เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 282
ถ้าหากว่าเป็นเธอล่ะ…
เธอคงจะไม่ได้อยู่กับเขานานขนาดนั้น
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่เธอและเขาจะต้องแยกจากกันไปในอนาคต หัวใจของหลินเช่อก็พลันมืดมนขึ้นมา
หลินเช่อรู้สึกว่านับวันเธอจะต้องพึ่งพาเขามากขึ้นและมากขึ้นทุกที เธอไม่อาจจินตนาการถึงการใช้ชีวิตลำพังโดยปราศจากเขาได้ เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
หญิงสาวสะบัดหน้าเพื่อกำจัดความคิดร้ายๆ นี้ออกไป ยังไงซะ ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ข้างตัวเธอนี่ไงล่ะ
กู้จิ้งเจ๋อเองก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่หลินเช่อเพิ่งพูดถึงโม่ฮุ่ยหลิงขึ้นมา
อันที่จริงแล้วโม่ฮุ่ยหลิงไม่ใช่คนฉลาด ความสามารถในการเรียนรู้ทั้งหลายของเธอเกิดจากการช่วยเหลือของครอบครัวทั้งสิ้น แถมเธอยังไม่เคยทำงาน ไม่เคยต้องต่อสู้แย่งชิงใดๆ เป็นผู้หญิงที่อยู่ในโอวาทเชื่อฟังเป็นอย่างดี
เชื่อฟังมากเสียจน…แทบทำให้เธอปราศจากตัวตน
ชั่วขณะหนึ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกว่า เขาแทบจะจำอะไรที่เคยทำกับโม่ฮุ่ยหลิงไม่ได้เลย
แต่หล่อนก็ไม่เคยทำอะไรให้เขาต้องคอยเป็นห่วงแม้แต่น้อย ไม่เหมือนยัยจอมดื้อตรงหน้านี่ หลินเช่อมักจะก่อเรื่องและทำให้เขาต้องมีน้ำโหอยู่เรื่อยๆ
แล้วทำไมเขาถึงได้มาหลงเสน่ห์ยัยผู้หญิงเจ้าปัญหาคนนี้ได้นะ ถ้านี่ไม่เรียกว่าการชอบทำร้ายตัวเอง ก็คงไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
เขาไม่รู้ว่ารักคืออะไร เขาเคยคิดว่าเมื่อก่อนนี้เขารักโม่ฮุ่ยหลิง แต่พอลองมาคิดดูให้ดีแล้ว มันกลับไม่ใช่ และจากจุดนั้นมา เขาก็ไม่เคยแน่ใจอีกเลยว่า แล้วรักคืออะไร
รู้แต่ว่าตอนนี้เขาอยากจะดูแลหลินเช่อให้ดีขึ้น ปกป้องความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอ และไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด
ไม่ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยทุกข์ทนกับอะไรมา เขาก็ไม่อยากจะให้เธอต้องประสบพบเจอกับสิ่งเหล่านั้นอีก
หลินเช่อหันไปมองด้านข้าง จมูกของเธอได้กลิ่นเต้าหู้เหม็นลอยมา หญิงสาวจึงดึงแขนคนตัวใหญ่และบอกว่า “ฮิๆ มีเต้าหู้เหม็นขายอยู่ตรงโน้นแน่ะค่ะ คุณอยากลองชิมมั้ย”
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว ลำพังแค่กลิ่นก็เหลือจะทนแล้ว
“มันเหม็นขนาดนี้ ฉันกินไม่ลงหรอก” เขาดึงเธอไว้ “เธอเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กินเหมือนกัน”
“ถึงจะเหม็นแต่มันอร่อยมากนะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองด้วยสายตารังเกียจจนหลินเช่อทำปากยื่นอย่างงอนๆ ไอ้ที่เธอไม่ได้กินน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ความจริงแล้วเธอแอบอยากเห็นเขาทำอะไรเหมือนคนธรรมดาทั่วไปบ้างเท่านั้น เธอนึกภาพกู้จิ้งเจ๋อผู้เพียบพร้อมและงามสง่ามานั่งกินของอย่างเต้าหู้เหม็นไม่ออกเลย เธออยากรู้นักว่าเขายังจะวางท่าเชิดหน้าเป็นคุณชายอยู่ได้อีกมั้ย
