เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 208
หลินเช่ออยากจะมุดเตียงหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเธอ จับไหล่เธอไว้และไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยง่ายๆ เสียด้วย
แม้แต่แค่จะหาอะไรปิดหน้าเธอยังยากเลย
กู้จิ้งเจ๋อกวาดตามองดูเนื้อตัวของหลินเช่อและอดรู้สึกไม่ได้ว่าผิวของเธอบอบบางเกินไป
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้คลุ้มคลั่งใช้กำลังหนักหน่วงกับเธออีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทิ้งรอยช้ำวงใหญ่ไว้บนผิวเธออยู่ดี
กู้จิ้งเจ๋อนึกตำหนิตัวเองมากขึ้นไปอีก แต่ในสภาพจิตใจที่ปั่นป่วนขนาดนั้น เขาจะควบคุมตัวเองได้ยังไงกันล่ะ
หลินเช่อมองหน้าอีกฝ่าย แล้วก็อดรู้สึกเขินอายอย่างหนักขึ้นมาไม่ได้
ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่นะ ทำไมถึงได้ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเอาซะเลย
แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอจะควบคุมตัวเองได้ยังไงกันเล่า ทุกอย่างที่เธอทำลงไป มันก็เป็นการทำตามสัญชาตญาณทั้งสิ้น เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะอยากทำซักหน่อย
“โอเค โอเค กู้จิ้งเจ๋อ…นี่คุณทำฉันเจ็บอยู่นะ ลงไปซะที”
เมื่อได้ยินหลินเช่อพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็หน้าเสียและรีบถอยลงจากร่างบางทันที “ขอโทษที เจ็บตรงไหนบ้าง”
หลินเช่อรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวและหันไปมองหน้าอีกฝ่าย “มันเจ็บไปหมดเลยน่ะค่ะ…”
กู้จิ้งเจ๋อเห็นหญิงสาวเอาผ้าห่อตัวจนดูราวกับกระต่ายน้อย เขาก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ความรู้สึกรักใคร่และหลงใหลผุดขึ้นมาโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าเธอช่างดูน่ารักเหลือเกิน
กู้จิ้งเจ๋อว่า “ทำไมไม่มาให้ฉันดูใกล้ๆ แล้วช่วยเป่าให้ล่ะ เป่าเพี้ยงแล้วเดี๋ยวมันจะไม่เจ็บอีกเลยนะ”
“คุณไปให้พ้นเลย ไม่มีทางซะหรอก!” หลินเช่อจ้องอีกฝ่ายตาเขียว
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะ
หลินเช่อนึกถึงความวุ่นวายปั่นป่วนที่เกิดขึ้นด้านนอกลิฟต์นั่นได้ คนที่พากันวิ่งเข้ามาก็คงจะเป็นคนของกู้จิ้งเจ๋อเองนั่นแหละ ด้วยความที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เธอจึงไม่มีเวลาที่จะคิดหรือพูดอะไร มันเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะได้ขยับตัวทำอะไรด้วยซ้ำ
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ฉันเห็นลิฟต์นั่นร่วงลงไปและพวกเราทุกคนก็ได้ยินเสียงมันกระแทกพื้นด้วย พอฉันลงไปถึง ก็เห็นลิฟต์แตกกระจุยเป็นชิ้นๆ แล้ว แล้วคุณ…”
เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์นั้น หลินเช่อก็อดกลัวขึ้นมาอีกไม่ได้
เธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าเธอจะทำอย่างไร ถ้ากู้จิ้งเจ๋อไม่โผล่หน้ามาให้เห็น
เธอคิดว่าร่างของเขาคงจะถูกฝังอยู่ใต้เศษซากหักพังของลิฟต์เสียแล้ว เมื่อตอนที่เธอได้ยินเสียงเขาดังมาจากบันได
