เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 218
แต่เมื่อลองคิดดูอีกที หลินเช่อก็รู้สึกได้ว่ากู้จิ้งเจ๋อช่างเป็นชายหนุ่มที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
เขาช่างสะอาดใสไร้มลทินเสียจนหลินเช่ออดรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่ได้
ตอนนั้นทำไมเธอถึงได้กล้าทำเรื่องนั้นกับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรแบบนี้นะ
ยิ่งมองดูเขาตอนนี้ เธอก็ยิ่งอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาช่างบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เมื่อกู้จิ้งเจ๋อหันมา และเห็นว่าหลินเช่อกำลังมองเขาด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม คนตัวใหญ่กว่าก็เดินเข้ามาถามว่า “ยัยบ๊อง นี่กำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้หัวเราะคิกคักออกมาในเวลาแบบนี้น่ะฮึ”
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย”
“ไม่จริง เธอจะต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ บอกฉันมา” หลินเช่อรีบเผ่นหนีทันที แต่ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าน่าจะมีบางอย่างไม่ปกติ จึงรีบวิ่งตามไป
เขาวิ่งเร็วกว่าเธอ แค่ไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดหลินเช่อไว้ได้
ชายหนุ่มยกแขนขึ้นขวางเอาไว้ และบังคับหลินเช่อให้ถอยไปจนชนผนังห้อง
หลินเช่อจึงเผยอยิ้มและถามออกไปว่า “ฉันก็แค่สงสัยว่าคุณเคยแตะต้องผู้หญิงมาก่อนบ้างหรือเปล่าน่ะค่ะ”
“ก็ไม่เคยน่ะสิ…”
“แล้วคุณไม่เคยคิดจะลองบ้างเลยเหรอคะ แบบว่า ไม่เคยคิดจะลองดูว่าคุณรู้สึกยังไงกับผู้หญิงสวยๆ ที่คุณได้เห็นบ้างเลยหรือไงน่ะค่ะ”
ชายหนุ่มตอบคำถามนี้อย่างจริงจังและตรงไปตรงมาว่า “ไม่เคยหรอก ตอนแรกฉันเป็นผื่นทุกครั้งที่ฉันถูกตัวสาวใช้คนใดก็ตามในบ้าน ตอนนั้นฉันก็คิดว่าตัวเองคงจะมีอาการแพ้ก็เลยไปตรวจร่างกาย แต่ก็ปรากฏว่าไม่ได้มีอะไรร้ายแรง หลังจากนั้นตอนสิบขวบฉันก็ได้พบกับฮุ่ยหลิง และทุกครั้งที่เล่นกับเธอ ฉันก็จะต้องเป็นผื่นขึ้นทันที ครอบครัวก็เลยพาตัวฉันไปเข้ารับการตรวจร่างกายอีกครั้ง และพบว่าฉันมีอาการแพ้ และมันคืออาการแพ้ผู้หญิง”
กู้จิ้งเจ๋อเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หลังจากนั้น ฉันก็ไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนไหนอีกเลย จนกระทั่งอายุสิบเจ็ดฉันก็คบกับฮุ่ยหลิง แล้วเธอคิดว่าฉันจะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่าล่ะในเมื่อฉันกำลังเดตผู้หญิงคนหนึ่งอยู่น่ะ นี่ฉันเป็นคนแบบนั้นในสายตาเธอหรือไงฮึ”
“เอ่อ…ฉันก็แค่ถามดูเท่านั้นเอง คุณไม่เห็นจะต้องจริงจังขนาดนั้นเลย” หลินเช่อเดาเอาว่าโม่ฮุ่ยหลิงคงจะเป็นผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยยาวนานที่สุดแล้วในอดีต แม้ว่าทั้งคู่จะไม่สามารถแตะต้องเนื้อตัวกันได้ก็ตาม
แล้วคำพูดของโม่ฮุ่ยหลิงก็ผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิดของเธอ
แต่หลินเช่อส่ายหน้าเพื่อสลัดมันทิ้งไปซะ เธอหันไปหาชายหนุ่ม “งั้นก็หมายความว่า…ตอนที่คุณถูกฉันวางยาที่โรงแรมนั่น เป็นครั้งแรกที่คุณได้สัมผัสผู้หญิงงั้นสิคะ”
“…” กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ใช่แล้วละ”
“แบบนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำให้คุณมีราคียังไงยังงั้นเลย นี่ฉันรู้สึกผิดนะคะที่ตัวเองเกิดไปปรารถนาในร่างพรหมจรรย์ของคุณเข้าน่ะ…”
“…” แต่ที่ชายหนุ่มเห็นคือสีหน้าท่าทางล้อเลียน ยั่วเย้า ไม่ได้มีวี่แววรู้สึกผิดเหมือนคำพูดเลยแม้แต่น้อย “หลินเช่อ! นี่เธอลืมไปแล้วหรือไงว่านั่นก็เป็นครั้งแรกของเธอด้วยเหมือนกันน่ะ!”