แต่กู้จิ้งเจ๋อไม่ยักตกหลุมพราง
อันที่จริงเธอก็ไม่เคยเห็นเขาเสียท่าเหมือนกัน
คงจะมีก็แต่ตอนที่อาการป่วยของเขากำเริบขึ้นมา แต่ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอนั้น ใบหน้าก็ยังหล่อเหลาเย็นชายากจะคาดเดาความรู้สึก ยังดูภูมิฐานสง่างามจนไม่มีใครคิดว่าเขากำลังป่วยเลยซักนิด เขาไม่เคยเลยที่จะดูไม่ดี
กู้จิ้งเจ๋อดึงแขนหลินเช่อให้เดินต่อ และไม่ยอมหันหลังกลับมาดูเต้าหู้เหม็นๆ นั่นอีก แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีแสงแฟลชสว่างวาบขึ้นทางด้านหลัง
ก่อนที่หลินเช่อจะทันได้ทำอะไร ชายหนุ่มก็เอื้อมมือออกไปทันที
เด็กสาวผอมบางที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่น น่าจะเป็นเด็กนักเรียนไฮสคูล
มือของกู้จิ้งเจ๋อคว้ามืออีกฝ่ายไว้และหมุนตัวมา การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นพลิ้วไหวราวกับผีเสื้อ ดูเพอร์เฟกต์อย่างกับอยู่ในหนังแอ็กชั่นยังไงยังงั้น
โทรศัพท์ในมือของเด็กสาวคนนั้นร่วงหลุดจากมือ
เด็กนักเรียนหญิงร้องลั่น เงยหน้ามองดวงตาสีเข้มของเขาก่อนจะรีบหุบปาก และมองหน้าชายหนุ่มนิ่งเงียบด้วยความตกใจ
เวลาที่กู้จิ้งเจ๋อมองดูคนอื่น สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยความเย็นชาและมืดมิดลึกล้ำอย่างชนิดที่ยากจะหยั่งถึง
เขาคว้าโทรศัพท์ไว้ได้ “เธอทำอะไร”
เด็กสาวรีบตอบ “ฉะ…ฉันก็แค่ถ่ายรูป มีปัญหาอะไรเหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อสั่งเสียงเย็น “ลบรูปซะ”
เด็กหญิงเจ้าของโทรศัพท์ที่ตอนแรกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่ต้องลบรูป แต่แล้วความอายที่ถูกเขากระทำด้วยความเย็นชา ทำให้เธอตัดสินใจโต้กลับด้วยความโกรธว่า “ฉันอยากจะถ่ายอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ ทำไมฉันจะต้องลบรูปด้วย”
“ฉันจะถามเธออีกครั้ง ว่าเธอจะลบมั้ย”
“ไม่ ฉันไม่ลบ ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณซะหน่อย คุณจะรู้ได้ยังไงว่าฉันถ่ายอะไร ฮึ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเด็กสาวตรงหน้าดวงสายตาเรียบเฉย ก่อนจะขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้น
หล่อนช็อกสนิท อุทานเสียงดังลั่นว่า “โทรศัพท์ฉัน…”
แต่โทรศัพท์นั้นก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ เสียแล้ว ก่อนที่รองเท้าหนังของชายหนุ่มจะกระทืบซ้ำลงไป บดขยี้ให้ยิ่งแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เด็กหญิงกัดฟันด้วยความโกรธจัด “คุณ…คุณต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าโทรศัพท์ให้ฉัน คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ ถึงได้กล้าทำขนาดนี้ ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”
กู้จิ้งเจ๋อยังคงมองหล่อนด้วยสายตาเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง เขาส่งสัญญาณให้คนของเขาที่อยู่ข้างหลังและพูดเรียบๆ ว่า “พาผู้หญิงคนนี้ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ และจัดการเครื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วย”
