เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 264
หลินเช่อว่า “โอเคค่ะถ้างั้น พอดีว่าฉันพาแขกไปด้วยได้น่ะ เพราะงานนี้ไม่ได้จัดที่บ้านตระกูลกู้ แต่เป็นรีสอร์ตข้างนอก ฉันคิดว่าในเมื่อมันเป็นงานวันเกิดของท่านประธานาธิบดี มันก็น่าจะสนุกทีเดียว ถ้าพี่อวี๋พอจะมีเวลาก็น่าจะมานะคะ”
“อืม เอาไว้ถ้าว่างฉันจะไปก็แล้วกัน”
หยางหลิงซินที่นิ่งฟังอยู่ข้างหลังก็พูดขึ้นอย่างอิจฉาว่า “ดีจังเลยนะคะ เวลาที่พี่เช่ออยู่กับกู้จิ้งเจ๋อ พี่ก็จะได้อยู่ใกล้คนดังอย่างท่านประธานาธิบดีด้วย”
หลินเช่อได้แต่หัวเราะเมื่อตอบว่า “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะ อันที่จริงฉันไม่ค่อยได้เจอคนสำคัญซักเท่าไหร่หรอก”
ด้วยความที่เธอยังไม่สนิทกับหยางหลิงซินนัก หลินเช่อจึงไม่อยากเชิญเด็กสาวมาร่วมงานด้วย ถึงอย่างไรเธอก็ยังอายุน้อย ถ้าเกิดไปที่งานแล้วเกิดเข้าใจอะไรผิดจนก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาคงจะไม่ดี
ถึงอย่างไร พี่อวี๋ก็ดูจะเรียบร้อยรู้กาลเทศะมากกว่า
วันเกิดของท่านประธานาธิบดีกลายเป็นไวรัลทางออนไลน์ไปทั่ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีการประกาศถึงวันเกิดของเขาอย่างเป็นทางการ แต่บรรดาแฟนๆ ก็สามารถหาข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับเขามาได้ รวมถึงวันเกิดด้วย และแน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ยอมพลาด
หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อช่วยกันตระเตรียมงานเลี้ยงที่รีสอร์ตชั้นดีแห่งหนึ่ง
ด้านนอกของรีสอร์ตนั้นถูกปิดล้อมเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทุกอย่างด้านในรีสอร์ตขนาดใหญ่ก็ถูกเตรียมการโดยตระกูลกู้
หลินเช่อใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการเตรียมตัว กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนเลือกชุดให้เธอ มันดูสวยสง่า เหมาะสมและมีสีสันสดใส
ด้วยความที่ยังอายุไม่มาก หลินเช่อจึงดูสวยสดใสอ่อนเยาว์
ทันทีที่กู้จิ้งเจ๋อพาหลินเช่อมาถึงงาน หญิงสาวก็มองเห็นมู่หว่านฉิงที่กำลังยืนอยู่กับสาวสวยคนหนึ่งได้ทันที
หญิงสาวผู้นั้นหน้าตามีเค้าของมู่หว่านฉิงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าจะอายุอานามราวยี่สิบกว่าปี เธอดูเหมือนดาราดังและมีรัศมีบางอย่างเปล่งประกายออกมาจากตัว
เมื่อได้เห็นหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อมาถึง มู่หว่านฉิงก็รีบพูดขึ้นว่า “จิ้งเหยียน นี่ไงล่ะจ๊ะ พี่สะใภ้ของลูกที่แม่เล่าให้ฟัง หลินเช่อ เสี่ยวเช่อจ๊ะ นี่น้องสาวของจิ้งเจ๋อ จิ้งเหยียนจ้ะ เพราะว่าพวกเธอไม่ได้จัดงานแต่งงาน นี่ก็เลยเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากัน”
นี่คือน้องสาวของกู้จิ้งเจ๋อที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศนั่นเอง
กู้จิ้งเหยียนมองดูหลินเช่อและพูดว่า “โอ๊ยตายจริง พี่สะใภ้ของฉันอายุน้อยกว่าฉันเสียอีก พี่รองคะ พี่จะต้องแก่กว่าเธอมากทีเดียว แบบนี้พี่ไม่กลายเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนไปซะหรือคะ”
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อได้ยินก็หน้าถอดสี
