เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 283
ผู้ช่วยของฉินเสี่ยวหยวนกลับมาพร้อมกับภาพถ่าย และรีบนำมาให้หล่อนทันที
เมื่อดาราสาวดูรูปที่ได้มา ก็บอกกับผู้ช่วยด้วยความหงุดหงิดว่า “รูปพวกนี้ขยะชัดๆ ไม่มีที่ชัดเลยซักรูป!”
แต่ถึงจะเบลอแค่ไหน ก็ยังพอมองออกว่าเป็นชายร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังจูงมือหลินเช่ออยู่ ทั้งคู่ดูสนิทสนมใกล้ชิดกันจนแทบจะแยกกันไม่ออก
จะเป็นอะไรกันไปได้อีกนอกจากเป็นคนรักกัน
ฉินเสี่ยวหยวนทำเสียงเฮอะก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกไปคว้าผู้ชายคนนี้มาจากไหน แต่คราวนี้ละ ถ้าแกยังจะตีหน้าซื่อทำเป็นไร้เดียงสาอยู่อีกละก็ ฉันจะประกาศเรื่องนี้ให้ทั้งโลกรู้เอง แล้วถ้าเธอยังจองหองพอที่จะต่อกรกับฉันละก็ รับรองได้เลยว่าแกไม่ได้อยู่ถึงตอนจบแน่!”
คืนนั้นตลอดทั้งคืน หลินเช่อไม่ได้กลับมาที่ห้อง
นักแสดงหญิงอีกคนหนึ่งนึกสงสัยว่า “นี่หลินเช่อมีแฟนแล้วจริงๆ สินะ แต่หล่อนกล้าหาญชาญชัยถึงขนาดที่ไม่กลับมาห้องเลยตลอดทั้งคืนเลยเชียวเหรอนี่”
ฉินเสี่ยวหยวนทำหน้าเยาะๆ “ฉันรู้จักแม่ผู้หญิงอ่อนหัดประเภทนี้ดี พวกหล่อนชอบทำตัวยโสโอหัง แล้วก็คิดว่าตัวเองดังซะเต็มประดา คิดว่าตัวเอาเองอยู่ได้สบายในวงการนี้จนไม่รู้คุณค่าของอาชีพ ขนาดฉันอยู่ในวงการมาสิบกว่าปี ยังไม่กล้าพูดเลยว่าตัวเองแน่ ก็นับว่าแม่นั่นก็กล้าดีทีเดียวละ”
ฉินเสี่ยวหยวนพาดีไซเนอร์และสไตลิสต์มาด้วย พวกเขาใช้เวลากว่าชั่วโมงในการแต่งตัวและทำผมแต่งหน้าให้เธออย่างพิถีพิถัน เสียจนนักแสดงสาวโนเนมที่นั่งดูอยู่นึกอิจฉา สายตานั้นทำให้ฉินเสี่ยวหยวนรู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ ในเมื่อหลินเช่อไม่รู้จักระวังตัว งั้นหล่อนก็สมควรที่จะโดนแล้ว ความประมาทเลินเล่อของหลินเช่อทำให้ฉินเสี่ยวหยวนมีโอกาส และเธอก็ไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปเสียด้วย
เมื่อฉินเสี่ยวหยวนก้าวออกมาจากห้อง เธอก็มองเห็นผู้ชายใส่ชุดเป็นทางการยืนเรียงรายเป็นแถวอยู่ที่โถงทางเดิน ทุกคนมีหูฟังเสียบอยู่ และมีสีหน้าปราศจากความรู้สึก
ฉินเสี่ยวหยวนออกเดินไป แต่ก็ถูกขวางเอาไว้ทันที
ดาราสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าพื้นที่ชั้นบนถูกปิดเอาไว้ไม่ให้ขึ้น จนเธอนึกสงสัยว่าใครกันแน่ที่อยู่ข้างบนนั้น แล้วทำไมถึงต้องมีการปิดกั้นสถานที่ด้วย แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงได้มีท่าทางว่าไม่สามารถจะเข้าไปใกล้ได้แบบนี้
ที่ด้านล่าง รถหรูจอดเรียงรายเป็นแถวอยู่ด้านนอกโรงเรียน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบรรดานักเรียนกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันให้เซ็งแซ่ แต่ก็คิดว่าในเมื่อมีดาราดังมาอยู่ที่นี่หลายคน รถพวกนั้นก็อาจจะเป็นของใครซักคนก็ได้ พวกเขาจึงได้แต่พูดคุยกันแต่ไม่มีใครคิดจะซักไซ้ไล่เลียงให้ได้ความจริง
