เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 269
สายตาของกู้จิ้งเจ๋อชะงักไป ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าโม่ฮุ่ยหลิงกำลังกัดฟันแน่น เขาจึงได้รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนี้เปิดเผยด้านมืดให้เขาได้เห็น
กู้จิ้งเจ๋อ ไม่ได้กังวลเรื่องที่จะต้องอธิบายสถานการณ์ให้ครอบครัวเข้าใจ แต่หากก่อเรื่องเสียงดังจนกลายเป็นจุดสนใจก็อาจจะนำมาซึ่งปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาที่คอยตัดสินของผู้อื่น คงจะไม่เป็นการดีสำหรับหลินเช่อแน่
กู้จิ้งเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเธออยากมีเรื่องกับฉัน มันคงไม่เป็นการดีสำหรับใครแน่ ฮุ่ยหลิง ฉันขอแนะนำให้เธอถอยไปซะจะดีกว่า”
“ฉันไม่ถอย ทำไมฉันจะต้องถอยด้วย เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะคุณทั้งนั้น จิ้งเจ๋อ คุณมันใจร้ายใจดำ หลินเช่อ ผู้ชายคนนี้ใจร้ายใจดำขนาดไหน เขาเขี่ยความสัมพันธ์ยาวนานหลายปีทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย คนต่อไปที่เขาจะเขี่ยทิ้งก็คือเธอนั่นแหละ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาอาศัยจังหวะตอนที่โม่ฮุ่ยหลิงกำลังพูดอยู่นั้น ส่งสัญญาณให้คนของตัวเองที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
ก่อนที่โม่ฮุ่ยหลิงจะทันได้ขยับตัว ใครคนหนึ่งก็โผเข้ามาปิดปากเธอไว้อย่างแรง
หญิงสาวถูกลากตัวออกไปทันที แม้จะดิ้นรนแต่ก็ไม่อาจเอาชนะแรงของบอดี้การ์ดได้ ร่างของเธอจึงถูกพาออกไป
ความเงียบกลับคืนมาอีกครั้ง กู้จิ้งเจ๋อ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกมามองดูโม่ฮุ่ยหลิงถูกพาตัวออกไปเป็นที่เรียบร้อย
หลินเช่อเอ่ยขึ้น “นี่เขา…”
“อย่าไปสนใจเลย คงจะบ้าไปแล้วน่ะ”
“แต่ถ้าเขาไปบอกครอบครัวของคุณล่ะคะ…”
“ฉันจะให้คนของฉันคอยจับตาดูไว้ ไม่ให้โม่ฮุ่ยหลิงสามารถเข้าถึงตัวครอบครัวของเราได้ แต่คิดว่าเขาคงไม่กล้าหรอก”
หลินเช่อพยักหน้า เมื่อได้รับการยืนยันว่าโม่ฮุ่ยหลิงถูกส่งตัวออกไปเรียบร้อยแล้ว กู้จิ้งเจ๋อก็พาหลินเช่อกลับเข้าไปในงาน
งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปตลอดค่ำคืน ทั้งสองจึงตัดสินใจที่จะพักค้างคืนที่วิลล่าหลังหนึ่งในรีสอร์ตแห่งนี้
ด้วยความที่ออกงานมาทั้งวัน หลินเช่อจึงอ่อนเพลียอย่างมาก จนเริ่มนั่งสัปหงก
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อ เห็นดังนั้นจึงหันไปบอกกับมารดาว่า “แม่ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกผมจะขอตัวก่อน”
มู่หว่านฉิงมองดูหลินเช่อที่อยู่ในสภาพสะลึมสะลือเต็มที แล้วก็ยิ้มและพยักหน้า
กู้จิ้งเจ๋อแตะแขนเธอเบาๆ เพื่อปลุก หญิงสาวจึงเดินตามเขาออกจากงานไปอย่างง่วงงุน
กู้จิ้งเหยียนมองสองคนที่เดินออกไปแล้วก็ยิ้มและหันไปพูดกับมู่หว่านฉิงว่า “ไม่คิดเลยนะคะว่าพี่รองจะเอาใจใส่คนอื่นได้มากขนาดนี้”
