เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 296
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” หลินเช่อเงยหน้าขึ้นยิ้มให้อีกฝ่าย “ฉันไปก่อนนะคะ”
เมื่อพูดจบเธอก็ไม่ได้สนใจชายหนุ่มอีก และกระโดดขึ้นรถไป
เมื่อรถรับส่งขับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลกู้ หลินเช่อก็ก้าวออกจากรถและเดินเข้าบ้าน มันช่างรู้สึกว่างเปล่าซะเหลือเกิน
ป่านนี้กู้จิ้งเจ๋อจะกำลังทำอะไรอยู่นะ กับ…ผู้หญิงคนนั้นที่เหมาะสมคู่ควรกับเขา แถมยังชอบเขามากขนาดนั้นด้วย นี่เขาไปร่วมงานประชุมที่ต่างประเทศกับหล่อนอย่างงั้นเหรอ
แล้วนี่ทำไมเธอถึงต้องปั่นป่วนแบบนี้ด้วยนะ
หลินเช่อสลัดหัว เธอคิดขึ้นได้ว่าน่าจะโทรหาคุณยายดีกว่า จึงรีบต่อสายทันที
เสียงผู้เป็นยายหัวเราะหึๆ มาในโทรศัพท์ “เสี่ยวเช่อ นี่หลานเพิ่งถึงบ้านเหรอจ๊ะ ดึกมากเลยนะเนี่ย”
“ใช่ค่ะ นี่หนูโทรมากวนหรือเปล่าคะ”
“ไม่เลยจ้ะ ยายแก่แล้ว ไม่ค่อยได้นอนซักเท่าไหร่หรอก นี่ก็ยังไม่ได้เข้านอน หลานอยากจะโทรหายายตอนไหนก็ได้ทุกเมื่อ ยายอยู่คนเดียว มีเวลาออกเหลือเฟือจ้ะ”
จริงสินะ คุณยายอยู่ที่นั่นคนเดียวนี่นา
“ถ้างั้น คุณยายคะ…หนูจะไปหาแล้วก็ไปพักอยู่ที่นั่นด้วยซักสองสามวัน ดีมั้ยคะ”
“หือ หลานจะมาที่นี่เหรอจ๊ะ…อ่า แต่ว่าบ้านที่นี่มันเล็กนะ เล็กมาก ถ้าหลานมาที่นี่…หลานคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยจ๊ะ”
“หนูจะว่าทำไมล่ะคะ คุณยายก็ ไม่เป็นไรเลยจริงๆ ค่ะ…”
จากนั้นหลินเช่อก็จัดแจงโทรหาอวี๋หมินหมิ่น และแจ้งว่าเธอจะขอลาหยุดจากกองถ่ายซักสองสามวันเพื่อเดินทางไปเยี่ยมคุณยายในช่วงเวลานั้น
เมื่อผู้จัดการถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่หลินเช่อก็บอกเพียงแต่ว่า คุณยายของเธอแก่มากแล้วและอยากจะมีคนไปอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น
หลินเช่อยังโทรหากู้จิ้งอวี่ด้วย เพื่อบอกเขาว่าเธอจะขอลาพักกองไปเยี่ยมคุณยายเสียหน่อย
เมื่อกู้จิ้งอวี่ได้ยินเขาก็ตอบตกลงทันที รวมถึงบอกให้เธอไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด เพราะตอนนี้งานถ่ายทำลุล่วงไปเกินกว่าตารางการทำงานที่กำหนดไว้แล้ว
เมื่อจัดการทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย หลินเช่อก็ซื้อตั๋วเครื่องบิน
การเดินทางจากเมืองบีไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ทางภาคเหนือต้องใช้เวลาบนเครื่องบินนานสามชั่วโมง และต่อรถไฟอีกสองชั่วโมง
หลินเช่อเก็บรวบรวมสัมภาระต่างๆ และบอกว่าเธอไม่ต้องการให้ใครไปเป็นเพื่อน แค่อยากจะไปใช้เวลาอยู่กับคุณยายเท่านั้น
เมื่อแม่บ้านได้ยินเช่นนั้นก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่หล่อนก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปทักท้วงหลินเช่อ
คนในบ้านจึงทำได้แต่เพียงรีบโทรไปแจ้งกู้จิ้งเจ๋อเท่านั้น
แม้ว่าทั้งสองประเทศจะตั้งอยู่ห่างกันไม่มาก แต่ก็ยังมีโซนเวลาที่แตกต่างกัน
ดังนั้นเมื่อพวกเขาโทรหากู้จิ้งเจ๋อ ชายหนุ่มก็เข้านอนไปเรียบร้อยแล้ว
หลินเช่อออกเดินทางแต่เช้าตรู่ในวันถัดมา
ส่วนทางด้านของกู้จิ้งเจ๋อนั้น
หลังจากตื่นนอน เขาก็มานั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ในบ้านพักของตัวเอง
ลู่ชูเซี่ยเดินพรวดพราดเข้ามาทันที แต่ขณะที่จะก้าวเข้ามาด้านในนั้น บอดี้การ์ดของเขาก็กันเธอเอาไว้เสียก่อน จนหญิงสาวต้องส่งเสียงร้องเรียกอยู่ที่หน้าประตูว่า “พี่จิ้งเจ๋อคะ บอดี้การ์ดของพี่นี่เข้มงวดจังเลยนะ”