ในขณะเดียวกันนั้น ที่ด้านบน
หลินเช่อตื่นนอนขึ้นมาและได้รู้ว่าถึงเวลานัดแล้ว หญิงสาวตกใจเป็นที่สุด
เมื่อคืนเธอนอนที่ข้างบนนี้ กู้จิ้งเจ๋อใช้เล่ห์เหลี่ยมสารพัดที่มีล่อหลอกเธอ ห้องได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นของบางชิ้นที่ถูกเคลื่อนย้าย แต่ส่วนใหญ่ถูกนำกลับมาวางที่เดิมหมดเรียบร้อยแล้ว
หลินเช่อถูกเขาเหวี่ยงไปทางโน้นทางนี้ตลอดทั้งคืน จนเจ้าตัวจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความโกรธ แต่กู้จิ้งเจ๋อกลับยังดึงเธอไว้และบอกว่า “จะรีบไปไหนล่ะ ยังมีเวลาน่า จัดการเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อยก่อนสิ”
หลินเช่อแว้ดใส่ว่า “ความผิดคุณทั้งนั้นเลยนะคะ”
ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันบอกเธอแล้วนะ แต่เป็นเธอเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเข้าหาฉัน แล้วก็ไม่ยอมปล่อยซะด้วย”
“เชอะ กล้าพูดนะคะ ฉันไม่ได้สนใจคุณซักหน่อย”
“ก็แล้วไม่ใช่เธอเหรอที่กอดฉันแถมยังไม่ยอมปล่อยเมื่อคืนนี้น่ะ”
เมื่อเห็นหลินเช่อทำท่าจะลงไปข้างล่าง เขาก็ยังแกล้งดึงเธอไว้อีก “จะรีบไปไหนเร็วนัก เดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” เขาขมวดคิ้วและพูดเสียงเข้ม
หลินเช่อทำปากยื่น “คุณก็เอาแต่ดุฉันนั่นแหละ”
กู้จิ้งเจ๋อกระแซะอยู่ข้างหูและจูบเธอแผ่วเบา “ก็แล้วเธอไม่ชอบเหรอที่บางครั้งฉันจะดุดันแล้วก็รุนแรงกับเธอบ้างน่ะ”
หลินเช่อหน้าแดง แล้วรีบผลักเขาออกไป ก่อนจะเผ่นแน่บลงไปข้างล่าง
เวลาอีตานี่ทำตัวเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาลขึ้นมาทีไร เขาไม่เคยมีขีดจำกัดเลยจริงๆ
กู้จิ้งเจ๋อมองดูหลินเช่อออกจากห้องไป ก่อนที่จะปล่อยให้คนของเขาจัดแจงเตรียมการที่จะออกจากที่นี่
ที่ด้านนอก คนของเขาเตรียมรถเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหันไปมองและอดคิดไม่ได้ว่าเขาทำอะไรตามอำเภอใจมากทีเดียวที่มาอยู่ที่นี่
เขายอมค้างคืนที่นี่เพียงเพราะจะได้อยู่กับหลินเช่อ
ปกติแล้วกู้จิ้งเจ๋อเป็นคนที่เข้มงวดกับตัวเอง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขายอมผ่อนเพราะหลินเช่อ ทั้งที่เขาไม่ควรทำเลย
ยัยนี่คือจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์แท้ๆ เลย
ชายหนุ่มส่ายหัว เขาเก็บของและออกจากที่นั่นโดยเร็ว
หลินเช่อกระโดดลงบันไดและไปถึงจุดถ่ายทำได้ทันเวลาพอดี
ฉินเสี่ยวหยวนหันมามองเธอ และทำเสียงฟึดฟัดออกทางจมูกว่า “เมื่อคืนเธอไม่ได้กลับมาทั้งคืนเลยนี่ ไปไหนมาล่ะ”
หลินเช่อตอบ “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะพี่เสี่ยวหยวน แต่พอดีฉันมีธุระด่วนน่ะค่ะ”
ฉินเสี่ยวหยวนมองดูหลินเช่อที่ดูเหมือนกับเพิ่งออกมาจากด้านในตัวตึกและมีท่าทีดูตื่นๆ นิดหน่อย
แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ในทันที หรือว่าที่มีปิดล้อมทางขึ้นชั้นบนเมื่อคืนก่อนนี้จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับหลินเช่อ
