เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 297
ไปเยี่ยมคุณยายงั้นรึ
หลินเช่อขึ้นเครื่องบิน จากนั้นก็ต่อรถไฟก่อนที่จะเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปแสนไกล เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ไกลมาก จึงไม่มีใครจำเธอได้แม้ว่าจะสวมเพียงหมวกแก๊ปและแว่นกันแดดเท่านั้น
แล้วก็คงไม่มีใครที่นี่เชื่ออีกเหมือนกันนั่นแหละ ว่าเธอเป็นดาราที่อยู่ๆ ก็เดินทางมาถึงที่นี่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อหลินเช่อก้าวลงจากรถ คุณยายก็มารอรับเธออยู่แล้ว
หญิงชราอุตส่าห์เป็นฝ่ายเสนอตัวที่จะช่วยหลินเช่อขนสัมภาระด้วยซ้ำ
แต่หญิงสาวรีบบอกว่า “คุณยายคะ ไม่เป็นไรค่ะ หนูยกเองได้ หนูยังเด็กแล้วก็แข็งแรงกว่านะคะ คุณยายไม่ต้องช่วยหนูหรอกค่ะ”
คุณยายยิ้มและบอกว่า “หลานเดินทางมาตั้งไกล ที่นี่ก็ทั้งเล็กทั้งทรุดโทรม หลานคงจะเหนื่อยมากสินะ ต้องนั่งมาในรถไฟเก่าๆ แบบนั้นตั้งหลายชั่วโมง แถมยังเสียงดังหนวกหูอีกต่างหาก ไม่เหมือนรถไฟที่แล่นเงียบๆ ในเมืองพวกนั้น”
“คุณยายคงหมายถึงรถไฟไฮสปีดพวกนั้นละสิคะ นั่นเป็นรุ่นล่าสุด อีกหน่อยที่นี่ก็คงมีรถไฟแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
หลินเช่อไม่ได้ขึ้นรถไฟบุโรทั่งแบบนี้มานานแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรนัก
หมู่บ้านแห่งนี้มีขนาดเล็ก ไม่มีตึกรามสูงใหญ่ให้เห็นได้แต่ไกล ไม่มีโรงแรมหรูหราอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่ถึงกระนั้น อากาศที่นี่ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งดีเหลือเกิน
หลินเช่อและคุณยายรีบพากันเดินจากสถานีกลับไปที่บ้าน
ระหว่างทาง ผู้คนมากมายต่างพากันสงสัยใคร่รู้ในตัวบุคคลแปลกหน้าที่เดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้
“คุณยายชิว แม่สาวน่ารักนั่นเป็นใครกันหรือจ๊ะ”
ชิวซูอวิ๋นยิ้มพลางตอบว่า “นี่หลานสาวฉันเองจ้ะ”
“ว้าว หลานสาวกลับมาเยี่ยมหรือคะ เห็นคุณยายเล่าเรื่องเธอให้ฉันฟังบ่อยๆ ไม่คิดเลยว่าจะสวยขนาดนี้”
“ใช่จ้ะ หน้าเหมือนแม่เขาไม่มีผิดนั่นแหละ”
“เขาแต่งตัวหรูจังเลยนะคะ เห็นปุ๊บก็บอกได้เลยว่าต้องมาจากเมืองใหญ่แน่ๆ”
“ใช่จ้ะ ใช่ เขามาจากเมืองบีน่ะจ้ะ”
เพื่อนบ้านของคุณยายทุกคนล้วนแต่ดูพื้นๆ เป็นชาวบ้านธรรมดา พวกเขาต่างออกมายิ้มแย้มทักทายหลินเช่อเป็นอันดีเมื่อเห็นเธอ
