เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 284
ที่ด้านหน้า ผู้กำกับก็รีบร้อนเข้ามาหลินเช่อ “ฉินเสี่ยวหยวนเข้างานไปแล้ว แล้วทำไมเธอถึงยังไม่เปลี่ยนชุดอีกล่ะ”
“โอ้ ผู้กำกับคะ ฉันกำลังจะเปลี่ยนนี่แหละค่ะ” หลินเช่อตอบ เธอมองดูชุดในมือหยางหลินซิง ใครบางคนตัดมันขาดเป็นชิ้นๆ เสียแล้ว
อวี๋หมินหมิ่นหยิบชุดนั่นมา “มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน”
หยางหลิงซินตอบ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่ฉันเข้าไปเอามาแล้ว ตอนที่ฉันรับมา กล่องมันปิดอยู่ฉันก็เลยมองไม่เห็นด้านในน่ะค่ะ พอตอนที่ฉันเปิดออกดู ก็เจอว่าชุดมันพังหมดแล้วแบบนี้”
อวี๋หมินหมิ่นกดฟัน “จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปรับชุดใหม่มาให้”
หลินเช่อได้ยินเสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นทางด้านหน้าแล้ว ไม่มีเวลาพอที่จะไปหาชุดใหม่แน่
หญิงสาวจึงบอกว่า “ไม่มีเวลาแล้วละค่ะ งานจะเริ่มแล้ว”
หยางหลินซินถามอย่างหมดปัญญา “ถ้างั้นเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ พี่เช่อ ฉันเคยคิดว่าการแอบทำลายชุดกันในวงการบันเทิงเป็นเรื่องแต่งซะอีก ไม่คิดเลย…”
อวี๋หมินหมิ่นตอบ “ใช่ เราจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้”
หลินเช่อหยิบชุดขึ้นมาและพิจารณาดู เมื่อมองอยู่ซักพักเธอก็พูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะดูว่าพอจะดัดแปลงอะไรมันได้บ้าง”
“ดัดแปลงมันเหรอ ยังไง”
หลินเช่อฉีกชุดออกและสวมมันเข้ากับตัว
อวี๋หมินหมิ่นเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปช่วยเธอดึง รูที่ถูกตัดมีอยู่ทั่วตัว จนเหลือเพียงไม่กี่ตำแหน่งเท่านั้นที่ผ้ายังเชื่อมติดกันอยู่ เมื่อหลินเช่อสวมชุดนั้นเข้าไป มันจึงเผยให้เห็นด้านหลังทั้งหมดจนเกือบจะถึงชุดชั้นใจเลยทีเดียว ส่วนรูทางด้านหน้า หลินเช่อเรียกหาเข็มกลัดมาติดเอาไว้สองสามจุด จนพอที่จะใส่ได้
หยางหลินซินเฝ้ามองด้วยสีหน้าทึ่งจัด ผู้กำกับร้องเรียกอีกครั้ง “หลินเช่อ ทำอะไรอยู่ เร็วเข้า เหลือเธอคนเดียวแล้วนะ”
“ไปค่ะ ผู้กำกับ” หญิงสาวเดินออกไป ผู้กำกับมองเห็นเพียงกองเศษผ้าสีแดงที่กำลังเดินตรงไปหาเขา ทำเอาเจ้าตัวช็อกสนิท
“หลินเช่อ ชุดของเธอ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจัดการแล้ว”
ระหว่างที่พูด เธอก็เดินออกไปในรองเท้าส้นสูง
ที่ด้านหน้า ฉินเสี่ยวหยวนยืนเด่นเป็นสง่า เมื่อหันมา เธอก็ไม่พบว่ามีใครกล้ายืนประชันข้างๆ กาย รอยยิ้มแห่งชัยชนะก็คลี่แย้มขั้นบนใบหน้าอย่างช้าๆ
หลี่จวิ้นอี้ถามขึ้นข้างๆ ว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมหลินเช่อยังไม่มาอีกล่ะ”
“ถ้าหล่อนไม่อยากมาก็ปล่อยหล่อนไปเถอะ อย่าบอกฉันนะว่างานนี้ยังจะต้องรอหล่อนอีกน่ะ”
ฉินเสี่ยวหยวนยิ้มให้นักข่าว อุปนิสัยเธอดูจะดีขึ้นกว่าปกติในเวลาที่ต้องให้สัมภาษณ์
“พี่เสี่ยวหยวนคะ ทำไมหลินเช่อถึงยังไม่มาอีกล่ะคะ”
“อืม อันนี้ฉันเองก็ไม่รู้นะคะ แต่ฉันเดาว่าคงจะเพราะว่าเธอยังเด็กน่ะ ก็เลยมักชอบนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงมากกว่า หรือบางทีก็อาจจะจำเวลาไม่ได้” ฉินเสี่ยวหยวนว่า
