เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 288
กู้จิ้ิ้งอวี่เดินเข้ามาและดึงเก้าอี้ เขามองหลินเช่อและทักว่า
“ว้าว นี่เธออ้วนขึ้นนะเนี่ย ช่วงนี้ชีวิตดีล่ะสิท่า”
สายตาหลายคู่ที่มองตามชายหนุ่มมาทำให้หลินเช่อนึกหวั่นใจ ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกอยากให้เขาอยู่ห่างจากเธอไว้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องโดนสายตาที่มองเขม่นของคนอื่นแบบนี้
กู้จิ้ิ้งอวี่พูดต่อ “มาทันพอดี งั้นคืนนี้ออกไปกินข้าวด้วยกันะ”
หลินเช่ออึ้ง “นี่คุณล้อฉันเล่นหรือคะ…”
“เธอสัญญาเอาไว้ตั้งหลายหนแล้วนะว่าเธอจะเลี้ยงข้าวฉันน่ะ แต่ยังไม่เคยทำเลยซักครั้ง ทำไมฮึหลินเช่อ แค่เลี้ยงข้าวคนอื่นนี่มันยากนักหรือไง”
“ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ค่ะ งั้นก็ไปกินกัน ไปกินข้าวด้วยกัน ฉันไม่เคยบอกซักหน่อยนี่นาว่าจะไม่ไป งั้นก็ไปกินกันค่ะ” หลินเช่อไม่มีทางอื่นนอกจากตอบตกลง
กู้จิ้ิ้งอวี่ดีดนิ้วทันทีและพูดกับเธอว่า “งั้นเดี๋ยวถ่ายเสร็จฉันจะมาหานะ วันนี้เป็นวันแรก อย่าลืมทำให้ดีที่สุดล่ะ”
“ฉันรู้ค่ะพี่จิ้งอวี่”
“ในเมื่อเธอรู้ว่าฉันเป็นรุ่นพี่ งั้นก็ต้องรู้จักเคารพฉันให้มากกว่านี้สิ อย่ามองฉันด้วยสายตารังเกียจแบบนั้น เข้าใจมั้ย” เขาพูดพลางเอื้อมมือออกมาหยิกแก้มเธอ
หลินเช่อพูดอะไรไม่ออก ทำไมผู้ชายตระกูลนี้ถึงได้ทั้งตัวสูงใหญ่ บ้าอำนาจ แล้วก็ชอบจับหน้าเธอกันนักนะ
กู้จิ้ิ้งอวี่ผละออกไปรวดเร็วเหมือนสายลม
เสี่ยวเถาที่ยืนอยู่ข้างหลังถึงกับทำหน้าละเมอเพ้อพก “ว้าว กู้จิ้ิ้งอวี่นี่หล่อเป็นบ้าเลย”
“เราได้เห็นเขาใกล้ๆ ขนาดนี้ ฉันยังมองไม่เห็นรูขุมขนบนหน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว นี่เขาดูแลผิวหน้ายังไงให้ดูดีขนาดนี้ได้นะ”
“ฉันเดาว่ามันคงอยู่ในดีเอ็นเอของตระกูลกู้น่ะ ท่านประธานาธิบดีเองก็หล่อมากเหมือนกัน”
หยางหลิงซินมองเสี่ยวเถาและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดว่า “เห็นมั้ยล่ะ ฉันบอกแล้วว่าพวกเธอแต่งหน้าไปก็เท่านั้น เขาไม่ได้ชายตามองพวกเธอเลยซักนิด เขาแค่มาหาพี่เช่อต่างหากล่ะ”
เสี่ยวเถารีบดึงแขนหลินเช่อและพูดว่า “พี่เช่อคะ พี่นี่ทำให้ใครต่อใครต้องอิจฉา ริษยา แล้วก็ไม่ชอบหน้าด้วยนะคะเนี่ย ฉันเองก็อยากไปกินข้าวกับกู้จิ้ิ้งอวี่เหมือนกันนี่นา”
เสี่ยวเซียวปรามเพื่อนขึ้นว่า “พอที พี่จิ้งอวี่เขาไม่กินกับเธอหรอกย่ะ เขาจะกินกับพี่เช่อของเราคนเดียวเท่านั้น เธอคิดว่าเธอเป็นพี่เช่อหรือไงล่ะ”
คำพูดเหล่านั้นทำให้หลินเช่อรู้สึกขนลุก “เอาละพวกเธอ หยุดพูดจาไร้สาระกันซะที ถ้ามีนักข่าวมาได้ยินเข้าละก็ ได้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปอีกแน่ๆ ฉันแค่อยากเป็นนักแสดง ไม่ได้อยากเป็นเจ้าแม่ข่าวเมาธ์นะ เข้าใจมั้ย”
บรรดาหนังสือพิมพ์ทั้งหลายต่างพากันขนานนามเธอว่าเป็นแม่เจ้าข่าวเมาธ์ เพราะนับตั้งแต่มีข่าวลือระหว่างเธอกับกู้จิ้ิ้งอวี่ในตอนแรก จนถึงตอนนี้ ก็ยังคงมีข่าวเกี่ยวกับเธอออกมาเป็นระยะ และมักได้รับความสนใจอย่างมาก คราวนี้ก็กับฉินเสี่ยวหยวนนั่นเอง
การถ่ายทำในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเอามากๆ เธอรู้จักกู้จิ้ิ้งอวี่ดี และเธอกับเขาก็มีเคมีที่เข้ากันได้ดีอย่างมากบนจอ เขาและเธอสามารถเข้าถึงตัวละครได้ทันที และต้องมีการถ่ายใหม่เพียงไม่กี่เทคเท่านั้น ผู้กำกับถึงกับทึ่งจนต้องพูดว่า “นักแสดงดี ทุกคนก็พลอยทำงานง่ายไปด้วย ทำได้ดีจริงๆ ทุกคน!”