หญิงสาวอดเขินไม่ได้เมื่อได้ยินคำชม เธอจึงได้แต่ก้มหน้าและเดินตามคุณยายเข้าไปในบ้าน
บ้านน้อยหลังนั้นขนาดราวห้าสิบตารางเมตร ดูเก่าแก่เจียนพัง
หลินเช่อหันมองหญิงชราด้วยความสะท้อนใจ
คุณยายพูดขึ้นอย่างอายๆ ว่า “มันทั้งเล็กแล้วก็ทั้งสกปรก หลานอาจจะไม่ชินกับอะไรแบบนี้”
“ไม่เลยค่ะ ที่นี่สะอาดมาก แต่ออกจะเก่าไปหน่อยเท่านั้น เดี๋ยวอยู่ไปก็ชินเองนั่นแหละค่ะ หนูปรับตัวง่ายออก นี่เป็นบ้านของคุณยายนะคะ ก็เท่ากับว่าเป็นบ้านของหนูด้วยเหมือนกัน แล้วหนูจะไม่ชินกับบ้านตัวเองได้ยังไงกันคะ”
“จ้ะ ใช้จ้ะ ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวหนู” คำพูดของหญิงสาวทำให้คุณยายใจชื้นขึ้น หล่อนรีบขะมักเขม้นออกมาเตรียมอาหารให้หลินเช่อทันที
ทีแรกหลินเช่อไม่อยากให้หญิงชราต้องวุ่นวาย แต่ในเมื่อหลานสาวอุตส่าห์มาเยี่ยมถึงบ้าน คุณยายก็อยากจะทำอาหารให้ทานเพื่อแสดงถึงความรัก หลินเช่อจึงไม่อาจปฏิเสธได้
ครู่เดียว คุณยายก็ยกชามบะหมี่ออกมา หลินเช่อรับประทานและคิดว่าเส้นหมี่นั้นหอมมาก
“อร่อยมั้ย” คุณยายถามอย่างเป็นกังวล
หลินเช่อพยักหน้า “อร่อยค่ะ นี่เหมือนที่แม่เคยทำให้หนูกินเลย”
“อา แม่ของหลาน ยายก็เลี้ยงเธอมาแบบนี้เหมือนกัน เราจนกันมาก แต่ก็ไม่เคยให้เธอต้องลำบาก ทำงานหนัก แม่ของหลานก็เลยได้หัดทำแค่บะหมี่นี่แหละ”
หลินเช่อมองคุณยาย และยกแขนขึ้นโอบรอบตัวเธอ “คุณยายดีที่สุดเลยค่ะ แม่เองก็คิดถึงคุณยายมากเลยนะคะ”
ในช่วงบ่าย หลินเช่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปเดินเล่นข้างนอกกับคุณยาย
ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ แต่ทิวทัศน์นับว่าสวยไม่เลวทีเดียว ไม่วุ่นวายจอแจเหมือนเมืองใหญ่ และไม่ได้มีผู้คนเดินขวักไขว่ให้เห็นนัก
ใครๆ ต่างก็หันมองหลินเช่อด้วยความสงสัย
คุณยายกำลังเก็บผักอยู่ข้างนอก เมื่อเพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาดูหลินเช่อ หล่อนพูดขึ้นว่า “แม่สาวคนนี้ดูบอบบางน่าทะนุถนอมจังเลยนะ เธอคงไม่เคยทำงานหนักเลยละสิ แต่ก็นั่นแหละ คนในเมืองใหญ่ๆ เขาไม่ค่อยต้องตรากตรำทำงานกันเท่าไหร่”
หลินเช่อยิ้มและบอกว่า “ไม่หรอกค่ะ เราทุกคนก็ทำงานหนักด้วยกันทั้งนั้นนั่นแหละ ฉันโชคดีที่ได้ผิวดีๆ จากคุณยาย ตอนคุณยายยังสาวน่าจะผิวดีกว่าฉันซะอีกค่ะ”
“แหม แม่สาวคนนี้ปากหวานจริงนะ แบบนี้สิเขาถึงได้เรียกว่าคนเมือง พูดอะไรไพเราะน่าฟังจริง ว่าแต่แม่สาวคนนี้แต่งงานหรือยังล่ะจ๊ะ”
หลินเช่อชะงัก ยิ้มค้างลังเลที่จะตอบ
