เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 227
ข่าวในโทรทัศน์บอกว่า ฉินหวานหว่านกำลังจะได้ร้องเพลงร่วมกับนักร้องชื่อดังในภาพยนตร์เรื่องคืนแห่งใบไม้ผลิ และในบรรดานักแสดงหน้าใหม่ฝีมือดีทั้งหลาย เธอเป็นคนที่จะได้รับเลือกให้มารับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งคาดว่าจะยิ่งส่งให้เธอมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีกำหนดจะออกฉายในเร็ววันนี้ พอดีกับการเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง
อวี๋หมินหมิ่นดูข่าวแล้วพูดกับหลินเช่อว่า “ช่วงนี้เขามีงานเยอะมากเลยนะ ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วทีเดียว”
หลินเช่อพยักหน้าและบอกว่า “ใช่ค่ะ พัฒนาการของเธอไปได้สวยมากทีเดียวละ”
“อย่าไปสนใจเลย ถึงยังไงเสียงร้องเพลงของเธอก็ไม่มีทางได้รับบทในเรื่องนี้อยู่แล้ว จะทำยังไงได้ล่ะถ้าคนอื่นเขาเสียงดีกว่าน่ะ”
“แหม ให้ฉันลิปซิงค์เอาไม่ได้เหรอคะ” หลินเช่อทำหน้าบูดถามอย่างแง่งอน
ช่วงที่ผ่านมา การเปรียบเทียบระหว่างหลินเช่อและฉินหวานหว่านในโลกออนไลน์เป็นไปอย่างเผ็ดร้อน แฟนคลับของทั้งสองต่างก็ถกเถียงกันโดยปราศจากเหตุผลจนทำเอาต่างฝ่ายต่างหมดเรี่ยวแรง
พอมาถึงตอนนี้ที่ฉินหวานหว่านได้เล่นหนังเรื่องคืนฤดูใบไม้ผลิ การเปรียบเทียบก็เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่ฉินหวานหว่านนั้นเรียกได้ว่าเป็นนักแสดงตัวอย่างทีเดียว เธอมีผลงานถ่ายทำทั้งงานโชว์ตัวและงานภาพยนตร์แทบไม่มีวันหยุด แล้วพอมาตอนนี้ได้อยู่ๆ ก็ได้มารับบทในภาพยนตร์คืนฤดูใบไม้ผลิอีก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีคนอยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันมากมาย แต่อย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องวัดมาตรฐานความโด่งดังของนักแสดงว่าอยู่ในระดับใด สำหรับนักแสดงที่ได้มาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ สถานะของพวกเขาจะเปลี่ยนไปในทันที
อวี๋หมินหมิ่นรู้ดีว่าหลินเช่อเพียงแต่พูดเล่น จึงไม่ได้ใส่ใจ
และพูดต่อไปว่า “เธอเองก็ทำใจให้ดีเข้าไว้ล่ะ อย่าไปสนใจหนังคืนฤดูใบไม้ผลินั่นให้มากเกินไปนัก เราต้องพุ่งเป้าไปที่การเตรียมตัวไปทดสอบบท”
ทางด้านโม่ฮุ่ยหลิง
เมื่อครั้งที่เธอวิ่งหนีออกมาด้านนอกคาราโอเกะ และยืนร้องไห้อยู่ด้านนอกเป็นนานสองนาน
แต่กู้จิ้งเจ๋อก็ไม่ได้แม้แต่จะตามออกมาดูเธอ
วันนั้นเธอโกรธมากและอยากจะกลับเข้าไปพูดจากับเขาให้รู้เรื่อง
แต่เมื่อลองมาคิดดูว่า ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายวิ่งหนีมาแบบนี้ การจะแบกหน้าตัวเองกลับเข้าไปก็ดูจะเป็นการเสียเกียรติอย่างมาก เธอจึงไม่ได้ทำดังที่ใจคิด
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังแอบสอดส่องชีวิตของหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋ออยู่ตลอดเวลาด้วยความชิงชังในใจ
หญิงสาวมองดูภาพถ่ายมากมายที่ถูกส่งมาให้ ทั้งหมดล้วนเป็นภาพความใกล้ชิดคลอเคลียระหว่างชายหนุ่มและหลินเช่อทั้งสิ้น