“ครับท่าน” บอดี้การ์ดรับคำ สั่งและรีบจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าทันที
เด็กสาวไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้ เธอยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถูกบอดี้การ์ดพาออกไป แต่ก็ยังหันหน้ากลับมาดูกู้จิ้งเจ๋ออยู่หลายครั้ง
หลินเช่อยืนมองอยู่ข้างๆ รู้สึกอัศจรรย์ใจกับความรู้สึกอันว่องไวของชายหนุ่ม “คุณรู้ได้ยังไงคะนี่”
“ตอนที่แสงแฟลชออกมาจากกล้องน่ะ” เขาตอบก่อนจะเหลียวมองไปรอบๆ “ไปกันเถอะ ดึกมากแล้ว ทำไมเธอไม่กลับไปค้างที่บ้านกับฉันคืนนี้ล่ะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ พรุ่งนี้ต้องถ่ายทำกันแต่เช้าน่ะ” หลินเช่อบอก
กู้จิ้งเจ๋อก้มหน้าลงมองอีกฝ่ายนิ่งนาน นิ้วเขาลูบไล้พวงแก้มเธอก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ งั้นก็กลับไปโรงเรียนกัน”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
ทั้งสองยังคงเดินต่อไป หลายคนที่พยายามถ่ายรูปอยู่ด้านหลังนึกกลัวขึ้นมาทันทีที่เห็นเด็กสาวที่ถ่ายรูปถูกจับได้ พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ และทำได้เพียงพยายามถ่ายรูปอยู่ไกลๆ เท่านั้น
ไม่มีรูปที่ถ่ายมารูปไหนที่เห็นหน้าผู้ชายได้ชัดเจนพอเลย แต่อย่างน้อยก็พอจะได้อะไรบ้างแหละ แล้วทั้งหมดก็รีบกลับ
เมื่อมาถึงโรงเรียน หลินเช่อบอกว่า “โอย ตายจริง ดึกมากแล้ว ประตูโรงเรียนน่าจะปิดแล้วละค่ะ”
แต่แล้วพวกเขาก็ได้เห็นใครคนหนึ่งยืนเปิดประตูรอกู้จิ้งเจ๋ออยู่ และต้อนรับทั้งสองกลับเข้ามาในโรงเรียนด้วยความกระตือรือร้น เขามองดูคณะติดตามที่ตามหลังมาด้วยท่าทางหวาดๆ
หลินเช่อเงยหน้ามองสีหน้าเป็นปกติของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมเธอด้วย
หลินเช่อแปลกใจ “นี่คุณจะเดินเข้าไปด้วยหรือคะ ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองก็ได้”
ระหว่างที่หลินเช่อพูดนั้น กู้จิ้งเจ๋อก็คว้ามือเล็กๆ ของเธอไว้ และยกตัวเธอขึ้น
“คะ…คุณจะทำอะไรคะ…”
“มาเถอะน่า มันดึกแล้ว ฉันไม่กลับบ้านแล้วละ”
“อะไรนะคะ คุณ…คุณจะค้างที่นี่เหรอ…คิดให้ดีสิคะ นี่มันโรงเรียนนะคะ…”
“ฉันรู้”
“นี่เป็นสถานที่ที่ต้องให้ความเคารพนะคะ”
“ฉันก็เคารพอยู่แล้วละน่า ไม่ต้องห่วง”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก!”
“ฉันสัญญาว่าจะไม่แตะต้องเธอ แต่…ถ้าเธอทนไม่ไหวแล้วเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ฉันก็จะช่วยตอบสนองให้เธอพอใจด้วยเหมือนกัน”
“ฉันไม่มีทาง…”
แต่ก่อนที่เธอจะทันพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมา
ไม่มีพื้นที่เหลือให้เธอได้คิดอะไรอีกแล้ว
หลินเช่อรู้สึกว่าเขาจูบเธออย่างโหยหาราวกับว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับจุมพิตนี้ ริมฝีปากของเขามีพลังดึงดูดอันมหาศาลที่ดูเหมือนว่าจะอ้อยอิ่งอยู่ตรงนี้ตราบนานเท่านั้น ไม่มีทางเลยที่เธอจะต่อต้านเทคนิคและสัมผัสของเขาได้