หลินเช่อจึงซักไซ้ต่อว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองดูเธอพลางหัวเราะหึ “ยัยโง่เอ๊ย ลิฟต์นั่นไม่ได้ร่วงลงมารวดเดียว มันหยุดระหว่างทาง คนของฉันก็เลยงัดประตูให้เปิดออกมาได้เสียก่อน แล้วฉันก็ปีนออกมา ก่อนที่ลิฟต์จะขยับและร่วงลงไปอีกครั้ง เธออาจจะวิ่งลงบันไดมาเร็วก็จริง แต่ก็ไม่เร็วเท่าลิฟต์ที่ตกลงมาหรอกน่า”
“อ๋อ เข้าใจละ…” หลินเช่อระบายลมหายใจอย่างโล่งใจ ขอบคุณความโชคดีที่ทำให้สามารถช่วยเขาเอาไว้ได้
เมื่อชายหนุ่มมองเห็นแววหวาดกลัวบนใบหน้าของหลินเช่อ เขาก็เดินเข้ามาหาและยกมือขึ้นทาบกับแก้มของเธออย่างแผ่วเบา “เด็กดี ไม่ต้องกลัวแล้วนะ มันจบแล้วละ ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรแล้วนี่ไง”
แต่หลินเช่อก็ยังหวาดหวั่น เธอเอื้อมมือออกมาหยิกเขาเข้าเต็มแรง
“โอ๊ย! นี่เธอทำอะไรน่ะ” ชายหนุ่มร้องลั่นๆ
หลินเช่อถาม “เจ็บรึเปล่าคะ”
“ถามได้!” เขามองหลินเช่อด้วยสายตางุนงง
หญิงสาวอธิบายว่า “โอ้ ถ้าเจ็บ งั้นก็แปลว่าคุณเป็นคนจริงๆ”
เธอไม่ได้ฝันไป เขาไม่เป็นไรแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อถอนหายใจ เขามองดูเธอก่อนจะส่ายหน้า
อย่างไรก็ตาม คำบอกเล่าของเขายังไม่เท่ากับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ภาพเหตุการณ์อันน่าหวาดเสียวนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะบรรยายให้เข้าใจได้ด้วยถ้อยคำเพียงไม่กี่ประโยค
เขาคิดว่าตัวเองคงจะต้องร่วงลงไปพร้อมลิฟต์นั่นเข้าแล้วจริงๆ จนกระทั่งมันหยุดชะงักระหว่างทาง แต่ก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาที ถ้าเขาช้ากว่านี้อีกหน่อย เขาก็อาจจะต้องตกลงไปกลายเป็นซากอยู่ข้างล่างนั่นเหมือนกัน โชคดีที่คนของเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกเขาลงมือทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วและปราศจากความลังเล ถ้าเป็นคนอื่นคงจะหาวิธีช่วยเหลือหลังจากเหตุการณ์จบลงแล้วหรือไม่ก็ปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นแทน และทั้งหมดก็จะสายเกินแก้
หลินเช่อมองหน้าคนตรงข้าม เธอจำได้ว่ายังมีคำถามอีกมากมายที่เธออยากถามเขา แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
“ตอนที่คุณจะต้องเป็นคนออกจากลิฟต์ไปก่อน ทำไมคุณกลับให้ฉันเป็นคนออกไปก่อนล่ะคะ” หลินเช่อถาม หญิงสาวอดดีใจไม่ได้ที่ตัวเองไม่มัวแต่โอ้เอ้อ้อยอิ่งไปนานกว่านั้นแม้แต่เสี้ยววินาที ไม่อย่างนั้นทั้งเธอและเขาคงไม่มีเวลาพอที่จะหนีออกมาจากลิฟต์นั่นได้
“ฉันเป็นผู้ชายนี่นา ถ้าฉันทิ้งเธอไว้ในนั้นแล้วหนีออกมาก่อน ฉันจะมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้ได้ยังไงกัน ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มตอบ
หลินเช่อเหลือบมองและอดคิดไม่ได้ว่า อีโก้ของผู้ชายนี่มันช่าง…ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน ใหญ่จนนำมาใช้ตัดสินความเป็นความตายได้เลยเชียวหรือนี่