เป็นไปไม่ได้หรอกน่า…
คนพวกนั้นดูท่าทางจะมีอิทธิพลมาก พวกเขาสามารถเข้ามาในโรงเรียนแล้วก็สั่งปิดอาคารเรียนทั้งชั้นได้โดยง่ายดายแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย
แล้วยัยเด็กเหลือขออย่างหลินเช่อจะไปรู้จักคนระดับนั้นได้ยังไงกัน
เธอเองยังไม่เคยพบเจอใครที่มีอำนาจมากขนาดนี้เลยแม้ว่าจะอยู่ในวงการมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นอะไรยิ่งใหญ่แบบนี้
ฉินเสี่ยวหยวนส่ายหัวและเลิกคิดถึงเรื่องนี้ แต่กลับตวัดสายตากลับไปจ้องหลินเช่ออย่างหนักอีกครั้ง
เอาไว้เธอสบโอกาสที่จะปล่อยข่าวเกี่ยวกับหลินเช่อก่อนเถอะน่า
การถ่ายทำจบลงภายในหนึ่งสัปดาห์
ระหว่างช่วงเวลานั้น กู้จิ้งเจ๋อต้องไปทำงานของตัวเองและไม่ได้กลับมาวุ่นวายกับหลินเช่ออีก
ในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ทีมตากล้องได้จัดกิจกรรมขึ้นเป็นงานปาร์ตี้โรงเรียน ทั้งนักเรียนและดาราในรายการต่างก็มาร่วมในงานนี้ อวี๋หมินหมิ่นและหยางหลิงซินเองก็มาด้วยพร้อมกับพนักงานของบริษัทอีกสองสามคนเพื่อช่วยหลินเช่อเตรียมตัว
เครื่องแต่งกายของฉินเสี่ยวหยวนดูเริ่ดหรูอลังการมองเห็นได้แต่ไกล หยางหลิงซินพูดขึ้นว่า “ฉินเสี่ยวหยวนพาทีมงานมาเยอะจังนะคะ”
อวี๋หมินหมิ่นว่า “ก็เขาเป็นดาราใหญ่นี่นา เสื้อผ้าก็ต้องอลังการเป็นธรรมดา ในวงการบันเทิงแบบนี้ เขาเป็นดาราระดับซุปเปอร์สตาร์เหมือนมู่เฝ่ยหรานเลยทีเดียว ก็ถือว่าเป็นปกติที่จะต้องทำแบบนี้”
เมื่อหยางหลิงซินได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เธอหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาริษยา
ฉินเสี่ยวหยวนเพียงแต่ยืนเฉยๆ อยู่ตรงกลาง โดยไม่ต้องขยับตัวทำอะไร ผู้ช่วยของเธอเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด
แต่แล้วผู้ช่วยของเธอก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีวิตกกังวล หล่อนพูดกับฉินเสี่ยวหยวนว่า “ฉันได้ยินมาว่าชุดที่ทางบริษัทส่งมาให้หลินเช่อเป็นสีแดงน่ะค่ะ”
ฉินเสี่ยวหยวนทำเสียงไม่พอใจและบอกกับผู้ช่วยว่า “ถ้าอย่างงั้น ฉันจะใส่ชุดสีแดง”
ผู้ช่วยถามด้วยความแปลกใจ “แล้วถ้าสีชุดชนกับของหลินเช่อล่ะคะ”
ฉินเสี่ยวหยวนหรี่ตาและถามผู้ช่วยว่า “เธอรู้ใช่มั้ยว่าชุดของแม่นั่นอยู่ไหนน่ะ”
“เอ่อ รู้ค่ะ มันถูกส่งมาโดยรถของบริษัท”
“งั้นก็ไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย…”
หลังจากที่หลินเช่อเตรียมตัวเสร็จ เธอก็เห็นฉินเสี่ยวหยวนอยู่ในชุดสีแดง กำลังเดินเข้าสู่งานไปด้วยความภาคภูมิใจ
หลินเช่อนึกตกใจ รีบหันไปหาอวี๋หมินหมิ่นและถามว่า “ฉันคิดว่าชุดของฉันก็สีแดงเหมือนกันใช่มั้ยคะ”
อวี๋หมินหมิ่นนิ่งอั้น เธอหันไปมองด้านในงานแล้วขมวดคิ้ว “อย่าบอกฉันนะว่าฉินเสี่ยวหยวนเจตนาทำแบบนี้น่ะ”
จากนั้นหยางหลิงซินก็วิ่งออกมาและร้องบอกว่า “พี่เช่อ พี่เช่อคะ! แย่แล้วละ ชุดของเรา…”