นักข่าวถามต่อไปอีก “หลินเช่อมาถึงกองถ่ายสายอยู่บ่อยๆ เหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เธอออกจะขี้เกียจอยู่ซักหน่อยน่ะ” ฉินเสี่ยวหยวนใส่ไคล้ต่อ
นักข่าวที่ยืนอยู่ข้างหลังถามขึ้นอีกว่า “มีข่าวลือเกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ว่า ทั้งที่พวกคุณสองคนได้แสดงหนังเรื่องเดียวกันแล้วก็ยังมาจากต้นสังกัดเดียวกันอีก แต่พวกคุณกลับไม่ค่อยจะพูดจากันเท่าไหร่เวลาอยู่ในกองถ่าย เป็นเพราะพวกคุณสองคนเข้ากันไม่ค่อยได้หรือเปล่าครับ”
“ฮ่าๆ การที่เราจะเข้ากันได้ดีหรือไม่มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีความสนใจอะไรร่วมกันบ้างน่ะค่ะ บอกตามตรง ฉันอยู่ในวงการนี้มานานมากก็จริง แต่ก็มีเพื่อนเพียงไม่กี่คน ฉันไม่ค่อยสนิทสนมกับคนอื่นซักเท่าไหร่ ฉันกับหลินเช่อยังไม่อยู่ในจุดที่จะมีอะไรเข้ากันได้น่ะค่ะ เราก็เลยไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนัก”
ฉินเสี่ยวหยวนให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจ รัศมีของดาราใหญ่เปล่งประกายชัดเจน
แต่คำตอบของเธอก็แฝงความนัยเอาไว้ชัดเจนว่า เธอเป็นดาราดังถึงระดับนี้แล้ว เธอไม่จำเป็นที่จะต้องลดตัวไปคุยกับพวกดาราหน้าใหม่ ในวงการนี้ มีแค่ดาราที่ดังระดับเดียวกันเท่านั้นที่จะสามารถเป็นเพื่อนกับเธอได้
นักข่าวอีกคนอยากจะถามต่อ แต่ใครบางคนร้องขึ้นว่า “หลินเช่อมาแล้ว”
บรรดานักข่าวต่างหันไปและได้เห็นหลินเช่อในชุดสีแดง ชุดของเธอมีรูอยู่ทั่วไปหมดจนเผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่เด่นสะดุดตายามมองทะลุเข้าไปตามรอยขาดของผ้าเหล่านั้น กระโปรงสั้นอวดเรียวขายาวชวนหลงใหล และเมื่อเธอหมุนตัว แผ่นหลังเปล่าเปลือยนั้นก็ยิ่งดูยวนใจมากขึ้นไปอีก
เห็นได้ชัดว่าชุดที่สวมนั้นมีปัญหาบางอย่าง แต่มันกลับดูดีมากเมื่ออยู่บนร่างเธอ เพราะมันยิ่งช่วยขับเน้นรูปร่างให้ยิ่งดึงดูดสายตาแก่ผู้พบเห็น
ทั้งกล้องและไฟหันมาจับที่หลินเช่อโดยพร้อมเพรียง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มให้ทุกคน ในชุดที่ผาดโผนนี้ดูจะยิ่งส่งให้ประกายตาบริสุทธิ์ของเธอยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีก
ฉินเสี่ยวหยวนที่สวมชุดสีเดียวกันดูจะจืดไปถนัดตา เธอดูเหมือนตุ๊กตาสวยๆ ที่นอกจากดูสวยน่ารักแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษอีก อย่างดีที่สุดก็น่าสนใจในฐานะดารารุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ แต่นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
ฉินเสี่ยวหยวนกัดฟันและตวัดสายตาไปทางหลินเช่อ เธอก่นด่าอยู่ในใจขณะมองไปยังหลินเช่อที่สวยสะดุดตาอยู่ตรงหน้า นังแพศยาไร้ยางอายนั่นยังจะกล้าใส่ชุดแบบนี้ออกมาอีกงั้นเหรอ
แล้วเธอก็มองกราดไปทางผู้ช่วยส่วนตัว ตกลงหล่อนพยายามที่จะตัดทำลายชุดนั่นหรือพยายามจะทำตัวเป็นดีไซเนอร์กันแน่ ทำไมมันถึงได้ออกมาดูดีอย่างนี้ล่ะ