กู้จิ้ิ้งอวี่หันมาหาหลินเช่อ “เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะนี่นา”
“จริงหรือคะ ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะพี่จิ้งอวี่”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มาเถอะ ไปกินข้าวกันดีกว่า”
“โอ้ โอเคค่ะ”
ทั้งสองทำงานของวันนี้เสร็จเรียบร้อย และเดินออกจากกองถ่ายด้วยความสบายใจ เวลาที่อยู่กับกู้จิ้ิ้งอวี่ เขาจะต้องมีทีมงานคอยเดินตามหลังมาด้วยเสมอ และไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ก็จะดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่โดยรอบ
เสี่ยวเถา เสี่ยวเซียว และสมาชิกคนอื่นๆ ต่างกรีดร้องอยู่ข้างหลัง พวกเธอไม่สามารถห้ามความตื่นเต้นเอาไว้ได้เลย
“ดูสิ ทุกคนกำลังมองดูเรา”
“นั่นก็เพราะพี่เช่อกับกู้จิ้ิ้งอวี่เข้ากันได้ดี แล้วก็สนิทสนมกันมากน่ะสิ เป็นใครจะไม่อิจฉาบ้างล่ะ”
หยางหลิงซินยืนมองจากด้านหลังและแอบบุ้ยปาก สายตาของเธอจับจ้องด้านหลังของหลินเช่อและกู้จิ้ิ้งอวี่อยู่นาน
ในออฟฟิศ กู้จิ้งเจ๋อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ จ้องมองกองเอกสารตรงหน้า
ฉินเฮ่าเคาะประตูและเดินเข้ามา เขารายงานกับกู้จิ้งเจ๋อว่า
“ท่านครับ คุณลู่มาที่นี่ครับ”
กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้า นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “ลู่ชูเซี่ยน่ะเหรอ”
“ใช่แล้วครับ”
สีหน้าเขาหม่นไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า “ให้เธอเข้ามาเลย”
ลู่ชูเซี่ยเดินยิ้มเข้ามาในห้องพลางพูดว่า “บริษัทกู้ อินดัสทรี่ของพี่นี่เข้มงวดจังเลยนะ มีประตูคอยกั้นเอาไว้ตั้งเยอะกว่าจะหลุดมาถึงที่นี่ได้”
กู้จิ้งเจ๋อมองหญิงสาวและถามว่า “เธอต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ฉันอยากเลี้ยงข้าวพี่น่ะ” เธอยิ้มพลางพิจารณาดูเสื้อผ้าของชายหนุ่ม เขามีรัศมีแห่งอำนาจแจ่มชัดทีเดียวเมื่อนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแบบนี้ เธอจึงอดหัวเราะไม่ได้ “หรือบางทีท่านซีดีโอกู้อาจจะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวฉันแทนก็ได้นะ พี่ยังไม่เคยบอกเลยว่าจะตอบแทนที่ฉันช่วยชีวิตพี่ไว้เมื่อไหร่”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม วางมือลงบนโต๊ะ “ได้เลย ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอเอง”
สถานที่ที่ชายหนุ่มเลือกเลี้ยงอาหารลู่ชูเซี่ยเป็นภัตตาคารชั้นดี
ระหว่างที่รับประทานอาหารกันนั้น ลู่ชูเซี่ยก็คอยพูดคุยไม่หยุดโดยกู้จิ้งเจ๋อคอยตอบเป็นระยะ หญิงสาวเอ่ยขึ้นว่า “ฉันไม่คิดเลยนะว่าพี่จะเลิกกับโม่ฮุ่ยหลิงจริงๆ น่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ใช่ ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”
