เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 246
หยางหลิงซินตอบอย่างอ่อนน้อมว่า “ค่ะ พี่อวี๋โทรไปถามว่ามีใครอยากมาบ้าง ในเมื่ออยู่บ้านฉันก็ไม่ได้มีอะไรทำซักเท่าไหร่ ก็เลยคิดว่าออกมาทำงาน จะได้ได้ค่าจ้างพิเศษวันนี้ดีกว่าน่ะค่ะ”
ส่วนอวี๋หมินหมิ่นเองนั้นก็เพียงแต่อยู่บ้านเฉยๆ ในช่วงวันหยุดอยู่แล้ว
ผู้จัดการสาวเองก็ทนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ไหว เพราะตั้งแต่พ่อของเธอถูกห้ามไม่ให้เข้าบ่อนการพนัน เขาก็มักจะดื่มเหล้าอยู่ที่บ้าน เมื่อเขาหันมาเห็นหน้าเธอ เขาก็จะด่าทอเธอว่าเป็นลูกอกตัญญู เลี้ยงเสียข้าวสุก ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณต่างๆ นานา อวี๋หมินหมิ่นไม่อยากจะมีปากเสียงด้วยเพราะเห็นแก่มารดา เธอจึงตัดสินใจที่จะออกมาจากบ้านในวันนี้
เมื่อทั้งหมดอยู่พร้อมหน้ากันบนรถของหลินเช่อ พวกเธอตรงไปยังไทม์สแควร์
ก่อนที่รถจะมาถึงดี หลินเช่อก็มองเห็นหญิงชราผมขาวโพลนได้แต่ไกล หล่อนกำลงนั่งอยู่ที่หัวมุมถนน มีกระเป๋าเก่าขาดวางอยู่แทบเท้า ผู้คนที่เดินผ่านไปมาพากันมองด้วยสายตาดูแคลน ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยก็กำลังเดินมาไล่เธอไปเสียให้พ้นๆ
หลินเช่อรีบถลาลงจากรถ วิ่งตรงเข้าไปหาทันที
เธอรู้ได้ในเวลาอันรวดเร็วว่านั่นคือคุณยายของเธออย่างแน่นอน เพราะหล่อนหน้าตาเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด
แม้ว่าแม่ของหลินเช่อจะจากไปนานหลายปีแล้ว แต่แม่ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ดีต่อเธอในตอนนั้น ภาพและเสียงของแม่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจเธอไม่เสื่อมคลาย
“คุณยายคะ” หลินเช่อวิ่งตรงไป แล้วหญิงชราผู้นั้นก็ผุดลุกขั้น
พนักงานรักษาความปลอดภัยผงะถอยไป เมื่อเงยหน้ามอง เขาก็ต้องงุนงงอย่างหนัก เมื่อได้เห็นหลินเช่อและผู้คนที่ทยอยกันลงมาจากรถ พากันเดินตรงเข้ามาหา
“นี่พวกคุณ…”
หลินเช่อตำหนิว่า “ทำไมจะต้องไล่ด้วย คนแก่หลงทางจะขอนั่งพักซักหน่อยแค่นี้ไม่ได้หรือไงกัน”
พนักงานพิจารณาหลินเช่อผู้ซึ่งท่าทางดูดีมีฐานะแล้วก็รู้ว่า หญิงสาวเป็นคนที่เขาไม่ควรจะหาเรื่อง จึงรีบตอบว่า “ผมคิดว่าเป็นขอทานน่ะครับ ขอโทษด้วย ขอโทษที”
หลินเช่อไม่เอาใจใส่อีกฝ่ายที่พยายามจะส่งยิ้มให้ แต่หันมาดึงมือผู้เป็นยายของเธอ “คุณยายคะ หนูเองค่ะ เสี่ยวเช่อ”
หญิงชราเงยหน้ามอง หลังจากได้เห็นหลินเช่อถนัดแล้ว ดวงตาของหล่อนก็เอ่อคลอด้วยน้ำตา มือเ**่ยวย่นสั่นระริกกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ “เสี่ยวเช่อ เสี่ยวเช่อ นั่นหลานจริงๆ หรือนี่”
หลินเช่อสวมกอดหล่อนอย่างอบอุ่นอยู่เป็นครู่ ก่อนที่จะจับจูงมาขึ้นรถ
เมื่อเห็นรถยนต์ใหม่เอี่ยมที่ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา หญิงชราก็รู้สึกขัดเขินเกินกว่าที่จะก้าวขึ้นไป จนหลินเช่อลากเธอขึ้นไปจนสำเร็จได้ในที่สุด