ผู้ช่วยรู้สึกเหมือนถูกป้ายความผิด เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เหมือนกัน เธอคิดว่าเธอจัดการตัดชุดนั้นจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ใครจะไปคิดล่ะว่าหลินเช่อใส่ออกมาแล้วจะดูดีขนาดนี้ได้
ว่ากันว่าคนสวยใส่อะไรก็สวย คนขี้เหร่ใส่อะไรก็…
หลินเช่อยืนเด่นและเมื่อเธอหันมาเห็นฉินเสี่ยวหยวน เธอก็เดินทอดน่องเข้ามาหาและพูดว่า “ขอบคุณที่รอนะคะพี่เสี่ยวหยวน ทำไมคะ นี่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่เหรอคะ”
ฉินเสี่ยวหยวนจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาคมปลาบ จะให้เธอมีอารมณ์ให้สัมภาษณ์ต่อไปอีกได้ยังไงล่ะ แต่ดารารุ่นพี่ก็ทำได้เพียงกัดฟันและฉีกยิ้ม “เธอนี่ก็ขี้เกรงใจจังเลยนะจ๊ะ รุ่นพี่อย่างฉันก็ต้องรอพวกดารารุ่นน้องเป็นธรรมดาอยู่แล้วละ”
นี่เป็นวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ทุกคนถ่ายทำฉากนี้เป็นฉากสุดท้าย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
หลินเช่อสนิทสนมกับบรรดาทีมงานเป็นอันดี เธอบอกลาทุกคนก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน
วันต่อมา ข่าวที่ว่าหลินเช่อและฉินเสี่ยวหยวนไม่ถูกกันก็กลายเป็นข่าวพาดหัว
นักข่าวพากันนำเสนอภาพชุดของหลินเช่อในงานปาร์ตี้ มันทั้งดูสวย ทันสมัย ราวกับชุดโอร์กูตูร์เลยทีเดียว แต่ก็มีนักข่าวบางคนที่พยายามชี้ให้เห็นว่า ชุดนั้นถูกทำลายและทำการแก้ไขเพื่อให้ใส่ได้อย่างไม่ประณีตนัก
นักข่าวช่วยกันคาดเดาทันทีว่าจะต้องมีใครบางคนจงใจทำลายชุดอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครกันล่ะ เมื่อได้รู้ว่าดาราสาวทั้งสองไม่ถูกกัน ชาวเน็ตจึงเชื่อมโยงข้อมูลนี้กับสิ่งที่นักข่าวพูดทันทีและปะติดปะต่อออกมาจนกลายเป็นเรื่องราวดราม่า
ชุดของหลินเช่อถูกฉินเสี่ยวหยวนแอบทำลายจนเสียหาย เธอไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องพยายามดัดแปลงชุดนั้นด้วยตัวเอง
ด้วยเหตุนี้หลินเช่อจึงใช้เวลานานกว่าปกติก่อนที่จะออกมาปรากฏตัวภายในงานเมื่อคืน
แล้วชาวเน็ตทั้งหลายก็รีบแห่แหนกันเข้าไปในเว่ยป๋อของฉินเสี่ยวหยวนและจัดการตำหนิเธอทันที
[ฉินเสี่ยวหยวนเธอมันหน้าไม่อาย] [ฉินเสี่ยวหยวน เธอมันไร้ค่า] [เธอจงใจสกัดดาวรุ่งรุ่นน้อง] [เธอมันไม่มีศักดิ์ศรีเลย]
ในขณะเดียวกัน ชาวเน็ตก็พากันชื่นชมหลินเช่อกันอย่างไม่หยุดปาก ที่อุตส่าห์ดัดแปลงชุดจนใส่ได้ในสถานการณ์อันคับขัน
หลินเช่อเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะกลายเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเธอโกรธมากก็จริง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องครึกโครมในอินเทอร์เน็ตไปเสียแล้ว
อวี๋หมินหมิ่นดูข่าวแล้วก็ยิ้มกับหลินเช่อ “ชาวเน็ตนี่ไม่โง่นะ พวกเขาเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์เมื่อคืน บอกเลยว่าอย่าคิดจะมีเรื่องกับพวกเขาได้ง่ายๆ”
ฉินเสี่ยวหยวนโกรธจนตัวโยน เธอปาหนังสือพิมพ์ทิ้งและกัดฟันกรอด “นังหลินเช่อ! ทำไมมันถึงต้องสาระแนใส่ชุดนั่นออกมาด้วยนะ มันจะต้องจงใจทำแน่ๆ เพื่อให้พวกชาวเน็ตพากันเดาแล้วก็มาด่าฉันแบบนี้ นังนี่มันแผนสูงจริงๆ ฉันมองมันผิดไปหน่อย!”