เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 230
ชายหนุ่มยิ้ม แม้ว่าภาระหนักหน่วงจะเพิ่งถูกเคลื่อนออกจากไหล่ไปเมื่อครู่นี้ แต่เขาก็ยังอดเศร้าไม่ได้หลังจากได้ยินสิ่งที่โม่ฮุ่ยหลิงพูด
แต่กระนั้น เขาก็อธิบายไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเศร้า
บางทีเขาอาจจะรู้สึกเศร้าที่ทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วก็เป็นได้
หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าเขากลายมาเป็นผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไรก็เป็นได้
แรกทีเดียว เขาคิดว่าเขาจะต้องอยู่กับเธอ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็กลับไม่พยายามที่จะทำเช่นนั้น ทั้งที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนยึดมั่นในหลักการอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าเขาตัดสินใจเรื่องอะไรแล้ว เขาก็จะไม่ยอมเปลี่ยนมันง่ายๆ หรือว่าทำให้ใครต้องเจ็บช้ำ แต่สุดท้ายแล้ว เขากลับทำร้ายทั้งโม่ฮุ่ยหลิงและหลินเช่อ
เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่า เขากำลังกลายเป็นผู้ชายที่เขาเคยรังเกียจ
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอื้อมมือออกไปผลักวีลแชร์ให้หลินเช่อ
หญิงสาวถาม “เรายังจะไปกินข้าวกันเหรอคะ บอกตามตรงว่าฉันนึกไม่ออกเลยค่ะว่าอยากกินอะไร ทำไมเราไม่…”
“ไม่เป็นไร เราสัญญากันแล้วนี่ว่าจะไปหาอะไรกิน ตรงโน้นมีร้านเปิดใหม่ ไปลองชิมกันดีกว่า”
“โอ้ ก็ได้ค่ะ” หลินเช่อได้แต่พยักหน้าเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น
กู้จิ้งเจ๋อเข็นรถวีลแชร์ของหลินเช่อไปตามทางเดินที่มีโต๊ะทำงานของบรรดาเลขาตั้งเรียงรายอยู่ด้านนอก
เมื่อได้เห็นภาพดังกล่าว ทุกคนต่างก็หันมองเป็นตาเดียวกัน กู้จิ้งเจ๋อเดินตรงไปโดยมีบอดี้การ์ดเดินตามมาด้านหลัง ดูแล้วน่าเกรงขามยิ่ง แล้วทุกคนก็เดินเรียงแถวออกไป หลินเช่อที่ถูกเข็นอยู่ด้านหน้าดูไม่ได้มีอะไรเข้ากันกับบรรดาคนที่เดินตามหลังเธอมาแม้แต่น้อย ความแตกต่างแปลกตานี้เองที่ทำให้ทุกคนไม่อาจละสายตาได้
เพียงไม่นาน กลุ่มห้องแชทของบริษัทก็แทบจะเหมือนนกกระจอกแตกรัง
ทุกคนรู้ดีว่าคนรักของกู้จิ้งเจ๋อคือโม่ฮุ่ยหลิง ผู้ซึ่งสถานะครอบครัวมีความเท่าเทียมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่กู้จิ้งเจ๋อกำลังเข็นวีลแชร์ให้อยู่นี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่หล่อน
[ทำไมท่านประธานกู้ถึงมีคนรักใหม่ล่ะ]
[ฉันว่าท่านประธานกู้ดูแลแฟนดีจังเลยนะ ใส่ใจแล้วก็ช่วยเข็นรถให้เธอด้วย ว่าแต่แล้วทำไมแฟนเขาถึงได้เป็นคนพิการได้ล่ะ]
[โอ้พระเจ้า ท่านประธานกู้เปลี่ยนแฟนไม่บอกไม่กล่าวเลย ทำไมเขาถึงไม่ประกาศให้รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะ ถ้าเขาบอกฉันจะได้ไปแสดงความยินดีเสียหน่อย]
[ตอบคนข้างบน เลิกฝันเถอะย่ะ มีคนในบริษัทเข้าคิวรอตำแหน่งนี้กันอีกเพียบ เธอไม่มีทางได้เสนอหน้าหรอก]
[ท่านประธานกู้หล่อเป็นบ้า ฉันไม่รู้ว่าคนที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศข้างบนสุดนั่นมีแก่ใจทำงานกันได้ยังไง ทั้งที่ต้องได้เห็นหน้าเขาอยู่แบบนั้นทุกวันน่ะ]