ระหว่างที่รถแล่น หลินเช่อก็ถามถึงที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้น ยายของเธอเล่าว่า “ยายน่ะแก่จนไร้ประโยชน์แล้ว พออ่านเจอโฆษณาว่าที่นี่มีโรงพยาบาลที่จะช่วยรักษาอาการไอได้ ยายก็เลยนั่งรถไฟทางไกลมาจากบ้านเพื่อมาที่นี่ ใครจะไปรู้ล่ะว่า หลังจากที่ใช้เงินที่มีไปจนหมดแล้ว อาการไอของยายก็ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว มีคนบอกว่าโรงพยาบาลนั่นเป็นแหล่งต้มตุ๋น ยายพยายามขอเงินคืนแต่พวกเขาปฏิเสธ คนแก่อย่างยายจะมีปัญญาอะไรไปสู้รบปรบมือกับเขาได้ล่ะ ยายก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับบ้าน แต่ตอนนี้ยายกลับไม่มีแม้แต่เงินที่จะกลับบ้านด้วยซ้ำ จนจวนเจียนจะไปขอทานเขาอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงโทรหาหลานนี่แหละว่าจะเจอมั้ย ความจริงยายไม่ได้อยากจะรบกวนเลย เฮ้อ…”
“คุณยายขา ทำถูกแล้วละค่ะที่โทรหาหนูน่ะ ว่าแต่คุณยายมีปัญหาเรื่องอาการไอหรือคะ”
“ใช่แล้วละ”
อวี๋หมินหมิ่นได้ยินเข้าจึงบอกว่า “ฉันรู้จักโรงพยาบาลที่รักษาอาการนี้ได้นะ หลินเช่อ แล้วนี่เธอจะพายายของเธอไปไหนล่ะ คฤหาสน์ตระกูลกู้หรือว่า…”
หญิงสาวรู้ดีว่าคฤหาสน์ตระกูลกู้นั้นใหญ่โตและเต็มไปด้วยห้องรับรองสำหรับแขก แต่สถานะของเธอก็เป็นเพียงเศรษฐินีตัวปลอมเท่านั้น และถึงแม้ว่าเธอจะอยากพูดจากับกู้จิ้งเจ๋อให้เข้าใจไหน แต่ลึกๆ ในใจเธอก็ยังอดรู้สึกปวดแปลบไม่ได้อยู่ดี เธอไม่อยากเอ่ยถึงกู้จิ้งเจ๋อในตอนนี้ จึงหันไปบอกกับอวี๋หมินหมิ่นว่า “ตรงไปโรงพยาบาลกันเลยเถอะ”
อวี๋หมินหมิ่นจัดการติดต่อโรงพยาบาล
หญิงชรามองหลินเช่อและยิ้มให้กับดวงหน้าเล็กๆ ของหญิงสาว “หลานเหมือนแม่มาก แต่ก็ไม่เชิงว่าจะเหมือนซะทีเดียว หลานสวยยิ่งกว่าอีก”
หลินเช่อหัวเราะ “แม่ก็หน้าตาเหมือนยายเลยค่ะ แปลว่าหนูก็หน้าเหมือนยายด้วยเหมือนกัน”
“โอ๊ย ไม่หรอก ยายขี้เหร่ออกจะตาย…”
“ไม่นะคะ ตอนสาวๆ ยายต้องสวยมากแน่ๆ”
คุณยายของเธอมีชื่อว่าชิวซูอวิ๋น หล่อนอายุเจ็ดสิบแปดปีแล้ว สำหรับหญิงชราการเดินทางไกลมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองวายนั้น นับว่าเป็นเรื่องทรหดอดทนสำหรับเธออย่างมากทีเดียว
ที่โรงพยาบาลได้รับการเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หยางหลิงซินคอยเดินกลับไปกลับมาช่วยเป็นธุระอย่างแข็งขัน อวี๋หมินหมิ่นก็ติดต่อนัดหมายแพทย์และพาตัวมาช่วยตรวจอาการของคุณยาย
เมื่อการตรวจเสร็จสิ้นลง นายแพทย์ก็บอกว่า ท่าทางอาการของหล่อนจะไม่ดีนัก
หลินเช่อตกใจมาก เธอปล่อยคุณยายไว้ในแผนกคนไข้ ส่วนตัวเธอเข้าไปพบนายแพทย์ที่ห้องทำงานเพื่อซักถามให้เข้าใจ
หมอของเธอบอกว่า “อาการไอนี่มีสาเหตุมาจากติ่งเนื้อในลำคอ มันกำลังมีขนาดใหญ่ขึ้น”
“ร้ายแรงมากเลยหรือคะ” หญิงสาวถาม
คุณหมอตอบว่า “มันก็ไม่เชิงว่าร้ายแรงนะครับ แต่เพราะว่าท่านอายุมากแล้ว ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้มันอาจจะขยายตัวจนใหญ่ขึ้นอย่างมาก”
“ถ้าอย่างนั้น…คุณหมอคะ บอกฉันหน่อยสิคะว่ามันจะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งหรือเปล่า” นี่คือสิ่งที่หลินเช่อเป็นกังวลใจมากที่สุด
