เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 229
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าหญิงสาว “เธอจะพูดตรงนี้เลยก็ได้นะ แถวนี้ไม่มีใครหรอก”
กู้จิ้งเจ๋อไม่อยากจะไปที่อื่นที่ซึ่งเขาควบคุมไม่ได้ เผื่อว่าเธอจะเล่นตุกติกอะไรขึ้นมาอีก
โม่ฮุ่ยหลิงจึงตัดพ้อว่า “ตอนที่เราไปเที่ยวอิตาลีด้วยกัน คุณบอกฉันว่าคุณอยากจะออกเดตกับฉัน แล้วพอมาตอนนี้ที่เราจะเลิกกัน เราจะมาพูดกันตรงทางเดินบริษัทเนี่ยเหรอคะ กู้จิ้งเจ๋อ คุณนี่ใจร้ายสิ้นดีเลย”
หัวใจของเขาหล่นฮวบ
เมื่อมองหน้าหญิงสาวแล้ว เขาก็ถอนหายใจ “ก็ได้”
เธอทำให้เขาหวนนึกไปถึงเมื่อตอนที่เธอและเขาคบหากันตอนอายุสิบเจ็ดสิบแปด
ทั้งเธอและเขาต่างก็ยังไร้เดียงสาและไม่มีอะไรจะมาหยุดพวกเขาได้ แต่ตอนนี้…
โม่ฮุ่ยหลิงเป็นฝ่ายเดินนำออกไปก่อน ในคาเฟ่มีคนไม่มากนัก หญิงสาวนั่งลงและมองหน้าเขา “ฉันอยากรู้ว่า ที่คุณบอกเลิกกับฉันเพราะว่าคุณตกหลุมรักหลินเช่อรึเปล่าคะ”
กู้จิ้งเจ๋อชะงัก เขามองหน้าเธอ “ฮุ่ยหลิง ทั้งหมดนี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของเราเลยซักนิด”
“เกี่ยวสิคะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเช่อ คุณยังจะอยากเลิกกับฉันอยู่อีกเหรอคะ” โม่ฮุ่ยหลิงถาม
“แค่บอกฉันมาตามตรงก็พอค่ะ ว่าคุณหลงรักหลินเช่อใช่มั้ย”
กู้จิ้งเจ๋อคิดไม่ออกว่าควรจะพูดอย่างไร
ความรู้สึกอันสับสนปนเปที่เขามีต่อหลินเช่อนี่เป็นเพราะนิสัย หรือเป็นเพราะสงสาร แต่จะเป็นเพราะอะไร มันก็เป็นความรู้สึกที่เขาไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไร
มันเป็นเพียงความต้องการที่จะปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากที่เขามีต่อโม่ฮุ่ยหลิงอย่างสิ้นเชิง
ถ้าหากความรู้สึกที่เขามีต่อโม่ฮุ่ยหลิงคือความรักแล้วละก็ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่เข้าใจความรู้สึกอันแตกต่างที่เขามีต่อหลินเช่อเช่นกัน
รู้แต่เพียงว่า ตอนนี้เขาอยากจะอยู่กับหลินเช่อและไม่อยากจะให้เธอจากเขาไป
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ยขึ้นว่า “ฮุ่ยหลิง ต่อให้เธอรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเธออยู่ดี เธออยากจะแก้ปัญหานี้ยังไงล่ะ ถ้าเธอต้องการสิ่งชดเชยปลอบใจ ฉันจะให้เธอเอง”
“ฉันไม่ได้ต้องการการปลอบใจค่ะ ฉันต้องการจะพูด” น้ำตาของเธอไหลพรากลงมาตามแก้ม
เธอเหลือบมองชายหนุ่มก่อนจะพูดต่อไป “ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณนั้นบริสุทธิ์แท้จริง ไม่มีอะไรมาเจือปน คุณจำได้รึเปล่าคะสมัยที่เรายังเป็นเด็กๆ กัน ฉันจะคอยตามติดคุณไปด้วยเสมอ คุณจะเรียกฉันว่าเสี่ยวหลิงเบลล์ ตอนฉันอยู่กับคุณ ฉันยอมทำได้ทุกอย่าง แม้แต่นั่งฟังดนตรีตลอดทั้งวัน ฉันไม่เคยคิดทำอะไรเป็นของตัวเอง เรานั่งมองกันได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปอย่างจริงใจไม่เสแสร้ง แต่ตอนนี้คุณกำลังหลงเสน่ห์และคุณก็อยากอยู่กับเธอ เพราะคุณสามารถแตะเนื้อต้องตัวเธอได้และนอนกับเธอได้ แต่คุณจะไม่มีวันได้มีความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์แบบเดียวกับที่เราเคยมี แล้วอีกหน่อยคุณอย่ามานึกเสียใจก็แล้วกันนะคะ”
เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงพูดว่าเขามีเพียงความปรารถนาในเรื่องอย่างว่ากับหลินเช่อ ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว “หลินเช่อไม่ใช่คนอย่างที่เธอคิดหรอกนะ ระหว่างเรามันมีอะไรมากกว่าเรื่องพรรค์นั้น”
เมื่อได้ยินสุ้มเสียงไม่พอใจจากเขา โม่ฮุ่ยหลิงก็ยิ่งโกรธหนักยิ่งไปกว่า แต่เธอก็พยายามอดกลั้นและสะกดความอยากที่จะแล่นไปตบหลินเช่อเอาไว้อย่างยากเย็น
“คนที่อยู่ตรงกลางอาจจะมองไม่ออก แต่คนนอกที่มองเข้ามาน่ะเห็นได้ชัดเจนนะคะ ฉันรู้ดีค่ะว่าพวกคุณเป็นยังไง คุณสองคนไม่มีวันที่จะรักกันจากใจจริงได้เหมือนเรา จิ้งเจ๋อคะ ฉันแค่อยากจะบอกคุณเป็นสิ่งสุดท้าย ฉันอยากจะบอกคุณว่า ในที่สุดคุณจะต้องเสียใจค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อผุดลุกขึ้นทันที ร่างสูงของเขาแผ่รังสีของความเย็นชาออกมา เมื่อเขาตั้งท่าจะเดินหนีไป โม่ฮุ่ยหลิงก็คว้าแขนเขาไว้ “จิ้งเจ๋อ!”
กู้จิ้งเจ๋อหันมา
เมื่อเขาหันกลับมา โม่ฮุ่ยหลิงก็มาเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอหน่วย “จิ้งเจ๋อ คุณจำได้รึเปล่าคะว่าพูดอะไรไว้กับฉัน เราจะหาวิธีมีลูกด้วยกัน เราจะมีลูกเต็มกันให้เต็มบ้าน คุณจะทำงาน ส่วนฉันจะอยู่บ้านเลี้ยงพวกแก”
หัวใจกู้จิ้งเจ๋อปวดหนึบขึ้นมา
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดเหล่านั้น เขากลับรู้สึกว่ามันช่างฟังดูน่าขันเหลือเกิน
มันเป็นเพียงคำพูดลมๆ แล้งๆ ที่พูดไปอย่างนั้น เขาไม่เคยชอบเด็ก แต่เธอเองต่างหากที่ยืนกรานว่าจะต้องมี ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดออกไปว่า เราจะมีลูกกันหลายๆ คนก็ได้ ส่วนโม่ฮุ่ยหลิงก็ไม่เคยต้องทำงานใดๆ เธอก็น่าจะเป็นคนเลี้ยงลูก
แต่ความจริงก็คือ เมื่อเลิกรากันไป คำสัญญาของคนรักเก่าก็ฟังดูร้าวรานหัวใจยิ่งนัก
กู้จิ้งเจ๋อเคยมีความสัมพันธ์เพียงครั้งเดียวคือกับเธอเท่านั้น เขาจึงไม่อาจพูดได้ว่ามันไม่สำคัญ
มันเป็นความรักที่ถูกบ่มเพาะมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าหัวใจเขาย่อมหวั่นไหวและรู้สึกเสียใจ
โม่ฮุ่ยหลิงเงยหน้าขึ้น “คุณช่วยกอดฉันอีกครั้งได้มั้ยคะ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…พ่อฉันจะหาคนมาแต่งงานกับฉันในเร็ววันนี้ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะมีโอกาสแบบนี้อีกหรือเปล่า…”
ชายหนุ่มสะท้อนสะท้านใจ
นี่เธอวางแผนอนาคตไว้กับคนอื่นแล้วอย่างนั้นหรือ
นี่เป็นเรื่องดี เธอจะได้มีชีวิตใหม่เสียที ทุกอย่างคงจะดีขึ้นกว่านี้
เขาพยักหน้า โม่ฮุ่ยหลิงร้องไห้และเกาะเอวเขาไว้นิ่งนาน จนกระทั่งเธอเงยหน้ามองเขาทั้งที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอด
กู้จิ้งเจ๋อยอมทำตามใจเธอ ด้วยคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธ ก่อนที่จะค่อยๆ ผลักเธอออกห่างอย่างนุ่มนวล
กู้จิ้งเจ๋อพูดว่า “ขอให้โชคดีนะ ฉัน…ฉันไปก่อนละ”
โม่ฮุ่ยหลิงรู้สึกหม่นหมองยิ่งนักเมื่อนึกถึงว่าเขากำลังจะกลับไปหาหลินเช่อ แต่เธอพยักหน้าอย่างว่าง่าย และมองเขาเดินจากไปด้วยดวงตาอันแสนเศร้า ภายในใจเธอโหมไหม้ด้วยแรงแค้น
โม่ฮุ่ยหลิงแหงนหน้ามองดูกล้องวงจรปิดของคาเฟ่
ริมฝีปากของเธอยกขึ้นแสยะเป็นรอยยิ้ม
ถ้าฉันไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุข นังหลินเช่อก็อย่าหวังจะได้เป็นสุขด้วยเลย
ในห้องทำงาน
หลินเช่อกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
ฉินเฮ่ากระสับกระส่ายอยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นหลินเช่อเอาแต่นั่งอ่านหนังสือ ท่าทีดูไม่อนาทรร้อนใจแต่ อย่างใด เขาก็อดชื่นชมความอดทนและเข้มแข็งของเธอไม่ได้
เมื่อเห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อยังไม่กลับมาเสียที ฉินเฮ่าก็เดินเข้ามาหาและบอกว่า “คุณผู้หญิงครับ ไม่ทานอะไรรองท้องซักหน่อยหรือครับ”
หลินเช่อเงยหน้าและยิ้มให้ “ไม่ต้องหรอกจ้ะ”
เนื่องจากหลินเช่อนั่งรอมาพักใหญ่และกู้จิ้งเจ๋อก็ยังไม่กลับมาเสียที ฉินเฮ่าเกรงจึงว่าหากเมื่อเลยเวลาอาหารไปแล้วหลินเช่อจะเกิดหงุดหงิดขึ้นได้
เขาจึงพยายามปลอบประโลมว่า “หวังว่าคุณผู้หญิงจะเข้าใจนะครับ นายท่านเองก็มีจุดอ่อน เรื่องอื่นน่ะไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเป็นเรื่องของคุณหนูโม่นี่…อย่างน้อยตอนนี้ท่านก็อยากจะดูแลคุณผู้หญิงเป็นอย่างดี แม้กระทั่งอยากให้คุณผู้หญิง…”
“ให้พูดเรื่องดีๆ ของเจ้านายนี่คงจะยากละสินะจ๊ะ แต่บอกตามตรงว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยซักนิด ท่าทางฉันดูเหมือนโกรธคุณงั้นเหรอคะ” หลินเช่อไม่ได้โกรธจริงๆ
หญิงสาวยังพูดต่อไปอีก “เอาละ ฉันไม่ได้โกรธ ไปทำงานของคุณเถอะค่ะ ไม่ต้องมาคอยดูแลฉันหรอก”
ฉินเฮ่ามองหลินเช่อแล้วก็ยิ่งประทับใจหญิงสาวมากขึ้นไปอีก
เธอไม่ใช่คนไร้เหตุผลอย่างโม่ฮุ่ยหลิง เธอระงับอารมณ์ได้ดีและยังสุภาพแม้กระทั่งกับตัวเขา
ฉินเฮ่าจึงตอบไป “คุณผู้หญิง ถ้าอย่างนั้นก็นั่งพักก่อนนะครับ”
เมื่อฉินเฮ่าปลีกตัวออกไป หลินเช่อก็หันไปมองด้านนอก เธอระบายลมหายใจออกมาช้าๆ ทั้งที่ในมือยังคงถือหนังสือ
เธออ่านวนอยู่ที่หน้านี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว
เมื่อมองออกไปด้านนอก ผู้ชายคนนั้น…
เขาบอกเธอว่าเดี๋ยวจะกลับมา นี่เขาจะกลับมาหรือเปล่านะ
แต่ต่อให้เขาจะไม่กลับมาแล้ว เธอก็เข้าใจ บางทีพวกเขาอาจจะคุยกัน แล้วเขาก็เกิดหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง บางทีเขาอาจจะไม่แคร์เธออีกต่อไปแล้ว และอยากจะอยู่ดูแลเธอตราบใดที่เขาไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล”
และแล้ว เธอก็เห็นกู้จิ้งเจ๋อเดินเข้าประตูมา เขาหันมามองเธอทันที “ฉันกลับมาแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”