เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 250
แต่หลินเช่อก็ไม่พูดอะไรไม่ถูก เธอทำได้เพียงมองเขาด้วยสีหน้าตะลึงงัน รู้สึกทั้งอับอายและงี่เง่าไปพร้อมกัน
ตลอดสองสามวันที่ผ่านมานี่เธอมัวแต่ทำเรื่องบ้าอะไรกัน เธอบอกว่าเธออยากจะรักษาระยะห่างจากเขา แต่ท้ายที่สุดเธอก็ได้เห็นความเห็นแก่ตัวของเธอเอง
เธอไม่ได้อยากอยู่ห่างจากเขาซักหน่อย แทนที่จะต้องการแบบนั้น เธอต้องการเพียงแค่ให้เขารักเธอ…
แต่เธอก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก ด้วยการอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่เขาตลอดทั้งวัน และกระทั่งเข้าใจเขาผิดจนถึงตอนนี้
ความหึงหวงบดบังให้เธอมืดบอดทั้งความคิดและจิตใจเลยจริงๆ
แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ความขมขื่นทรมานที่เธอรู้สึกอยู่ในเวลานี้ ถ้าไม่ใช่ความหึงหวงแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีกล่ะ
หยดน้ำตาปริปริ่มอยู่ที่หางตาของหญิงสาว กู้จิ้งเจ๋อมองดูด้วยความสงสารและช่วยปาดซับน้ำตานั้นออกจากขนตายาว
ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แต่เขาไม่อยากเห็นหลินเช่อต้องเสียน้ำตา ไม่แม้เพียงหยดเดียว
เธอทำให้เขาโกรธมากในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ก็จริง แต่เขาก็ยังไม่อยากเห็นเธอร้องไห้อยู่นั่นเอง
หลินเช่อรีบบอก “ฉะ ฉะ ฉัน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ คุณอยากจะไปเจอใครก็ได้ที่คุณต้องการ ฉันแค่ไม่…”
ความเสียใจทำให้หญิงสาวรีบละล่ำละลักพูด แต่สุ้มเสียงของเธอก็ไม่มีแววเศร้าโศกหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
สีหน้าของเธอแสดงออกให้เห็นได้อย่างชัดเจนกับความจริงเล็กๆ เรื่องที่นี้ชายหนุ่มบอก และตอนนี้ทิฐิก็หวนกลับคืนมาสู่ตัวเธออีกครั้ง อารมณ์ของหลินเช่อเปลี่ยนไปจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง
ดวงตาของกู้จิ้งเจ๋อเป็นประกายราวกับเพชรยามล้อแสงไฟ เขายกมือขึ้นแตะแก้มเธอและมองใบหน้าเล็กๆ นั่น “นี่เธอ…นี่เธอหึงงั้นเหรอ”
หลินเช่อหน้าแดงก่ำอีกครั้ง
“นี่คุณ…ไม่มีทาง ฉันก็แค่ไม่ยอมเรื่องวุ่นวายน่ะ”
หลินเช่ออายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
เธอรีบหันหนีทันที่ที่ชายหนุ่มหลุดเสียงหัวเราะออกมา ตอนนี้เธออยากจะเอาหน้ามุดดินนัก
กู้จิ้งเจ๋อมองหญิงสาวที่เบือนหน้าหันข้างให้และค่อยๆ พันผ้าพันแผลที่ขาของเธออย่างเบามือ และพูดว่า “ยัยโง่เอ๊ย วันนั้นฉันไปหาโม่ฮุ่ยหลิงจริงๆ แต่ฉันไปพบหมอเฉินอวี่เฉิงก่อนหน้านั้นด้วย เขาถามฉันว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ฉันโกรธ หลังจากลองคิดดูแล้ว ฉันก็รู้สึกว่าโม่ฮุ่ยหลิงนั่นแหละที่ไม่ยอมก้าวต่อไปซะที เธอหาทางควงกับผู้ชายที่เป็นศัตรูกับฉันราวกับว่าจงใจจะให้ฉันโกรธ เพราะแบบนี้ฉันถึงได้หัวเสียมาก บอกตามตรง ฉันรู้สึกผิดหวังกับฮุ่ยหลิงเท่านั้นแหละ ฉันไม่ได้หึงหวงอะไรเขาเลย ด้วยเหตุนี้ ฉันก็เลยไปพบกับฮุ่ยหลิงหวังว่าจะลองพูดให้เขาตาสว่าง ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะกระโจนใส่ฉันเสียจนอาการป่วยกำเริบขึ้นมาแบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทุกครั้งที่ฉันแตะต้องเขา อาการป่วยฉันก็ยิ่งดูจะหนักขึ้นทุกครั้ง ดูเหมือนว่าฉันคงจะเกลียดเขาเข้าไปซะแล้วละ ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลือให้เขาอีกต่อไปแล้ว”