มู่หว่านฉิงว่า “ใช่จ้ะ เห็นพี่เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้แม่ก็เบาใจขึ้นมากเลย จิ้งเจ๋อไม่ใช่คนเย็นชาไร้หัวใจแบบเดิมอีกแล้ว ตอนแรกแม่กลัวว่าเขาจะไม่เจอใคร และต้องอยู่คนเดียวลำพังไปตลอดชีวิตซะอีก”
กู้จิ้งเหยียนว่า “จริงด้วยค่ะ อีกอย่างหนูว่าพี่สะใภ้ของหนูเป็นคนดีทีเดียวนะคะ”
“ใช่จ้ะ แม่ชอบเธอตั้งแต่แรกเจอเลยล่ะ”
กู้จิ้งเหยียนพูด “จริงด้วยค่ะ เธอดูเป็นคนง่ายๆ แล้วก็บริสุทธิ์จริงใจ”
บริสุทธิ์จนน่าอิจฉา
มู่หว่านฉิงถามขึ้นว่า “ไหนลูกบอกว่าลู่เป่ยเฉินกำลังจะถึงไม่ใช่เหรอจ๊ะ แล้วนี่เขาอยู่ไหนล่ะ”
สีหน้าของกู้จิ้งเหยียนเปลี่ยนไปทันที เธอหันหนีก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
หลินเช่อเดินมาตามถนนโดยมีคนติดตามเป็นพรวนอยู่ด้านหลัง พร้อมที่จะให้บริการอย่าเต็มที่ ตอนนี้หญิงสาวชินแล้ว เพราะไม่ว่าเมื่อใดที่กู้จิ้งเจ๋อออกไปข้างนอก ก็จะต้องกลายเป็นความวุ่นวายโกลาหลแบบนี้ ตอนแรกเธอคิดว่ามันน่ากลัว แต่ตอนนี้เธอไม่ค่อยจะใส่ใจแล้ว
หลินเช่อเดินโซเซจนเกือบจะหกล้ม
โชคดีที่กู้จิ้งเจ๋ออยู่ข้างๆ และคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน เมื่อจับเธอไว้ได้มั่นแล้ว ชายหนุ่มก็นิ่วหน้าใส่ “ดูตัวเองมั่งสิ ทำไมซื่อบื้ออย่างนี้ เฮ้อ นี่ถ้าไม่มีฉันเธอจะทำยังไง”
ใช่สิ เธอมันซื่อบื้อ ถ้าไม่มีเขาแล้วเธอจะทำยังไง
นี่เป็นคำถามที่หลินเช่อไม่กล้าคิด
“ก็ฉันยืนทั้งวันจนขาชาไปหมดแล้วนี่คะ ไม่ได้เป็นเพราะซื่อบื้อซักหน่อย โอเค้” หลินเช่อเถียง
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อได้ยินก็รีบก้มลงมองขาเธอทันที “อะไรนะ ปวดขาเหรอ”
“ใช่ค่ะ นิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” เธอว่า
แต่กู้จิ้งเจ๋ออุ้มเธอขึ้นมาทันที
“เฮ้ นี่คุณ…”
“อย่าดิ้นน่า เอาไว้เข้าไปข้างในแล้วค่อยคุยกัน” เขาพูดขณะอุ้มร่างเบาหวิวของเธอไว้และเดินตรงไปยังวิลล่าที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เมื่อทั้งคู่เข้ามาด้านใน บรรดาคณะผู้ติดตามที่ตามหลังมาก็หายวับไปทันที เขาสั่งให้สาวใช้หยุดพักในวันนี้ จึงทำให้มีเพียงเขาและหลินเช่ออยู่ด้วยกันเพียงสองคนในห้องขนาดใหญ่
เขาปล่อยเธอลงบนโซฟา ให้เธอได้นั่งบนนั้น
จากนั้น เขาก็ย่อตัวลงนั่งและเอื้อมมือออกไปถอดรองเท้าให้เธอ
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะถอดรองเท้าให้ หลินเช่อก็รีบร้องบอก “อย่าค่ะ มันสกปรกน่ะ ฉันใส่รองเท้ามาทั้งวัน ไม่ได้ถอดเลย”
กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นมอง “เพราะแบบนี้ไงล่ะเธอถึงปวดขา เล่นใส่รองเท้าทั้งวันแบบนี้ ทำไมถึงไม่ถอดออกแล้วสำรวจดูเท้าตัวเองบ้าง รอเดี๋ยวนะ ฉันจะดูให้ว่าเป็นยังไงบ้าง”
“แต่ว่า…แต่ว่าคุณไม่กลัวว่าเท้าจะเหม็นหรือคะ” เธอมองหน้าเขาและพึมพำเบาๆ
เขามองหน้าเธอ “เธอเป็นคนเท้าเหม็นเหรอ”
“เปล่าค่ะ…” หลินเช่อรีบบอก