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ คุณนี่โง่จริงเลยนะ กู้จิ้งเจ๋อ คุณควรจะหนีออกมาก่อนแล้วก็จัดการปิดข่าวทั้งหมดซะก็เท่านั้นเอง คุณรวยออกขนาดนี้ ถ้าคุณปิดข่าว ก็จะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แถมคุณยังเป็นถึงบุคคลสำคัญ ส่วนฉันเป็นแค่คนธรรมดาตัวเล็กๆ เท่านั้น ถ้าคุณให้ฉันออกมาก่อนแล้วคุณต้องตาย…แล้วฉันจะหาทางไถ่บาปให้ตัวเองได้ยังไงล่ะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อจ้องหน้าอีกฝ่าย “ก็ได้ ก็ได้ งั้นคราวหน้าฉันจะทำอย่างนั้นก็แล้วกัน”
หลินเช่อหัวเราะ “สายไปแล้วละค่ะ เห็นมั้ยฉันยังอยู่แถมแข็งแรงดีอีกต่างหาก คุณคงไม่มีโอกาสได้สำราญกับความโสดในฐานะพ่อม่ายแล้วละค่ะ ต้องทนเป็นผู้ชายแต่งงานแล้วต่อไป”
ทั้งสองสบตากัน หลินเช่อรู้ดีว่าการพูดล้อเล่นเรื่องนี้สามารถทำได้ เพราะถึงอย่างไรทั้งเธอและเขาก็ปลอดภัยดีแล้ว
แต่ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ยังจะมีใครมีอารมณ์พูดจาติดตลกแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า
ถึงอย่างไร เขาก็เป็นสามีของเธอ
เขาเป็นคนดี
เธอคิดว่าการที่เขาเป็นฝ่ายผลักเธอให้ออกมาก่อนนั้น เป็นเพราะว่าอีโก้ของเขา แต่เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือเพราะเขาแคร์เธอด้วยเช่นกัน
เพราะอย่างนี้ หลินเช่อจึงอดซาบซึ้งและขอบคุณเขาอย่างสุดหัวใจไม่ได้
เธอเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณนะคะ กู้จิ้งเจ๋อ”
กู้จิ้งเจ๋อหันมามองดวงตาที่เริ่มจะมีน้ำตาคลอหน่วยของหลินเช่อแล้วก็ขยับตัวเข้ามา
เขาขยับตัวเข้ามาหาเธอแล้วปัดผ้าห่มออกไป
“เอ๊ะ นี่คุณจะทำอะไรน่ะ…”
“ขอบคุณฉันแค่นี้เองน่ะเหรอ มันออกจะดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่เลยนะ”
ชายหนุ่มยิ้มหว่านเสน่ห์อย่างสุดเจ้าเล่ห์ เขาโน้มตัวเข้ามาแนบร่างเธอ หลินเช่อรู้สึกได้ว่าตัวเขาร้อนผ่าวเลยทีเดียว
“โอ๊ะ…กู้จิ้งเจ๋อ คุณทำอะไรน่ะ”
“ทำอะไรน่ะเหรอ ฉันไม่ชอบตอบคำถาม ฉันชอบแสดงให้ดูมากกว่า…”
ขณะที่พูด เจ้าตัวก็เริ่มลงมือแทนคำตอบ
หลินเช่ออ่อนเพลียเต็มที ร่างกายของเธอแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
นี่เขาไม่ง่วงบ้างเลยหรือไงนะ…นี่ก็ดึกมากแล้ว…เขาไม่เหนื่อยเลยซักนิดเหรอ…นี่มันตั้งกี่รอบแล้วน่ะ
ปฏิบัติการยามค่ำคืนผ่านไป ในไม่ช้าฟ้าก็เริ่มสาง กู้จิ้งเจ๋อตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์
เขาหันไปมองหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกาย เขาก้มลงจูบเธอแผ่วเบาที่แก้มก่อนจะรีบเดินออกมาด้านนอกเพื่อรับสาย
“ว่าไง”
“ท่านครับ เราตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เราสงสัยว่าจะมีคนพยายามปองร้ายคุณผู้หญิงครับ แต่ท่านบังเอิญมาเกี่ยวข้องด้วย”
“แสดงว่า…เป้าหมายของเรื่องนี้คือหลินเช่องั้นรึ”
“ใช่ครับ ไม่มีใครรู้ว่าท่านจะไปที่นั่น แต่คุณผู้หญิงจะต้องใช้ลิฟต์ตัวนี้อย่างแน่นอน ก่อนที่เธอจะเข้าไปใช้ ที่ลิฟต์มีการติดป้ายซ่อมบำรุงเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเข้าไป แต่พอคุณผู้หญิงให้สัมภาษณ์เสร็จ ก็มีคนมาดึงเอาป้ายออกไป”