เมื่อหลินเช่อได้ยินเขาพูด เธอก็ค่อยๆ เข้าใจว่าเรื่องราวนั้นเป็นเช่นนี้เอง…
เขาไม่ได้อยู่กับโม่ฮุ่ยหลิงนานขนาดนั้น
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มกริ่มแล้วกระถดเข้ามาใกล้ “ตกลงที่เธอโกรธฉันแล้วก็ทำมึนตึงใส่ฉันนี่ เพราะว่าเธอคิดว่าฉันไปยุ่งกับผู้หญิงอื่นสินะ”
เมื่อได้ยินเหตุผลที่ว่าในตอนนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันน่าขันสิ้นดี
เขาไม่เคยพิสมัยผู้หญิงไร้เหตุผล แต่พอมาคิดถึงสาเหตุที่ทำให้หลินเช่อเป็นแบบนี้แล้ว เขาก็อดรู้สึกเร้าใจขึ้นมาหน่อยๆ ไม่ได้ และไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
หลินเช่อรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาชักจะเข้ามาใกล้มากเกินไปแล้วเมื่อเขาตั้งใจจะล้อเลียนเธอ หญิงสาวชักโกรธและฟาดผัวะลงที่แผ่นอกกว้าง “นี่คุณตั้งใจล้อฉันนี่นา กู้จิ้งเจ๋อ คุณเจตนาทำแบบนี้ กล้าดียังไงมาหัวเราะฉันคะ”
“โอเค โอเค เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่พูดอีกแล้วละ หยุดฟาดฉันซะที” เขารีบคว้ามือเธอ
เมื่อมองดูสองแก้มของเธอ มันกำลังแดงระเรื่อราวกับพระจันทร์ในคืนฤดูใบไม้ร่วง
หัวใจของเขาอ่อนยวบลง “ฉันจะไม่ไปพบเขาอีกแล้ว จริงๆ นะ”
“คุณอาจจะโกหกก็ได้นี่คะ ใครจะรู้ล่ะ” หลินเช่อบุ้ยปากและเบือนหน้าหนี “แต่ต่อให้คุณแอบไปพบเธอแบบลับๆ โดยที่ฉันไม่รู้ ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คราวหน้าฉันจะไม่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้แล้ว คุณอยากจะไปหาเธอก็ตามใจคุณ ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ฉันหรอก”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ฉันพูดจริงๆ นะ เธออยากดูหัวใจฉันรึเปล่าล่ะ”
“งั้นก็เอาออกมาดูสิคะ ฉันขอดูหน่อย” หลินเช่อท้า
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มและเงยหน้าขึ้นสบตาเธอนิ่งนาน “โอเค โอเค ฉันจะให้ดูก็ได้”
ขณะที่พูด เจ้าตัวก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตและเปิดคอเสื้อออก เขายังคงใช้นิ้วแกะกระดุมไล่ลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาหาเธอ แม้ว่าจะเป็นคืนที่อากาศเย็น แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายของเขาและไอร้อนจากเนื้อตัวอีกฝ่าย
นี่เขาจะถอดเสื้อผ้าจริงๆ หรือนี่
หลินเช่อเบิกตาโพลงขณะที่จ้องเขาเป๋ง กู้จิ้งเจ๋อยังจะถามอีกว่า “ถ้าฉันแก้ผ้าให้เธอดูตรงนี้เลยเป็นไง”
หลินเช่อรีบร้องเสียงหลง “กู้จิ้งเจ๋อ!”
อีตานี่ชักทะลึ่งตึงตังขึ้นทุกทีแล้ว
“นี่คุณจะถอดเสื้อผ้าทำไมเนี่ย!”
“ก็เธอบอกเองนี่นาว่าอยากเห็นตัวจริงของฉัน แล้วฉันจะเสแสร้งไปทำไมล่ะ แน่นอนว่าฉันจะแก้ผ้าจริงๆ แล้วฉันจะให้เธอดูว่าหัวใจฉันน่ะของจริง”
เขาดึงมือเธอไปแตะไล้ไปตามเสื้อ ก่อนจะผลุบเข้าไปข้างใน
พระเจ้า นี่มันอะไรกันนี่!
