เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 245
อยู่ๆ กู้จิ้งเจ๋อก็โทรตามทุกคนแต่เช้าตรู่ในวันแรกของปีใหม่ ชายหนุ่มถึงขั้นโทรหาทุกคนโดยตรงจากออฟฟิศเลยทีเดียว พนักงานแต่ละคนค่อยๆ ทยอยโผล่มาที่ทำงานดวยสภาพหดหู่และเหนื่อยหน่ายไร้ชีวิตชีวา
“โปรเจ็กต์สะพานนี่ทำกันมาตั้งห้าเดือนแล้วนะ แต่ยังไม่เห็นจะคืบหน้าซักเท่าไหร่เลย หัวหน้าเฉิน ผมคิดว่าปริญญาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของคุณคงจะไร้ค่าเสียละมั้ง ทางสถาบันคงจะอับอายขายหน้าในตัวคุณมาก”
ขณะที่พูดแฟ้มเล่มหนึ่งก็ลอยละลิ่วลงกลางโต๊ะ
“ผู้จัดการหลิว โครงสร้างทางเศรษฐกิจของโลกน่ะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่สมองแก่ๆ ของคุณยังเชื่องช้าอยู่เลย นี่ผมควรจะเริ่มคิดเรื่องการรับพวกหนุ่มสาวเลือดใหม่เข้ามาทำงานในแผนกของคุณได้หรือยัง เพราะดูท่าทางแล้วผมไม่ค่อยอยากเชื่อว่าคุณจะทำได้”
แฟ้มอีกเล่มปลิวมาหล่นโครมลงบนโต๊ะ
“ผู้อำนวยการจัง ผมอยากจะขอถามคุณหน่อย ผมจ่ายเงินเดือนให้คุณปีละสามสิบล้านเพื่อทำงานนี้ใช่มั้ย ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็น่าจะยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกซักสองสามร้อยล้านจ้างผู้รับเหมาไม่ดีกว่ารึ แล้วผมก็คิดว่าพวกเขาไม่น่าจะทำงานช้าขนาดนี้ด้วย”
แล้วแฟ้มอีกเล่มก็ลอยหวือตามมา
ทุกคนในห้องประชุมพากันก้มหน้างุดมองแฟ้มงานของตัวเอง ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองกู้จิ้งเจ๋อที่กำลังนั่งหน้าถมึงทึงอยู่บนเก้าอี้
“ทำไมถึงยังมานั่งเสนอหน้ากันอยู่อีก ความคืบหน้างานช้าขนาดนี้ ยังไม่คิดจะทำอะไรกันอีกหรือไง” ถ้อยคำสาปส่งสุดท้ายจากชายหนุ่มทำเอาทุกคนลุกพรวดขึ้นทันที ต่างคนต่างคว้าข้าวของแล้วรีบลนลานออกจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีก
ฉินเฮ่ายืนนิ่ง ไม่กล้าปริปากใดๆ เขาลอบมองกู้จิ้งเจ๋อที่ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่กับกองเอกสารของบริษัทแล้วก็คร่ำครวญอยู่ในใจ
ดูท่าทางชายหนุ่มน่าจะกำลังเลือกอยู่ว่าจะโทรไปอาละวาดกับใครอีกดี เขาไล่ดูเอกสารกองใหญ่มาตั้งแต่เช้าตรู่ จัดการงานสารพัดไม่หยุดมือ ทำไมอยู่ๆ กู้จิ้งเจ๋อถึงได้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศล่ะเนี่ย นี่เป็นวันแรกของปีใหม่ซึ่งปกติแล้วเขาจะกลับไปอยู่กับครอบครัว ซีอีโอของบริษัทที่เพิ่งจะออกไปแล้วไหงถึงได้รีบร้อนกลับเข้ามาจัดการเรื่องต่างๆ วุ่นวายไปหมดแบบนี้
กู้จิ้งเจ๋อนั่งตรวจเอกสารต่างๆ อยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวัน จนกระทั่งในที่สุดเขาก็เอ่ยปากขอให้คนนำกาแฟดำขึ้นไปให้
กาแฟดำอุ่นๆ ถูกวางลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมกรุ่นโชยไปทั่วห้อง
ชายหนุ่มเดินเข้ามา หยิบถ้วยกาแฟขึ้นถือไว้ในมือและมองออกไปนอกหน้าต่าง
แล้วจู่ๆ มือเขาก็กำแน่นจนกระทั่งถ้วยกาแฟใบหนาเริ่มหักแหลกจนได้ยินเสียง
จากนั้น กาแฟอุ่นๆ ก็เริ่มไหลปริ่มออกมาจากถ้วย