หลินเช่อยิ้มอายๆ กู้จิ้งเหยียนพูดต่อไปอีกว่า “พี่สะใภ้คะ พี่ชายฉันน่ะเอาใจยาก คุณคงลำบากแย่เลยสิคะเนี่ย”
หลินเช่อหัวเราะและบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันชินแล้วน่ะ”
คราวนี้คนโดนนินทาหันมาทำตาเขียวใส่เธอ “นี่ฉันกลายเป็นคนเอาใจยากไปแล้วเหรอ นี่เธอเป็นคนคอยเอาใจฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กันไม่ทราบ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ไม่ใช่ฉันหรอกหรือไงที่คอยเอาใจเธอน่ะ”
มีเพียงหลินเช่อที่เข้าใจถ้อยคำแฝงความนัยนั้น
แก้มเธอแดงเรื่อ เอื้อมมือขึ้นไปหมายจะบีบคอเขา
กู้จิ้งเหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ “ไม่มีทาง! นี่เดี๋ยวนี้พี่รองหัดพูดเล่นกับเขาเป็นด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่หนูตาฝาดไปรึเปล่าคะคุณแม่”
มู่หว่านฉิงยิ้มจนตาหยี “พี่สะใภ้ของลูกสอนเขามาดีน่ะจ้ะ”
กู้จิ้งเจ๋อหน้าตึง เขายกมือขึ้นปิดปากเพื่อกระแอมเบาๆ
มู่หว่านฉิงพูดต่อ “ก็พวกเขาแต่งงานกันแล้ว ถ้าพวกเขาอยากจะหยอกล้อกัน พวกเขาก็ทำได้ แล้วทำไมพี่เขาจะต้องมาคอยล้อเล่นกับลูกด้วยล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อรีบกระหน่ำต่อ “ใช่ ก็เธอน่ะเป็นคนตลกซะที่ไหนล่ะ ไม่มีอะไรจะให้ล้อเล่นด้วยเสียหน่อย”
แรกทีเดียวหลินเช่อไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ทันเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ เขากำลังบอกว่าเธอเป็นตัวตลกน่ะสิ หลินเช่อหันขวับไปทันทีและถามว่า “ใครกันที่เป็นตัวตลก คุณต่างล่ะที่เป็นตัวตลก”
กู้จิ้งเจ๋อปลอบว่า “เอาน่า การเป็นตัวตลกน่ะเป็นข้อดีของเธอนะ เธอควรจะภูมิใจในข้อนี้เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยจะมีข้อดีซักเท่าไหร่”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ข้อดีของฉันก็คือ ฉันสามารถอดทนกับคนที่ไม่มีอะไรดีเลยซักอย่างอย่างคุณได้ต่างหาก”
กู้จิ้งเจ๋อทำเสียงจิ๊กจั๊กแล้วเคาะหัวเธอ
ทางฝั่งกู้จิ้งเหยียนพูดขึ้นว่า “พี่ชายคะ นี่พอมีภรรยาพี่ลืมน้องสาวไปหมดแล้วสินะ นี่พี่ไม่ได้เจอฉันมาเป็นปี แต่แทนที่จะคุยกับฉันพี่กลับเอาแต่อ้อล้อพี่สะใภ้อยู่นั่นแหละ”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ท่าทีของกู้จิ้งเหยียนกลับไม่ได้โกรธเคืองอะไรแม้แต่น้อย เธอกลับคิดว่าทั้งสองคนดูน่าสนใจเอามากๆ ทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อว่า “จริงสิ นี่เธอไม่ได้กลับบ้านมาตั้งนาน แล้วทำไมถึงนึกจะกลับมาตอนนี้ล่ะ”
มู่หว่านฉิงเข้าร่วมวงด้วย “น้องสาวเราเขาพาแฟนกลับมาด้วยน่ะสิ เธอบอกว่าจะแต่งงานกับเขา”
“จริงรึ” กู้จิ้งเจ๋อถาม “ดุออกขนาดนี้ มีคนอยากได้เธอด้วยเรอะ”
กู้จิ้งเหยียนจึงย้อนเข้าให้ “ทีพี่น่ะทั้งเจ้าปัญหาแถมยังเป็นโรคประหลาดด้วยยังมีคนอยากได้พี่เลย”
มู่หว่านฉิงเองก็นึกดีใจที่ลูกสาวจะได้เข้าพิธีวิวาห์เสียที
กู้จิ้งเจ๋อถามว่า “แล้วนี่น้องเขยฉันอยู่ไหนล่ะ ฉันยังไม่เห็นเขาเลย”
สีหน้าของกู้จิ้งเหยียนเปลี่ยนไป และบอกว่า “เขายังมาไม่ถึงน่ะค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยตามอีกที”