“ฮิๆ ถ้าอย่างงั้นคุณก็ถือว่าเป็นคนที่ปรารถนาในร่างพรหมจรรย์ของฉันด้วยเหมือนกัน”
“หลินเช่อ!”
คนตัวเล็กรีบมุดแขนและผลุบหนีไปได้อย่างว่องไว
แต่กู้จิ้งเจ๋อไวกว่า แค่พริบตาเดียวเขาก็คว้าตัวเธอได้อีกครั้ง และจับกดกับผนังห้องเอาไว้ไม่ให้กระดุกกระดิกได้ “ไหนลองพูดอีกทีซิ!”
“ก็ได้ ก็ได้ ฉันไม่พูดแล้วก็ได้ ทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยนะเนี่ย คุณยังซิง แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกของคุณ แล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหนกันเล่า ทุกคนก็มีครั้งแรกของตัวเองกันทั้งนั้นนั่นแหละน่า อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ดูถูกอะไรคุณหรอกน่า ถ้านั่นเป็นครั้งแรกของคุณ ก็เป็นครั้งแรกของคุณไง เรื่องเทคนิคน่ะมันค่อยๆ ฝึกกันได้ค่ะ อย่าหัวเสียไปหน่อยเลย…” หลินเช่อยังอดแหย่ไม่ได้ แน่ละว่าใครจะอดใจไม่แกล้งไหว
โดยเฉพาะเมื่อเธอได้เห็นหน้าหล่อๆ นั่นเปลี่ยนสีเป็นเขียวแล้วก็แดง น่าสนุกเป็นบ้า หลินเช่อรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเป็นฝ่ายชนะ
กู้จิ้งเจ๋อกัดฟันแน่นแล้วมองหน้าหลินเช่อ “แล้วเธอจะดูถูกอะไรมิทราบ ก็ในเมื่อเธอไม่ได้รังเกียจอะไรซักอย่าง แม้กระทั่งในครั้งแรกของฉัน ฉันก็จัดเต็มให้ แล้วไหนจะยังวันที่ฉันทำให้เธอถึงใจตั้งหลายครั้งนั่นอีก จริงมั้ยล่ะ”
“…”
ผู้ชายคนนี้จะต้องทำตัวเป็นอันธพาลทุกครั้งที่เขาไม่ได้ดั่งใจหรือยังไงกันนะ!
“ต่อให้ฉันด้อยประสบการณ์ แต่เทคนิคของฉันก็เด็ดไม่เบา จริงมั้ยล่ะ”
“อีตาบ้า!”
ความหน้าทนของเธอก็สู้เขาไม่ได้แล้วในตอนนี้ เธอมุดตัวลง กะว่าจะเผ่นหนีอีกรอบ
แต่กู้จิ้งเจ๋อคว้ามือเธอเอาไว้ข้างหนึ่ง “ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอไม่ชอบน่ะ”
หลินเช่อหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง เธออยากหนีไปให้ไกลแล้วในตอนนี้
อันที่จริง เมื่อลองคิดดูดีๆ ทักษะบนเตียงของกู้จิ้งเจ๋อก็เด็ดดวงอย่างว่าจริงๆ
มันเป็นครั้งแรกของเธอด้วยเหมือนกัน แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่า แต่อย่างน้อยเธอก็เคยเห็นมาบ้างแหละน่า
สมัยเป็นเด็ก เธอยังเคยแอบเห็นไอ้นั่นของผู้ชายมาแล้วเลย
“ว่าไงล่ะ ชอบหรือไม่ชอบ พูดออกมาสิ” กู้จิ้งเจ๋อบีบเค้นอย่างไม่ลดละเมื่อเห็นหลินเช่อพยายามจะหนีอีกครั้ง
เขาอยากให้เธอตอบรับและอยากให้เธอพอใจในตัวเขา
เขาแค่อยากให้เธอมีความสุข
กู้จิ้งเจ๋อสวมกอดหญิงสาวที่บัดนี้หน้าแดงไปจนถึงใบหูแล้ว “ชอบหรือเปล่า นี่เธอจะไม่ยอมพูดอะไรเลยงั้นเหรอ”
“ไม่ชอบ ไม่ชอบเลยซักนิด ตกลงมั้ย” หลินเช่อร้องออกมาเพราะแข้งขาแทบจะทนยืนไม่ไหวแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อไม่เชื่อ