ทั้งกาแฟและเศษแก้วร่วงหล่นลงบนพื้น กู้จิ้งเจ๋อนิ่วหน้าก่อนจะปาสิ่งที่เหลืออยู่ในมือทิ้ง
บรรดาพนักงานที่อยู่ด้านนอกห้องต่างจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาพรั่นพรึง น้ำเสียงของเขาเต็มได้ด้วยความเย็นชา “ออกไป อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“ท่านประธานกู้คะ…ท่านประธานกู้ เป็นความผิดของฉันเองค่ะ ฉัน…ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกซักครั้งเถอะค่ะ” พนักงานสาวลนลานอ้อนวอนขอ แต่นั่นยิ่งทำให้กู้จิ้งเจ๋อยิ่งไม่สบอารมณ์
ฉินเฮ่ารีบเข้ามาลากตัวเธอออกไปนอกห้อง
กู้จิ้งเจ๋อยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมขณะที่เหม่อมองออกไปยังบรรยากาศอันหนาวเย็นด้านนอก “คนของฉันจะต้องมีความสามารถ ส่วนเรื่องโชคดี…ก็ถือว่าเป็นความสามารถชนิดหนึ่งเหมือนกัน”
หลังจากที่ทุกคนนอกห้องพยายามที่จะหลบเลี่ยงหน้าที่นี้ แล้วกลับกลายเป็นเธอที่ต้องเป็นคนมาเสิร์ฟกาแฟ หมายความว่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าสถานการณ์นั้นอันตราย แต่ความสามารถในการหลบเลี่ยงของเธอมีไม่มากเท่าคนอื่น เพราะฉะนั้นการที่เธอต้องถูกไล่ออกวันนี้มันหมายความว่าเธอไม่มีความสามารถเท่าคนอื่นงั้นเหรอ
เมื่อพนักงานสาวถูกลากพ้นห้องออกมา ทั้งสำนักงานก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ
มือที่เจ็บแปลบ ช่วยเรียกสติกลับคืนมาให้ชายหนุ่มได้เล็กน้อย เขาสูดลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง
ในเมื่อเธอต้องการขีดเส้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาให้ชัดเจน เขาก็คงจะต้องยอมรับในข้อนั้น
อีกอย่างสิ่งที่เธอพูดมันก็ถูก ยิ่งใกล้ชิดกัน เส้นกั้นนั้นก็ดูจะยิ่งเลือนราง
คืนนั้น หลินเช่อเห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อไม่ได้กลับมา ซึ่งเธอก็ไม่ได้ตระหนกตกใจแต่อย่างใด เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะพักอยู่ที่บ้านตระกูลกู้แห่งนี้ต่อหรือกลับไปยังคฤหาสน์ของกู้จิ้งเจ๋อดี
ตอนที่ออกไปเขาก็ไม่ได้บอกอะไรเธอ
หลินเช่อกำลังใจลอยเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาและได้เห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก
“สวัสดีค่ะ ใครคะ” หญิงสาวถาม
“เสี่ยวเช่อเหรอ”
“ฉันเองค่ะ…” เสียงที่ไม่คุ้นหูนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ โดยเฉพาะเมื่อบุคคลผู้นั้นเรียกเธอว่าเสี่ยวเช่อ
“เสี่ยวเช่อ นี่ยายเองนะ จำได้รึเปล่า หลานเป็นคนให้เบอร์โทรนี้ไว้ในจดหมายที่เขียนมาน่ะ”
“อะไรนะคะ คุณยายเหรอคะ”
หลินเช่อแปลกใจและรีบกระโดดผลุงลงจากเตียงทันที
แม่ของหลินเช่อมาจากเมืองเล็กๆ เพื่อมาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองบี หากว่าเธอไม่ได้พบกับพ่อของหลินเช่อเข้าเสียก่อน เธอก็น่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่เธอก็ได้มาพบกับหลินโหย่วไฉ