เขายิ้มให้หลินเช่อ สวมกอดหลินเช่อ กระทั่งยอมใส่ผ้าพันคอสกปรกที่นังผู้หญิงสารเลวนั่นยื่นให้
โม่ฮุ่ยหลิงรู้สึกสะอิดสะเอียดเหลือที่จะกล่าว นังหลินเช่อนั่นบังเอิญเอาของโสโครกแบบนั้นมาไว้บนเนื้อตัวของจิ้งเจ๋อ ทำให้กู้จิ้งเจ๋อต้องแปดเปื้อน
แต่ตอนที่กู้จิ้งเจ๋อแบกหลินเช่อขึ้นหลังนั้น คนของเขาจัดการเคลียร์ผู้คนออกจากถนนไปจนหมด ทำให้นักสืบของโม่ฮุ่ยหลิงไม่สามารถตามไปถ่ายภาพได้
หญิงสาวกวาดรูปทั้งหมดลงพื้นด้วยโทสะ
เมื่อพ่อของเธอเดินเข้ามาเห็นเข้าก็ตำหนิว่า “พอทีเถอะ จะอาละวาดทำไมนักหนา ถ้ายอมรับไม่ได้ก็เลิกคิดซะที ทำไมถึงไม่หาผู้ชายคนใหม่ล่ะ”
โม่ฮุ่ยหลิงเมื่อได้ยินก็ยิ่งหัวเสียหนักกว่าเก่า เธอตวัดเสียงใส่พ่อของเธอว่า “หมายความว่ายังไงคะที่ว่ายอมรับไม่ได้ กู้จิ้งเจ๋อก็แค่นอนกับนังแพศยานั่น แล้วก็กำลังหลงมันอยู่ตอนนี้เท่านั้นเอง เพราะว่าอาการป่วยของเขา หนูก็เลยโดนตัวเขาไม่ได้ นังนั่นก็เลยฉวยโอกาสนี้ แต่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันแม้แต่น้อยนะคะ ก็แค่เรื่องอย่างว่าเท่านั้น พ่อไม่เห็นหรือไงว่านังผู้หญิงนั่นมันชั้นต่ำขนาดไหน ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซักอย่าง แถมยังใช้ของโลว์คลาสไร้ค่าอีกต่างหาก มันไม่คู่ควรที่จะยืนเคียงข้างกับจิ้งเจ๋อหรอกค่ะ”
คุณโม่ยังพูดต่อไปอีกว่า “ก็ถ้าเขาชอบแบบนั้น ก็ปล่อยเขาไปปะไรเล่า ที่เขาไม่สามารถแตะต้องตัวลูกได้ ลูกก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรเรื่องนี้ได้อยู่ดี รอให้พ่อหาตระกูลที่เหมาะสมให้ ลูกจะได้รีบๆ แต่งงานไปซะ แล้วก็เลิกกลายเป็นภาระของครอบครัวซะที”
“ไม่ยุติธรรมเลย! ต่อให้หนูไม่ได้จิ้งเจ๋อมา หนูก็ไม่ยอมให้นังหลินเช่อมาตีหน้าซื่อแล้วคว้าเขาไปง่ายๆ แบบนี้หรอกค่ะ”
ดวงตาของโม่ฮุ่ยหลิงวาววับ เธอคว้ากระเป๋าถือและผลุนผลันออกไป
เมื่อหลินเช่อเดินออกมานอกบริษัท กู้จิ้งเจ๋อก็โทรมาพอดี การได้เห็นคำว่า ‘สามีสุดที่รัก’ บนหน้าจอโทรศัพท์ ทำให้หัวใจเธอหวานเชื่อมขึ้นมาในทันที
ยิ่งเมื่อคิดว่าสองคำนี้หมายถึงบุรุษหนุ่มที่หล่อเหลาเหลือเชื่อ ทั้งเย็นชาทว่าเซ็กซี่ เธอก็ยิ่งรู้สึกเหลือจะเชื่อได้ว่าผู้ชายที่เลิศเลอขนาดนั้นจะเป็นสามีของเธอจริงๆ
นี่เธอกลายเป็นคนโชคดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“คืนนี้เธออยากออกไปกินข้าวข้างนอกหรือเปล่า” กู้จิ้งเจ๋อถาม
หลินเช่อว่า “ได้ค่ะ คุณอยู่ไหนคะนี่”
“ฉันยังมีงานต้องทำให้เสร็จอยู่ เดี๋ยวฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอที่บริษัทแล้วค่อยมาหาฉันที่นี่ก็แล้วกัน”
“โอ้ ได้ค่ะ แต่ฉันไม่เคยเข้าไปที่กู้ อินดัสทรี่มาก่อนเลย ถ้าฉันหาคุณไม่เจอล่ะคะ”
“พอเธอใกล้จะถึง ฉันจะส่งฉินเฮ่าลงไปรับเธอเอง”
“โอเคค่ะ”
แล้วหลินเช่อและคนขับรถก็ตรงไปที่กู้ อินดัสทรี่