ด้วยการขยับตัวเพียงครั้งเดียว เขาก็ผลักหลินเช่อให้ล้มลงบนเตียงและคลานขึ้นมาอยู่บนตัวเธอ เขากระชากเสื้อของตัวเองออกด้วยมือข้างเดียว เผยให้เห็นผิวเนื้อที่ดูเปล่งปลั่งราวกับทองคำอยู่ใต้แสงไฟ
ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์เสน่ห์ร้ายเมื่อทาบกายลงมาบนร่างเธอ ทั้งรวดเร็วและมั่นอกมั่นใจ
“โกหก ฉันคิดว่าฉันคงจะเชื่อไม่ได้แล้วละว่าปากเล็กๆ ของเธอนี่จะพูดความจริง”
“อา…กู้จิ้งเจ๋อ นี่มันกลางวันแสกๆ นะคะ…”
“ก็ฉันต้องทำให้ร่างกายเธอซื่อสัตย์และบอกความจริงออกมาไง”
ขณะที่พูด ปากเขาก็ประกบลงมาพร้อมแยกริมฝีปากเธอออกจากกัน ลิ้นเขารุกล้ำเข้ามาในชั่วพริบตานั้น
หลินเช่อหอบหายใจแรง
เขาพูดว่า “อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ว่าร่างกายน่ะซื่อสัตย์กว่าคำพูดจากปาก”
“คุณ…คนผีทะเล!”
“เอาละ ถึงปากเธอจะไม่ชอบคนผีทะเลนี่แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะรักฉันนะ”
“ไม่มีทาง!”
“เห็นมั้ย เธอโกหกอีกแล้ว ท่าทางฉันจะยอมปล่อยให้เธอพูดต่อไปไม่ได้แล้วละ…”
คำพูดทั้งหมดของหลินเช่อถูกกลืนลงคอไป ภายใต้หน้าต่าง หัวใจเธอล่องลอยไปกับเขา ชายหนุ่มค่อยๆ พรากเอาจิตวิญญาณของเธอไปจากห้วงสำนึก
หลังจากนั้น…
หลินเช่อรู้สึกว่าเธอหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้ เธอควรจะรู้สิ ว่าไม่ควรจะพูดถึงเหตุการณ์ครั้งแรกนั่นด้วยจะเป็นการไปสะกิดอีโก้ที่ใหญ่โตล้นฟ้าของผู้ชายคนนี้เข้า
และสุดท้าย ก็เป็นเธอเองที่กลายเป็นเหยื่อ!
วันนี้ กู้จิ้งเจ๋อใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มีพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เห็นแล้ว หลินเช่อต้องยอมแพ้ และตัดสินใจว่าจะไม่ยั่วแหย่จิตวิญญาณอันช่างอาฆาตของเขาอีกต่อไป…
ตกกลางคืน ทั้งหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อต่างก็ไปร่วมโต๊ะอาหารค่ำช้ากว่าที่ควร
เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องออาหาร หลินเช่อก็หันไปมองมู่หว่านฉิงด้วยท่าทีอายๆ และพูดว่า “ขอโทษด้วยค่ะคุณแม่ ที่หนูไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อนด้วยเลยตลอดทั้งวัน”
มู่หว่านฉิงเงยหน้าขึ้น และกวาดตามองหนุ่มสาวทั้งสอง
ถึงแม้ว่าภายนอกทุกอย่างจะดูปกติดี แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ แผ่กระจายออกมาจากคนทั้งคู่ มู่หว่านฉิงจึงหัวเราะและตอบว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร พวกเธอยังหนุ่มยังสาว ก็ต้องมีเรื่องของตัวเองให้ต้องทำสิจ๊ะ”
เธอจับตามองคนทั้งสอง และเมื่อหลินเช่อไม่ทันสังเกต เธอก็ฉวยโอกาสนั้นหันไปถามบุตรชายว่า “นี่แม่จะได้อุ้มหลานเร็วๆ นี้แล้วใช่มั้ย”