ่ยหลิงนิสัยแย่แค่ไหน
แต่ในเมื่อเจ้านายของเขาสนิทสนมผูกพันกับหล่อน พวกเขานึงต้องรับคำสั่งจากเธออย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ปกติแล้วกู้จิ้งเจ๋อก็จะดูแลภรรยาเป็นอย่างดี แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ตัดขาดจากอดีตคนรักอย่างสิ้นเชิงเสียทีเดียว
เพราะแบบนี้ พวกเขาจึงอดคิดไม่ได้ว่า กู้จิ้งเจ๋อคงจะหวนกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคนรักเก่าเมื่อพวกเขาเห็นทั้งคู่ออกไปรับประทานอาหารด้วยกัน ใครจะคิดล่ะว่า…
ต้องขอบคุณที่เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องแย่สำหรับกู้จิ้งเจ๋อ เพราะสำหรับชายหนุ่มแล้ว ทุกอย่างมีความแน่นอนและชัดเจน แต่สำหรับโม่ฮุ่ยหลิง หล่อนคือความไม่แน่นอน และครั้งนี้หล่อนคือคนที่สร้างปัญหา
โม่ฮุ่ยหลิงกระชากโทรศัพท์มาและพูดลงไปว่า “หลินเช่อ”
หลินเช่อถามด้วยความพิศวง “คุณโม่หรือคะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงสงบราบเรียบของอีกฝ่าย โม่ฮุ่ยหลิงก็อดคิดไม่ได้ว่าหลินเช่อคงจะพยายามเสแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่ละสิ
“ทำอะไรอยู่ล่ะ”
“ฉันกำลังนอนอยู่ค่ะ” หลินเช่อตอบ
“ดีแล้ว ฉันเดาว่าเธอเองก็น่าจะฉลาดพอที่จะรู้ว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน และไม่มาพยายามรบกวนจิ้งเจ๋อกับฉัน” โม่ฮุ่ยหลิงว่า
หลินเช่อโต้กลับมาอย่างไม่ลดละ “ฉันขอพูดตามตรงนะคะ ฉันเคารพสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกคุณสองคน ฉันไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่คุณเองก็ไม่เคยเชื่อฉันเลย”
“แต่ตอนนี้อาการป่วยของจิ้งเจ๋อกำเริบ เธอรีบมาเถอะ เขาแต่งงานกับเธอเพราะต้องการให้เธอดูแลเขาไม่ใช่เหรอ”
“อะไรนะ กู้จิ้งเจ๋อไม่สบายหรือคะ” หลินเช่อผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ
โม่ฮุ่ยหลิงตอบ “ก็ใช่น่ะสิ เมื่อก่อนตอนที่ฉันอยู่กับจิ้งเจ๋อ เขาไม่เคยอาการกำเริบหนักขนาดนี้เลยนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้อาการของเขายิ่งแย่หนักขนาดนี้ ที่จิ้งเจ๋อเป็นแบบนี้เป็นความผิดของเธอ เพราะฉะนั้นเธอต้องมาช่วยดูแลเขาที่นี่”
“ฉัน…ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลินเช่อค่อนข้างกังวล แต่เธอก็รู้ดีว่าเรื่องไหนสำคัญที่สุดในตอนนี้ อาการป่วยของกู้จิ้งเจ๋อคือความสำคัญอันดับแรก ส่วนโม่ฮุ่ยหลิงและเรื่องอื่นๆ นั้นเป็นเรื่องรองลงไป
โม่ฮุ่ยหลิงพูดทิ้งท้ายว่า “ฉันจะกลับมาดูจิ้งเจ๋ออีกทีตอนที่เขาได้สติก็แล้วกันนะ ถ้าเธอไม่ดูแลเขาให้ดีจนปล่อยเกิดอะไรขึ้นกับเขาละก็ ทางตระกูลกู้ไม่มีทางปล่อยเธอไว้แน่”
เมื่อผลักความรับผิดชอบทั้งหมดให้หลินเช่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โม่ฮุ่ยหลิงก็ตัดสาย
หลินเช่อรีบมาโรงพยาบาลอย่างเร่งร้อน เมื่อเข้าไปด้านใน เธอก็ได้เห็นว่าทั้งชั้นของโรงพยาบาล เต็มไปด้วยคนของกู้จิ้งเจ๋อ
เธอรีบตรงไปที่ห้องพักของเขา
เมื่อผลักประตูเข้าไป เธอก็ได้เห็นชายหนุ่มนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง แล้วความโกรธเคืองจากโม่ฮุ่ยหลิงเมื่อครู่ก่อนพากันอันตรธานหายไปจนหมด
อาการเขาดูแย่มาก
หลินเช่อรีบปราดเข้าไปที่ข้างเตียง
“กู้จิ้งเจ๋อ กู้จิ้งเจ๋อ เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะนี่”
“คุณผู้หญิง เราให้ยาเขาแล้ว แต่ว่า…” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
หลินเช่อเงยหน้า “แต่อะไร”
“มีโทรศัพท์จากคุณหมอเฉิน โปรดรับสายเถอะครับ”
หลินเช่อหันไปมองโทรศัพท์และรีบรับมาทันที
น้ำเสียงของเฉินอวี่เฉิงยังคงสงบ เมื่อเขารู้ว่าเป็นหลินเช่อที่ปลายสาย การพูดจาห้วนๆ และน้ำเสียงกระด้างของเขาก็หายไป “คุณผู้หญิง อย่าได้กังวลไป อาการป่วยของท่านประธานกู้ไม่เป็นอะไรมากหรอก ผมส่งคนไปที่นั่นเพื่อช่วยดูแล้ว มันเป็นอาการแบบเดิมนั่นแหละ กินยาแล้วเดี๋ยวเขาก็ดีขึ้นครับ”
“อย่างนั้นหรือคะ…” หลินเช่อระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอก “แล้วทำไมเขาถึงดูแย่ขนาดนี้ล่ะคะ”
“คุณพูดถึงเส้นสีขาวและแดงที่พาดอยู่บนหน้าเขาใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ…” หลินเช่อหันกลับไปมอง มันเป็นสิ่งที่ผิดจากปกติอย่างมาก
เฉินอวี่เฉิงอธิบาย “โอ้ นั่นเป็นเพราะเขากินยานอนหลับที่โม่ฮุ่ยหลิงเป็นคนใส่ให้เข้าไปน่ะครับ ผมเชื่อว่า…คุณนายน่าจะคุ้นเคยกับยาประเภทนี้มากกว่าผมนะ ฮิๆ”
“…”
อะไรนะ ยานอนหลับงั้นเหรอ
นี่เขาหมายความว่า…มันคือยาแบบเดียวกับที่เธอเคยให้กู้จิ้งเจ๋องั้นเหรอ
“มันจะเป็น…มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน…”
“ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ มันไม่มียาแก้ยานอนหลับ แต่เราสามารถรอให้ฤทธิ์ยาค่อยๆ หมดลงได้ แล้วเดี๋ยวเขาก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง ก็อยู่ที่ว่าคืนนี้คุณจะดูแลเขาดีแค่ไหนแล้วละนะ ฮิๆ”
“…”
แล้วนายแพทย์ก็วางสายไป ปล่อยให้หลินเช่อยืนมองคนป่วยที่อยู่บนเตียงด้วยความสับสนเป็นที่ยิ่ง
สำหรับเรื่องนี้ หลินเช่ออยากจะพาชายหนุ่มกลับบ้านแทนที่จะปล่อยไว้ที่โรงพยาบาลแบบนี้ ก็ที่นี่มันไม่สะดวกเอาเสียเลย