[ตอบคนข้างบน ก็เพราะว่าคนที่ไม่ตั้งใจทำงานให้ดีแล้วก็คอยแต่มองท่านประธานกู้ จะถูกบอดี้การ์ดของเขาจับโยนออกมาน่ะสิ ใครที่ทำงานพลาดจะต้องเจ็บตัวแถมยังถูกไล่ออกด้วย หลังจากนั้น พวกเราทุกคนก็จะกลับมาตั้งใจทำงานโดยไม่หันมองท่านประธานกู้อีกเลย]
[ใช่แล้วละ พวกบอดี้การ์ดที่คอยอยู่ข้างท่านประธานน่ะน่ากลัวเป็นบ้า ใครก็ตามที่เข้าไปใกล้เขานี่เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ แล้วก็ดูสถานะของท่านประธานสิ มีคนธรรมดาที่ไหนสามารถเข้าใกล้เขาได้บ้าง]
ขณะที่กู้จิ้งเจ๋อเข็นรถของหลินเช่อไป หญิงสาวก็มองเห็นสายตาของทุกคนที่ตวัดมองมาอย่างรวดเร็ว เธอจึงก้มหัวลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย
โชคดีที่ลิฟต์ส่วนตัวของกู้จิ้งเจ๋อมาถึงในเวลาอันรวดเร็วเพื่อพาพวกเธอลงไปข้างล่าง กู้จิ้งเจ๋อส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนไม่ต้องคอยติดตามมาใกล้ชิดนัก
เมื่อขึ้นไปบนรถ กู้จิ้งเจ๋อก็นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรอีกเลยตลอดช่วงเวลาที่นั่งอยู่บนรถ
ปกติแล้ว หลินเช่อจะเป็นฝ่ายพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดปาก แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าเธอไม่มีอะไรจะพูด จึงทำเพียงแต่มองตรงไปข้างหน้าเท่านั้น
เธอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวชายหนุ่มนั้นออกจะอึมครึมขึ้นมาเล็กน้อยนับตั้งแต่เขากลับมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ให้เห็น แต่มันก็ส่งผลต่อเธออย่างมาก
ที่ภัตตาคาร กู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อใช้ช่องทางเข้าพิเศษและมีเจ้าของร้านเป็นผู้พาไปยังห้องพิเศษส่วนตัว
ห้องนั้นตกแต่งอย่างสวยงามจนชวนตะลึง หลังจากนั่งลงเรียบร้อย
หลินเช่อก็หันมองไปทางชายหนุ่ม เขายิ้มให้เธอ “หนาวรึเปล่า ถ้าเธอหนาว ฉันสั่งคนให้เปิดฮีทเตอร์”
“กู้จิ้งเจ๋อคะ” หลินเช่อร้องห้ามไว้เมื่อเห็นเขาทำท่าจะลุกขึ้น “ไม่ต้องวุ่นวายหรอกค่ะ ฉันไม่หนาวหรอก ท่าทางคุณดูไม่มีความสุขเลยนะคะ ถ้าคุณไม่สบายใจ เราก็น่าจะกลับกันดีกว่า อย่ากินข้าวเลยค่ะ”
“ไม่ เราควรจะกินสิ่งที่เราต้องกิน” เขายืนกราน
“พอทีเถอะ แค่เห็นหน้าบึ้งๆ ของคุณฉันก็กินอะไรไม่ลงแล้วละค่ะ อย่ากินเลยดีกว่า” หลินเช่อดันวีลแชร์ของตัวเองออกและหันมองเขา
ชายหนุ่มชะงัก ยกมือขึ้นลูบคาง
แน่นอนว่าเขาไม่รู้เลยว่าเผลอทำหน้าตาบึ้งตึงออกไป แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นสีหน้าอับจนของหลินเช่อ เขาก็สูดลมหายเข้าลึกก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอต้องพลอยไม่สบายใจไปด้วย”
หลินเช่อเม้มปาก “ไม่เป็นไรค่ะ คุยกับคุณหนูโม่ไม่เรียบร้อยหรือคะ”
กู้จิ้งเจ๋อส่ายหน้า “ไม่หรอก ก็เรียบร้อยดี”
“ถ้าอย่างงั้น ทำไมคุณถึง…”
“เพราะว่าฉันเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฮุ่ยหลิงกับฉันต้องจบกันในวันนี้ ฉันรู้ แต่ว่าฉันก็ไม่อาจทำอะไรได้ บางทีเธออาจจะคิดว่าฉันทำอะไรไม่เด็ดขาด แต่ฉันก็ยังตำหนิตัวเองเรื่องนี้อยู่ ฮุ่ยหลิงที่เธอได้เห็นในตอนนี้อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริง แต่ฮุ่ยหลิงที่ฉันรู้จักในอดีตไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะอย่างนี้…”