“ถ้างั้น…บอกฉันหน่อยสิ กู้จิ้งเจ๋อ ฉันพอจะมีโอกาสมาแทนที่โม่ฮุ่ยหลิงแล้วไปต่อกับพี่รึเปล่า” ลู่ชูเซี่ยมองเขาด้วยท่าทางมั่นใจ
ชายหนุ่มมองหน้าเธอ “เธอคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีเหรอถึงได้มาพูดเรื่องนี้กับผู้ชายที่แต่งงานแล้วน่ะ”
ลู่ชูเซี่ยตอบ “พี่แต่งงานแล้วแล้วจะทำไมล่ะ ตอนนี้สังคมมันเปลี่ยนไปแล้วนะ ถ้าไม่ชอบอะไรก็แหกกฎซะก็ได้นี่ ความรักชนะทุกอย่างจ้ะ”
กู้จิ้งเจ๋อว่า “แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่มีทางล่ะ”
“อา…” ลู่ชูเซี่ยพูด “ปฏิเสธฉันเร็วจังเลยนะ จะไม่รีบตัดสินใจไปหน่อยเหรอ ฉันให้เวลาพี่ได้นะ ทำไมไม่ลองพิจารณาดูดีๆ ล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อหยิบผ้าขึ้นเช็ดปากและโยนมันลงบนโต๊ะ “ไม่จำเป็นหรอก ขอบใจสำหรับความหวังดีนะ แต่หัวใจฉันลงตัวเรียบร้อยแล้ว เราไม่เหมาะกันหรอก”
เขาลุกขึ้นและพูดกับเธอว่า “ฉันยังมีงานต้องทำ เธอค่อยๆ กินไปก็ได้นะ ฉันไปก่อนละ”
ลู่ชูเซี่ยมองเขา ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เธอกัดริมฝีปากขณะมองเขาเดินออกไป “คราวหน้าฉันจะถามอีกนะจิ้งเจ๋อ เราเหมาะกันออกจะตายไป พี่…พี่น่าจะลองคิดดูอีกทีนะ”
ลู่ชูเซี่ยคิด ภรรยาของกู้จิ้งเจ๋อเป็นแค่ดาราเท่านั้น นอกจากความสามารถด้านการแสดงแล้ว ก็ไม่น่าจะมีอะไรดีเกี่ยวกับหล่อนอีก
คนรับใช้ของเธอที่ยืนอยู่ด้านข้างเดินเข้ามาหาลู่ชูเซี่ยและบอกว่า “คุณครับ ได้เวลากลับแล้วครับ”
หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ “นี่เธอรู้จักคนที่ชื่อหลินเช่อรึเปล่า”
“อา หลินเช่อเหรอครับ รู้จักครับ” คนรับใช้นตอบ “เธอเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากทีเดียวในช่วงนี้ คุณอยากจะดูรูปเธอมั้ยครับ”
“ดังมากงั้นเหรอ เอาเถอะ ไม่ว่าจะดังขนาดไหนก็เป็นแค่นักแสดงเท่านั้นแหละ” หญิงสาวพูดเสียงขุ่น “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ค่อยชอบพวกนักแสดงซักเท่าไหร่ ไม่สนใจคนประเภทนี้ ถึงยังไงพวกเขาก็หน้าตาเหมือนๆ กันไปหมด ไม่ต้องดูหรอก”
“แต่ในเมื่อคุณอยากจะให้เรื่องของกู้จิ้งเจ๋อมีความคืบหน้า คุณก็น่าจะทำความรู้จักคู่แข่งซะหน่อยนะครับ”
“กับหล่อนน่ะ ยังไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก” เธอพูดและลุกขึ้นยืนอย่างเยือกเย็น
คนรับใช้ของหญิงสาวยิ้มและพูดว่า “คุณพูดถูกครับ ด้วยสถานะอย่างคุณ จะเอาตัวเองไปเทียบกับหลินเช่อได้ยังไงจริงมั้ยล่ะครับ ถ้าให้ยืนคู่กันละก็ ก็เห็นอยู่แล้วชัดๆ ว่าจะต้องเลือกใคร”