ที่ด้านนอก มีคนประกาศการมาถึงของท่านประธานาธิบดี กู้จิ้งเจ๋อจึงบอกว่า “งั้นเอาไว้เธอค่อยพามาแนะนำฉันก็แล้วกัน ฉันจะไปทักทายพี่ใหญ่ก่อนละ” เมื่อพูดจบเขาก็ดึงหลินเช่อให้ออกเดินไปด้วย
กู้จิ้งเหยียนล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วค้นหาเบอร์โทร เธอสูดลมหายใจแล้วกดปุ่ม
“ลู่เป่ยเฉิน นี่คุณจะมารึเปล่า”
“จิ้งเหยียน…พอดีมีเรื่องด่วนเข้ามาน่ะ ฉันอาจจะไปถึงช้าหน่อย”
“เกิดอะไรขึ้นคะ” กู้จิ้งเหยียนถามด้วยความแปลกใจ
“เรื่องเล็กน้อยน่ะ เดี๋ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันจะไป เอาไว้ฉันโทรหานะ”
แล้วลู่เป่ยเฉินก็วางสาย
กู้จิ้งเหยียนยืนถือโทรศัพท์ด้วยสีหน้าฉงนอยู่พักใหญ่
เมื่อหันกลับมา เธอก็เห็นมู่หว่านฉิงกำลังเดินมาหาเธอ “เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ จิ้งเหยียน”
กู้จิ้งเหยียนรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติ “เป่ยเฉินบอกว่าพอดีติดธุระกะทันหันน่ะค่ะ เขาก็เลยจะมาถึงช้าหน่อย”
“เข้าใจละ โอเค ลูกควรจะหัดเข้าใจให้มากกว่านี้นะจ๊ะถ้าหากว่าเขาเกิดมีธุระขึ้นมา เขาอุตส่าห์เดินทางมาด้วยกันกับลูกตั้งไกลขนาดนั้น มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีเรื่องอะไรที่ยังขลุกขลักอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าแม่จะจำได้ว่าเขาเป็นเพื่อนนักเรียนไฮสคูลของลูก แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นแฟนลูกใช่มั้ยจ๊ะ”
กู้จิ้งเหยียนตอบ “ค่ะ เราเพิ่งจะตกลงคบกันตอนไปเรียนเมืองนอกด้วยกันนี่เอง”
“อา แม่จำได้ว่าตอนนั้นดูเหมือนเขาจะมีแฟนอยู่นี่นา…”
ดวงตาของกู้จิ้งเหยียนเป็นประกายขึ้นมาระลอกหนึ่ง เธอจับแขนผู้เป็นแม่ไว้และบอกว่า “อย่างกับว่าหนูเองไม่เคยมีแฟนมาก่อนงั้นแหละค่ะ เรื่องพวกนี้มันเป็นอดีตไปแล้วนะคะ”
“เอาเถอะ แม่ก็แค่จำได้ว่าพวกลูกสองคนสนิทกันมากตอนเรียนไฮสคูล แล้วแม่ก็ไม่ได้เจอหน้าเขามาตั้งหลายปีแล้ว ก็เลยลองถามดูเท่านั้นแหละ”
ใช่ เธอกับลู่เป่ยเฉินเป็นเพื่อนสนิทกันตอนเรียนไฮสคูล
ตอนนั้นเขามีแฟน ส่วนเธอก็มีแฟน แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอมีความรู้สึกให้เขามาตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้น เขาก็เลิกกับคนรักและเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา เธอเองก็ไปด้วย ในช่วงปีแรก เธอกับเขาพูดคุยโทรศัพท์กันในฐานะเพื่อน พอหนึ่งปีผ่านไป ก็ไปตั้งแคมป์ด้วยกัน เธอนอนเต็นท์เดียวกับเขา เหตุการณ์ธรรมดานั่นจุดประกายความรู้สึกขึ้นมา…
มิตรภาพของพวกเขาเปลี่ยนมาเป็นความสัมพันธ์ฉันคนรัก
มู่หว่านฉิงจำได้ชัดเจนว่าเขาเคยมีแฟนมาก่อน แต่เธอลืมไปสนิทว่าคนรักเก่าของเขาก็คือ ฟู่เฉินซี เพื่อนรักของกู้จิ้งเหยียนนั่นเอง…
อีกด้านหนึ่ง กู้จิ้งหมิงมาถึงแล้ว และทุกคนก็ไปรวมตัวกันอยู่ที่ประตูทางเข้า
กู้จิ้งหมิงกล่าวขอบคุณทุกคนและพูดอย่างขัดเขินว่า “ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนต้องมาเสียเวลาจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ผมนะครับ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “ไม่อย่างงั้น พี่ก็จะงานยุ่งมากเสียจนไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะบังคับให้พี่มาน่ะสิครับ”