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมอง โดยที่มือยังไม่ได้หยุดหั่นเนื้อไก่ที่อยู่บนจานอาหาร เขายังนั่งอยู่ที่เดิมแต่โบกมือเป็นสัญญาณให้ปล่อยหล่อนเข้ามาได้
ลู่ชูเซี่ยเดินเข้ามาหาเขา ทรุดตัวลงนั่งและพูดว่า “ฉันยังไม่ได้กินอะไรมาเลยค่ะ ขอกินด้วยคนได้มั้ยคะ”
กู้จิ้งเจ๋อยกมือบอกให้เตรียมอาหารเพิ่มอีกที่
ลู่ชูเซี่ยพูดต่อไป “เฮ้ แล้วนี่พี่จะทำเฉยชาใส่ฉันแบบนี้น่ะหรือคะ ภรรยาพี่อยู่กับพี่แบบนี้คงเบื่อแย่เลย ท่าทางเขาออกจะเป็นคนร่าเริงไม่ค่อยอยู่นิ่ง แล้วนี่เขาทนอยู่กับคนอย่างพี่ได้ยังไงน้า”
กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตามอง “เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแบบนั้น”
ลู่ชูเซี่ยตอบ “ก็เพราะว่าคนที่มาจากพื้นเพแบบนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการอบรมให้รู้จักสงบเสงี่ยมเรียบร้อยน่ะสิคะ พวกเขาก็เลยมักจะเป็นพวกอยู่ไม่สุข อีกอย่าง น้องสาวของพี่ก็บอกเองด้วยว่าเขาออกจะเป็นคนมีชีวิตชีวา นิสัยต่างกันออกขนาดนี้ มาอยู่ด้วยกันนี่คงเป็นหายนะทีเดียวนะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม “ไม่เลย เราเข้ากันได้ดีมาก เธอคิดมากไปแล้วละ”
หลินเช่อนั้นทั้งสดใสร่าเริง ไม่เคยอยู่นิ่ง แต่เขาก็ชอบที่จะได้ฟังเธอพูดเจื้อยแจ้ว ไม่ว่าเธอจะพูดเรื่องอะไร เขาก็คิดว่ามันน่าสนใจไปซะหมด บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นคนไม่คิดมาก ที่ทำให้หลินเช่อมักจะพูดทุกอย่างออกมาจากใจก็เป็นได้ บางครั้งประโยคที่เธอพูดก็ไม่ได้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุกเพลิดเพลินมากขึ้นไปอีก
ลู่ชูเซี่ยไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก เธอถามขึ้นว่า “ในเมื่อวันนี้ก็ไม่ได้มีกำหนดการอะไร ทำไมเราไม่ออกไปเที่ยวด้วยกันล่ะคะ”
“ฉันมีงานต้องทำน่ะ”
“ถ้างั้นให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนตอนที่พี่ทำงานดีมั้ยคะ เวลาที่เพศตรงข้ามอยู่ด้วยกัน งานที่ทำก็จะดูไม่เคร่งเครียดมากด้วย จริงมั้ยล่ะคะ”
“ขอโทษที ฉันไม่ชอบให้มีคนมาวุ่นวายอยู่ข้างๆ เวลาที่ฉันทำงานน่ะ”
การปฏิเสธอย่างไม่ถนอมน้ำใจใดๆ เช่นนี้ทำให้ลู่ชูเซี่ยเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมาเต็มแก่
เธอไม่เคยเจอผู้ชายที่ไม่ไว้หน้าเธอถึงขนาดนี้มาก่อน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คือกู้จิ้งเจ๋อนี่นะ
เมื่อเธอออกมาจากบ้านพักของเขา หญิงสาวก็ชักนึกอยากรู้เสียแล้วว่าผู้หญิงที่ชื่อหลินเช่อนี้มีดีอะไร ในเมื่อหล่อนเป็นดารา ลู่ชูเซี่ยจึงตัดสินใจที่จะเสิร์ชหาข้อมูลของหล่อนดู
แม้ว่าโทรศัพท์จะอยู่ในมือ แต่ด้วยทิฐิทำให้เธอรั้งตัวเองไว้ไม่ให้ทำเช่นนั้นจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว
แม่หลินเช่อนั่นเป็นแค่ดาราเท่านั้นเอง หล่อนจะคู่ควรมาเป็นคู่แข่งกับเธอได้ยังไงกัน
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะมาแย่งความสนใจของกู้จิ้งเจ๋อไปจากเธอได้ การที่เขาบอกว่าเขาเข้ากันได้ดีกับหลินเช่อนั้น ก็เป็นเพราะว่าเขาแค่ต้องการจะปฏิเสธเธอเท่านั้นเอง
เธอรู้ดี ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด
ถึงยังไงกู้จิ้งเจ๋อก็ยังเป็นกู้จิ้งเจ๋ออยู่วันยังค่ำ เขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น ถ้าเขาติดอกติดใจในความสวยความเย้ายวนง่ายๆ เหมือนผู้ชายคนอื่น เขาก็ไม่ใช่กู้จิ้งเจ๋อน่ะสิ
ไม่ช้าชายหนุ่มก็จัดการภาระงานทั้งหมดที่นี่ได้เสร็จสิ้น และพร้อมแล้วที่จะเดินทางกลับ
เครื่องบินส่วนตัวของเขาบินมาถึงจุดหมายในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่กำลังเดินออกมาตามช่องทางส่วนตัวในสนามบินนั้น เขาก็หันไปเห็นข่าวที่กำลังพูดถึงกู้จิ้งอวี่
ในภาพข่าวเป็นภาพของกู้จิ้งอวี่กับหลินเช่อ และผู้สื่อข่าวขณะกำลังเดินทางไปเยี่ยมกองถ่าย พิธีกรในช่วงข่าวบันเทิงอธิบายอยู่แจ้วๆ ว่า “ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานาน พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนอกจอและมีเคมีที่เข้ากันได้ดีมาก คราวนี้ทั้งคู่ต้องมารับบทเป็นคู่ปรับกัน ซึ่งเราไม่คิดว่านั่นจะตรงกับชีวิตจริงของพวกเขาเลยซักนิด มีข่าวลือเกี่ยวกับความสนิทสนมของทั้งคู่ออกมาก่อนหน้านี้แต่ว่าทั้งคู่ก็ให้การปฏิเสธ ส่วนบรรดาแฟนๆ ต่างก็เฝ้ารอให้คู่จิ้นคู่นี้ลงเอยกันได้เสียที”
กู้จิ้งเจ๋อที่กำลังเดินออกจากสนามบินพร้อมผู้ติดตามอีกคณะใหญ่ หันไปเห็นภาพการแสดงของคนทั้งสองบนหน้าจอ ชายหนุ่มถึงกับชะงักฝีเท้า
เขาเงยหน้าขึ้นและถามคนที่เดินตามมาทางด้านหลังว่า “ทำไมในสนามบินถึงได้นำเสนอข่าวบันเทิงอย่างนี้ล่ะ”
“…”
เจ้าหน้าที่สนามบินรีบรับคำทันที “ขออภัยด้วยครับ ขออภัยด้วยคุณกู้ เราจะรีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย”
พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ากู้จิ้งเจ๋อมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะปกติแล้วชายหนุ่มเป็นคนไม่สนใจข่าวบันเทิง
กู้จิ้งเจ๋อรู้ดีว่าเขาเคยบอกเอาไว้ว่าจะไม่ก้าวก่ายการทำงานของเธอ
เพราะงานองหลินเช่อนั้นรวมถึงการต้องเข้าฉากแสดงร่วมกับคนอื่นๆ
งานของเธอไม่อาจเลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับข่าวลือได้
ซึ่งมันก็ไม่เป็นไรหรอกถ้าเขาไม่ต้องมาเห็น แต่ตอนนี้เขาเห็นมันเต็มสองตาทีเดียว…
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังลุกเป็นไฟ
เขารีบออกมาจากสนามบินและเดินทางกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
เมื่อเดินเข้าประตูมา เขาก็โยนเสื้อนอกและเนกไทไปทางหนึ่ง สาวใช้ที่รีบตามมาทางด้านหลังพูดขึ้นว่า “ท่านคะ”
“ท่านคะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ”
“เมียฉันไปไหน” สีหน้าของเขาบึ้งตึง ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
ปกติแล้วกู้จิ้งเจ๋อไม่ใช่คนโกรธง่าย ต่อให้เขากำลังอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดอยู่ลึกๆ ในใจ เขาก็ไม่ค่อยจะแสดงออกทางสีหน้าเท่าไหร่นัก
แต่บัดนี้ ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้ทั้งนั้น
“นายท่านคะ…อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เราพยายามแจ้งท่านแล้วเมื่อวานนี้ แต่มันดึกมาก แล้วท่านก็เข้านอนไปแล้ว ตอนนี้คุณผู้หญิงออกไปนอกเมืองแล้วค่ะ”
“อะไรนะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ไปไหน แล้วทำไมถึงไม่มีใครบอกฉัน เขาไปกับคุณชายสามหรือเปล่า”
“คุณผู้หญิงขึ้นเครื่องไปเมื่อซักชั่วโมงก่อนที่ท่านจะกลับมานี่เองค่ะ ป่านนี้คงอยู่บนเครื่องแล้ว”
“เขาไปไหนกันแน่”
“คุณผู้หญิงบอกว่าเธอจะไปเยี่ยมคุณยายของเธอค่ะ…”
กู้จิ้งเจ๋อชะงัก