“ไม่เอานะ นี่คุณกำลังทำอะไรน่ะกู้จิ้งเจ๋อ ฉันไม่ได้อยากจะแตะตัวคุณซักหน่อย”
“ก็เธอพูดเองนะ”
“ฉันไม่ได้พูด! ใครอยากจะเห็นคุณแก้ผ้ามิทราบ ให้ตายสิ…”
หลินเช่อรีบดึงมือกลับมา บ้าบอที่สุดเลย นี่พวกเธออยู่กันบนถนนใหญ่นะ!
หลินเช่อรีบเหลียวซ้ายแลขวาดูว่ามีใครกำลังมองอยู่หรือเปล่า และเธอก็มองเห็นผู้คนกำลังยืนอยู่ไกลออกไปในระยะห่าง ชายชุดดำที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่นั้น ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะมองมา แต่ถึงอย่างนั้นหน้าเธอก็ร้อนผ่าวไปหมดด้วยความอาย
กู้จิ้งเจ๋อมองดูหญิงสาวที่กำลังก้มหน้างุดและเอื้อมมือออกไปลูบหัวอย่างเอ็นดู “ถึงแม้ผู้หญิงอย่างเธอจะงี่เง่า ซื่อบื้อ แล้วก็เอาแต่ก่อเรื่องให้ใครต้องโมโห…”
เขาถอนหายใจอย่างระอา “แต่ฉันก็ทิ้งเธอไว้ไม่ได้หรอก อันที่จริงฉันจะทิ้งเธอไว้ตรงนี้เลยก็ได้ แต่มันก็คงแย่เกินไป ยิ่งมาถึงคิดว่าเธอบ้องตื้นแค่ไหนด้วย…ขืนฉันปล่อยเธอไว้ตรงนี้ ใครจะรู้ว่าเธอจะโดนใครหลอกเอาหรือเปล่า”
มือใหญ่ขยี้ผมที่ตกลงมาปรกหน้าปรกตาเธอ “ไหนบอกหน่อยซิ นี่เธอวางยาเสน่ห์ฉันหรือเปล่า”
หัวใจหลินเช่ออุ่นวาบ นี่เขากำลังพูดหวานกับเธอหรือนี่
สำหรับกู้จิ้งเจ๋อแล้ว คำพูดอ่อนหวานแบบนี้เป็นสิ่งพิเศษยิ่ง เขาไม่เหมือนพวกผู้ชายปากหวานคนอื่น เวลาที่ผู้ชายที่เคร่งขรึมอย่างเขาพูดอะไรแบบนี้ออกมาอย่างจริงจังแล้วละก็ มันทำให้หัวใจเธอแทบพลิกตลบด้วยความหวานเชื่อมเลยทีเดียว
ในความเห็นของเธอแล้ว กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนเข้มงวดและปราศจากความรื่นรมย์ใดๆ ด้วยเหตุนี้ ต่อให้สิ่งที่เขาพูดไม่ได้เป็นถ้อยคำอ่อนหวาน เธอก็ยังรู้สึกว่ามันทำให้หัวใจเธอพองโตได้อยู่นั่นเอง เธอรู้สึกเขินขึ้นมาทันตาเลยละ
ว่าแต่ที่เขาบอกว่าเธอวางยาเขานั่นหมายความว่ายังไงกัน
กู้จิ้งเจ๋อดึงแขนเธอและถามว่า “ตอนนั้นที่โรงแรมน่ะ…ยาที่เธอให้ฉันคือยาเสน่ห์ใช่รึเปล่า”
“ตาบ๊อง จะไปหาซื้อยาพรรค์นั้นได้จากที่ไหนในโลกนี้กันล่ะ” หลินเช่อว่า
“จริงเหรอ แล้วทำไมฉันถึงยังต้องพยายามตามหาเธอทั้งที่ความจริงแล้วฉันละอยากจะบีบคอเธอเต็มทีแบบนี้ล่ะ”
“คุณ…ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณเป็นอะไร บางทีคุณอาจจะแค่เป็นพวกโรคจิตก็ได้”
“…”
กู้จิ้งเจ๋อถาม “นี่เธอไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ เธอไม่ได้โกหกใช่มั้ย”
“ก็แน่ละสิคะ…”
“สงสัยจะต้องขอตรวจปากเธอดูใกล้ๆ หน่อยแล้วละ ฉันไม่เชื่อเธอหรอก เธอน่ะโกหก ฉันจะต้องกลับไปตรวจร่างกายเธอเสียแล้วว่าเธอกำลังโกหกหรือพูดจริงกันแน่”
“ตรวจร่างกายอะไรกัน…”
ทันใดนั้น เขาก็กระคองศีรษะเธอไว้แล้วประทับจูบลงมา
เนี่ยเหรอ ตรวจร่างกายที่ว่าน่ะ