ริมฝีปากของหลินเช่อขยับเป็นรอยยิ้มจริงใจ “แน่นอนว่าฉันรู้ดีค่ะว่าเธอคงจะทำตัวแตกต่างกันระหว่างต่อหน้าฉันกับต่อหน้าคนรักของเธอ”
“ไม่ ฉันไม่ควรจะคุยเรื่องนี้กับเธอเลย” กู้จิ้งเจ๋อส่ายหน้าเพื่อพยายามสลัดความบึ้งตึงออกจากสีหน้าตัวเอง “เธอไม่มีหน้าที่จะต้องมารับผิดชอบเรื่องส่วนตัวของฉัน แล้วเธอก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาฟังฉันระบายความหงุดหงิดพวกนี้ด้วย”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” หลินเช่อท้วง “ขนาดเพื่อนยังฟังคำบ่นของเพื่อนได้เลย แล้วอีกอย่าง เหตุผลที่ทำให้คุณอยู่กับเธอไม่ได้…ก็ยังเป็นเพราะฉันด้วย…”
“ไม่ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย ฉันรู้ว่ามันเป็นปัญหาของฉันเอง” เขาว่า
หลินเช่ออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเธอมองดูสีหน้าหม่นเศร้าของเขาแล้ว เธอก็รู้สึกว่าเธอไม่ควรพูดอะไรจะดีกว่า
ถ้าเธอไม่โผล่เข้ามา ทุกอย่างก็คงไม่พังทลายแบบนี้
เขาและโม่ฮุ่ยหลิงคงจะได้แต่งงานกันไปตั้งนานแล้ว
หรือแม้แต่กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้ว
ถึงอย่างไร ต้นเหตุสำคัญของปัญหานี้ก็ยังเป็นเธออยู่ดี
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องระหว่างเขาและเธอ สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่าย
และเมื่อพิจารณาดูแล้ว เธอก็ยังนับว่าเป็นคนนอก เธออาจจะยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเธอและเขาสองคน แต่ไม่สามารถเหยียบย่างเข้าไปในโลกของพวกเขาได้
หลินเช่อหัวเราะแห้งๆ กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าและพูดกับเธอว่า “ฉันขอโทษ ฉันเองที่เป็นฝ่ายอารมณ์เสีย แต่ฉันพลอยทำให้เธอกินอะไรไม่ลงไปด้วย”
“สบายใจได้ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก คุณเองก็มีข้อเสียมากมาย แต่ฉันก็ยังรับได้ทั้งหมด ฉันจะถือว่าเรื่องนี้เป็นเพราะคุณกำลังจะ ‘แมนจะมา’ ก็แล้วกัน”
“ ‘แมนจะมา’ งั้นเรอะ” คนถามขมวดคิ้วหนัก
หลินเช่อหัวเราะออกมาเสียงดัง คิดว่าเขาน่าจะไม่เข้าใจแน่ๆ เธอจึงยกมือป้องปากและอธิบายว่า “เวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน เราจะเรียกว่าเมนส์จะมาค่ะ เพราะงั้นสำหรับผู้ชาย มันก็ต้องเรียกว่า…”
หน้าที่ตึงอยู่แล้วของเขา ยิ่งพลอยตึงหนักขึ้นไปอีก
เมื่อหลินเช่อหัวเราะ เธอจะหัวเราะจนตัวโยนไปมาชนิดที่ไม่ห่วงสวย เธอยกเท้าขึ้นวางบนวีลแชร์ นั่งกอดเข่าและมองไปทางกู้จิ้งเจ๋อ
ชายหนุ่มตวัดสายตามองขาเธอ เมื่อนั้นแหละ หลินเช่อถึงได้รู้สึกตัวว่าเธอกำลังเผลอทำตัวเป็นทอมบอยอีกแล้ว เธออุบอิบขอโทษและเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ เขาคงไม่แคร์อยู่ดีนั่นแหละต่อให้เธอไม่ได้ทำตัวกระโดกกระเดกแบบนี้ ด้วยเหตุนี้เจ้าตัวจึงยังคงไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองต่อไป และยกขาไว้แบบนั้น เธอหันมองชายหนุ่มและถามว่า “ตกลงเราจะกินข้าวกันมั้ยคะ”
ชายหนุ่มทอดถอนใจ รู้ดีว่าตัวเองนี่แหละที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ เขาจึงพูดได้เพียงว่า “ขอโทษที”
หลินเช่อพูดด้วยท่าทีสบายๆ “ถ้าคุณรู้สึกอยากขอโทษฉันจริงๆ ละก็…”