หลินโหย่วไฉหลอกเธอจนกระทั่งมีหลินเช่อขึ้นมาจนทำให้เธอต้องตัดขาดกับครอบครัว จนกระทั่งก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอเคยพูดเอาไว้ว่าพ่อแม่ของเธอยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ตอนนั้นหลินเช่อยังเด็กอยู่ เธอจึงทำได้เพียงเขียนจดหมายไปหาผู้เป็นยายในทุกๆ ปี แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายายของเธอได้อ่านหรือเปล่า หรือยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
และเธอเองก็ไม่เคยมีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองที่ห่างไกลแห่งนั้นเพื่อตามหายายของเธออีกเช่นกัน นี่จึงยังเป็นเรื่องที่ค้างคาอยู่จนถึงตอนนี้
ปีที่แล้วเธอก็เขียนจดหมายถึงคุณยายของเธอเพื่อบอกว่าเธอสบายดี เธอไม่รู้ว่าคุณยายอ่านจดหมายออกหรือเปล่า หรือรู้หรือไม่ว่ายังมีหลานสาวอยู่ แต่หลินเช่อก็ยังคงเขียนจดหมายไปทุกปีตามคำขอร้องของมารดา
เธอเขียนกระทั่งที่อยู่ของเธอลงไปในจดหมายนั้น
ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ ยายของเธอจะปรากฏตัวขึ้น แถมยังโทรหาเธออีกต่างหาก เรื่องนี้ทำให้หลินเช่อประหลาดใจอย่างมากทีเดียว
“คุณยาย ในที่สุดยาย…ยายก็โทรหาหนู หนูคิดว่ายายไม่เคยได้รับจดหมายหนูเลยซะอีกค่ะ”
“ยายได้รับ แต่ในเมื่อหลานอยู่สุขสบายดี แล้วก็ยายก็เป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอก ยายกลัวว่าจะมาเป็นภาระให้หนู ยายก็เลยคิดว่าไม่ตอบอะไรเลยจะดีกว่า”
หัวใจหลินเช่อสลดวูบ เธอไม่เคยบอกคุณยายเลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เธอเล่าล้วนแต่โกหกทั้งเพ
เธอบอกแต่เพียงว่าบ้านตระกูลหลินนั้นมีอันจะกินเป็นอย่างดี เธอบรรยายลงในจดหมายว่าทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ ทั้งที่ชีวิตจริงของเธอนั้นเลวร้ายมากเสียจนเธออายที่จะเล่าให้ใครฟัง
“คุณยายขา จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกันล่ะคะ ยายไม่ใช่ภาระของหนูเลยซักนิด แม่เองก็หวังว่ายายจะอยู่สุขสบายดี”
“ในจดหมาย หนูบอกว่าบ้านตระกูลหลินอยู่ในเมืองบี แล้วหนูล่ะ หลินเช่อ อยู่ที่เมืองบีด้วยหรือเปล่า”
“อยู่ค่ะ” หลินเช่อรีบตอบ “ทำไมคะ ยายอยากมาที่นี่เหรอคะ”
“ยาย…ตอนนี้ยายอยู่ในเมืองบีแล้วละ แต่เพราะความไม่คุ้นที่ก็เลยโดนหลอกเอาเงินไปหมด ยายไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ก็เลยโทรหาหลานนี่แหละ”
“อะไรนะคะ”
หลินเช่อรีบบอกกับแม่สามีว่าเธอมีธุระสำคัญต้องไปทำ หญิงสาวไม่ได้อยู่รอกู้จิ้งเจ๋อ และออกจากบ้านตระกูลกู้ในทันที
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชายหนุ่มอยู่ที่ไหน
ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีเขาอาจจะกลับไปหาโม่ฮุ่ยหลิงแล้วก็ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่โทรหาเขา แต่เลือกที่จะเล่าเรื่องนี้ให้อวี๋หมินหมิ่นฟังแทน และขอให้เธอช่วยส่งรถมารับ
หลินเช่อรีบตรงไปยังจุดที่ยายของเธออยู่ทันที ส่วนอวี๋หมินหมิ่นเองก็มาถึงในเวลาอันรวดเร็ว ผู้จัดการสาวพาหยางหลิงซินมาด้วย เธอจึงถามเด็กสาวอย่างแปลกใจว่า “นี่เธอมาทำงานแทนที่จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในช่วงปีใหม่งั้นเหรอ”