หมอว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่เราจะต้องลองทดสอบเพิ่มเติมดู แต่ปกติแล้วติ่งเนื้อแบบนี้มักจะเป็นแค่เนื้องอกเท่านั้น แต่ยังไงผมก็ยังคงรับปากอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละครับ”
หลินเช่อวิตกหนัก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าอาจจะต้องมีการผ่าตัดทั้งที่คุณยายของเธออายุมากแล้ว
เธอซักถามนายแพทย์ต่อไปอีกว่า อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นได้ตามมาอีกบ้าง ก่อนที่จะออกจากห้องทำงานของเขาไป
ทันทีที่ก้าวออกมา โทรศัพท์ของเธอที่วางทิ้งไว้ด้านนอกก็สั่นขึ้น
หลินเช่อรีบเดินเข้าไปจะรับสาย แต่มันก็เงียบไปเสียก่อน
เมื่อหยิบขึ้นดู ก็พบว่าเป็นสายจากกู้จิ้งเจ๋อ
นี่เขายังมีแก่ใจจะโทรเธออีกเหรอ
ด้วยความแปลกใจ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นและต่อสายกลับไปหาเขา แต่สายไม่ว่าง
อึดใจต่อมา ใครบางคนก็เดินตรงเข้ามาหาเธอจากระยะไกล เมื่อได้เห็นใกล้ๆ เธอก็พบว่าเป็นฉินเฮ่านั่นเอง
หลินเช่อตกใจมาก “ผู้ช่วยฉิน ทำไมคุณถึง…”
ฉินเฮ่ารีบตรงปรี่เข้ามาหาเอ “คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ป่วยหรือเปล่า ทำไมถึงได้มาโรงพยาบาล”
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่โรงพยาบาล” หลินเช่อถามอย่างแปลกใจ
ผู้ช่วยของชายหนุ่มตอบว่า “ท่านประธานกู้สั่งให้ผมรีบมาที่นี่ก่อน เดี๋ยวเขาจะตามมา”
“กู้…กู้จิ้งเจ๋อน่ะหรือคะ”
โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ได้จัดว่าเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง โรงพยาบาลที่ดีที่สุดเป็นโรงพยาบาลเอกชน กู้จิ้งเจ๋อมักจะไปใช้บริการที่นั่นเสมอ
ก่อนที่หลินเช่อจะทันได้ตอบอะไร ข้างนอกก็เกิดเสียงอึกทึกปึงปัง ใครบางคนกำลังส่งเสียงตะโกนลั่นๆ ว่า “สุดยอด! นั่นอย่างกับรถนำขบวนเลย”
“ฉันว่านั่นคือเบนซ์รุ่นไมบัคนะ ฉันไม่เคยเห็นไมบัคใกล้ๆ เป็นบุญตาขนาดนี้มาก่อนเลย”
“มันสุดยอดจริงๆ เลยว่ะ”
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อเข้ามาถึง เขาก้าวเดินอย่างเยือกเย็นทว่ารวดเร็ว
เขาพยายามโทรหาเธอจากบ้านหลายครั้งแต่หญิงสาวก็ไม่รับสาย
ตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะโทรหาเธอหรอก แต่มารดาของเขาบอกว่าหลินเช่อมีเรื่องด่วนบางอย่างและเธอต้องรีบไปเดี๋ยวนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงนึกสงสัยและโทรไปเช็กดู แต่ปรากฏว่าก็โทรไม่ติด
แล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มที่จะกังวล
และตอนนี้เขาก็เริ่มโมโหตัวเอง ในเมื่อหลินเช่อไม่อยากมีความสัมพันธ์กับเขา เขาก็ไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับเธอสิ
เขาคิดว่าเธอมีปัญหา จึงรีบตรงมาที่นี่โดยเร็วที่สุด
ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนหน้ามืดตามัวได้ขนาดนี้
แต่ยังไงซะ เขาก็ยังมาอยู่ดี
เขาสั่งให้คนของเขาหาตัวว่าหลินเช่ออยู่ที่ไหน และพบว่าจีพีเอสในโทรศัพท์ของเธอโชว์ว่าเธอกำลังอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วเขาก็ตกใจมากเกินกว่าจะทันได้คิดอะไรอีก และรีบตรงดิ่งมาที่นี่ทันที