“งั้นก็ไม่เป็นปัญหาอะไรนี่” เขาพูดพลางถอดรองเท้าเธอออก
หลินเช่ออยากจะบอกว่า ถึงแม้ว่ามันจะไม่เหม็น แต่มันก็ยังสกปรกอยู่ดี
แต่ดูเหมือนกู้จิ้งเจ๋อจะไม่สนใจ เขาถอดรองเท้าเธอออก และกดนวดฝ่าเท้าให้
หลินเช่อมองเขาอย่างขัดเขินเต็มที “มันสกปรกนะคะ…คุณไม่รังเกียจเหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ต่อให้เธอสกปรก เธอก็เป็นภรรยาฉัน ในฐานะสามี ฉันจะรังเกียจภรรยาตัวเองได้ยังไงกัน”
หัวใจหลินเช่อรู้สึกหวานเชื่อมราวกับดื่มน้ำผึ้งเข้าไปเต็มอก มองดูกู้จิ้งเจ๋อที่คุกเข่าด้วยท่วงท่างามสง่าอยู่ตรงหน้า แล้วก็อดอัศจรรย์ใจไม่ได้ นี่เธอมีวาสนาได้เจอผู้ชายคนนี้ได้ยังไงนะ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโม่ฮุ่ยหลิงถึงได้โกรธนัก เพราะโม่ฮุ่ยหลิงคิดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาสามัญ
หลินเช่อว่า “คุณหนูโม่คงจะต้องโกรธมากที่วันนี้คุณทำกับเธอแบบนั้นนะคะ…”
“เขาหาเรื่องเองนี่นา วันนี้เขาล้ำเส้นเกินไปแล้ว” กู้จิ้งเจ๋อว่า
ชายหนุ่มไม่อยากพูดถึงโม่ฮุ่ยหลิงเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงได้คิดว่าโม่ฮุ่ยหลิงเป็นกุลสตรีผู้งดงามและมีมารยาทในตอนแรกได้
เขามองเธอผิดไปมาก ตาบอดสิ้นดีที่ไปหลงรักผู้หญิงแบบนั้น
เขาเป็นคนไม่เคยเสียใจกับเรื่องไหน แต่เรื่องนี้ทำให้เขาเสียใจไม่น้อย เขาเสียใจกับเวลาหลายปีที่เสียไปกับโม่ฮุ่ยหลิง หนำซ้ำยังเคยคิดอยากจะแต่งงานกับหล่อนด้วย
แต่โม่ฮุ่ยหลิงกลับกลายเป็นผู้หญิงประเภทนี้
เพราะอย่างนี้ เขาจึงอยากจะดีกับหลินเช่อให้มากกว่านี้ เขาไม่เคยดูหมิ่นเหยียดหยามหลินเช่อแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเขาคิดถึงว่าหลินเช่อเองก็ไม่เคยรังเกียจอะไรในตัวเขา กู้จิ้งเจ๋อคิดว่าสามีภรรยาไม่ควรที่จะรังเกียจในข้อเสียของกันและกัน
แม้แต่ตอนที่เขาอาเจียนแทบเป็นแทบตาย เธอก็ไม่เคยพูดอะไรแม้แต่น้อย เธอช่วยถอดรองเท้าให้เขาโดยไม่สนใจความสกปรกใดๆ เลย
เมื่อทั้งสองเข้ามาถึงในห้อง พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะกลับออกไปข้างนอกอีก หลินเช่อจึงตรงเข้าไปอาบน้ำ ในขณะที่กู้จิ้งเจ๋อนั่งฟังเสียงน้ำไหลอยู่ข้างนอก ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ว่า เขาแต่งงานกับหลินเช่อมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยทำอะไรโรแมนติกร่วมกันเลย พวกเขาไม่เคยมีทั้งพิธีแต่งงาน แหวนแต่งงาน ไม่เคยมีซักอย่าง
ชายหนุ่มเริ่มตำหนิตัวเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรทันที
“ส่งคนมาที่นี่สองคนซิ ฉันอยากให้ช่วยอะไรบางอย่าง…”
ในห้องน้ำ หลินเช่ออาบน้ำเสร็จแล้ว รู้สึกกระปรี้กระเปร่าไม่ง่วงงุนอีกต่อไป เธอสวมชุดนอนและเดินออกมาด้วยความรู้สึกสบายตัว
แต่เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ได้เห็นกลีบดอกไม้ที่กระจายอยู่เต็มเตียง เสียงดนตรีสะท้อนก้อง แต่กลับมองไม่เห็นใครเลย…”