หญิงสาวมองเห็นตึกสูงเด่นเป็นสง่าที่ดูน่าเกรงขามนั้นมาแต่ไกล เนื่องด้วยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนจุดที่โดดเด่นที่สุดของถนน กู้ อินดัสทรี่ดูเหมือนจะอยู่ในทุกหนทุกแห่งของเมืองบีแห่งนี้ เพราะเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญของประเทศ อาคารแห่งนี้จึงเป็นเครื่องแสดงถึงความมั่งคั่งและอิทธิพลของบริษัทเป็นอย่างดีชนิดที่ไม่มีบริษัทใดจะเทียบได้
หลินเช่อถอนหายใจด้วยความทึ่ง เธอเหลือบมองตัวอักษรภาษาอังกฤษอันงดงามของกู้ อินดัสทรี่ที่ติดอยู่บนตัวอาคาร และรู้สึกว่ามันช่างหรูหราเสียเหลือเกิน
ไม่ช้ารถก็แล่นมาถึง หญิงสาวลงจากรถ ในขณะที่คนขับนำรถไปจอด หลินเช่อเข็นรถของตัวเองเข้าไปด้านใน
อันที่จริงเธอไม่คิดว่าตัวเองถึงขนาดจะต้องใช้วีลแชร์ แต่กู้จิ้งเจ๋อยืนกรานหนักแน่น โชคดีที่วีลแชร์จากอุบัติเหตุครั้งก่อนยังคงอยู่ที่บ้าน เธอจึงนำมันมาใช้ สภาพของหญิงสาวจึงแลดูเหมือนคนพิการทั้งที่เพียงแต่ข้อเท้าเคล็ดเท่านั้น
เธอเข็นตัวเองเข้าประตูมาจนถึงหน้าฟร้อนท์ของบริษัท “คุณคะ ห้องทำงานของท่านประธานกู้อยู่ไหนคะ”
พนักงานต้อนรับลุกขึ้นมองดูหลินเช่อที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ “คุณหมายถึงประธานคนไหนคะ”
“กู้จิ้งเจ๋อค่ะ” หลินเช่อตอบ
พนักงานต้อนรับตกใจอย่างมาก หล่อนยิ้มและถามด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “คุณนัดไว้หรือเปล่าคะ”
“อา ถ้าจะขอพบเขาฉันต้องนัดก่อนเหรอคะ”
“คุณจะเข้าพบท่านประธานตามใจชอบไม่ได้ค่ะ คุณจะพบท่านโดยไม่ได้นัดหมายไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะมีคนมากมายนับไม่ถ้วนมาเข้าแถวรอพบท่านประธานของเราทุกวัน ท่านประธานของเราไม่ได้ว่างพอจะมาเสียเวลากับคนอย่างพวกคุณหรอกนะคะ”
พนักงานต้อนรับทำตาเขียวใส่หลินเช่อและไม่สนใจเธออีก
หญิงสาวเองก็พูดอะไรไออก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เสียงฉินเฮ่าก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“คุณผู้หญิง มาถึงแล้วหรือครับ”
เมื่อพนักงานสาวมองเห็นฉินเฮ่าเดินมา ก็รีบจัดแจงหน้าผมของตัวเองให้เรียบร้อยโดยไว เธอแปลกใจที่เห็นฉินเฮ่าพูดจากับหลินเช่อด้วยความสุภาพนอบน้อม หนำซ้ำยังช่วยเข็นรถให้หญิงสาวอีกต่างหาก
พนักงานนิ่งอึ้งไปทันทีเมื่อหันไปมองหลินเช่อ
ไม่บ่อยนักที่จะเห็นผู้ช่วยฉินจะแสดงการยกย่องใครซักคน…
อีกอย่าง เมื่อกี้ฉินเฮ่าเรียกหล่อนว่าอะไรนะ
ขณะที่ฉินเฮ่าเข็นรถให้หลินเช่อนั้น หญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆ จากทุกคนที่มองมายังเธอ
ทุกคนต่างก็ปฏิบัติต่อฉินเฮ่าอย่างสุภาพยิ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นเขา ทุกคนก็จะค้อมศีรษะให้และทักทายเป็นอย่างดี
หลินเช่อจำได้ที่เฉินโยวหรานเคยเล่า ว่าฉินเฮ่านั้นนับว่าเป็นบุคคลสำคัญของกู้ อินดิสทรี่ทีเดียว และวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นกับตา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดว่าเขาเป็นแค่ผู้ช่วยธรรมดาๆ ที่คอยอยู่ข้างตัวกู้จิ้งเจ๋อ โดยไม่ได้มีอะไรสำคัญไปกว่านั้นเสียอีก