เธอแต่งงานมีสามีแล้ว แต่ว่า…
หลินเช่อยิ้มและพยักหน้า
คุณยายยิ้มและอธิบายว่า “เสี่ยวเช่อของเราแต่งงานมีความสุขไปแล้วละจ้ะ สามีของเธอดูแลปกป้องเสี่ยวเช่อดีมาก แล้วเธอก็อยู่ในบ้านหลังมหึมาทีเดียว เขาทั้งร่ำรวยแล้วก็ปฏิบัติต่อเสี่ยวเช่อเป็นอย่างดี”
เพื่อนบ้านทำท่าไม่อยากเชื่อ “ว้าว ฟังดูดีจังเลยนะ มีผู้ชายที่ดีขนาดนั้นอยู่บนโลกนี้ด้วยเหรอเนี่ย”
ผู้ชายรวยมักจะนิสัยไม่ดี คนส่วนใหญ่รู้สึกเช่นนั้น
แต่คุณยายก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร เพียงแต่บอกว่า “จ้ะ จิ้งเจ๋อเป็นคนดีมาก เสี่ยวเช่อโชคดีมากจริงๆ”
ใช่ เธอควรจะพอใจสิ ใครๆ ต่างก็อิจฉาเธอกันทั้งนั้น เธอควรจะรู้ตัวว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน
กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนดีมาก ทั้งร่ำรวย หล่อเหลา แล้วก็ดีกับเธอ
มีการแต่งงานตั้งมากมายที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลฉาบฉวย มีการแต่งงานซักกี่ครั้งกันที่เกิดขึ้นเพราะความรักจริงๆ น่ะ
เธอเองนั่นแหละที่ละโมบไม่รู้จักพอและอ่อนไหวไปกับเรื่องนี้
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
หญิงสาวก้มลงมองแล้วก็ได้เห็นชื่อของกู้จิ้งเจ๋อ เขากลับมาแล้วเหรอ แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงโทรหาเธอล่ะ
หลินเช่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
ในโทรศัพท์ กู้จิ้งเจ๋อถามขึ้นด้วยน้ำเสียงของผู้ออกคำสั่ง “ทำไมอยู่ๆ เธอถึงไปเยี่ยมคุณยายแบบนี้”
หลินเช่อหันไปมองใบไม้ที่อยู่ริมถนน “ไม่มีเหตุผลอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่คิดถึงคุณยายเท่านั้นเอง ทำไมหรือคะ”
“จริงรึ แค่เพราะเธอคิดถึงคุณยายเนี่ยนะ แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันก่อนหน้านี้ล่ะ”
“ก็คุณไม่อยู่ไม่ใช่หรือคะ”
ก็เขาไปร่วมการประชุมกับลู่ชูเซี่ยอยู่ไม่ใช่หรือไงเล่า
หลินเช่อนึกถึงภาพนั้นแล้วก็อดอึดอัดใจไม่ได้
คู่แต่งงานที่ตัวติดกันควรจะเป็นแบบนี้สินะ คนสองคนทำงานหนักเคียงบ่าเคียงไหล่กัน เดินทางไปทำงานด้วยกัน พูดคุยปรึกษากัน
แต่เธอโง่เกินไป เธอไม่เข้าใจงานของกู้จิ้งเจ๋อเลยแม้แต่น้อย
“ถึงจะไม่อยู่แต่ฉันก็รับโทรศัพท์ได้นี่!” เสียงเขากร้าวขึ้น
“ฉัน…ฉันกลัวว่าจะไปรบกวนการทำงานของคุณน่ะค่ะ”
“หลินเช่อ ทำไมเธอถึงพูดจาแปลกๆ อย่างนี้ มีอะไรรึเปล่า” เขาเริ่มสงสัย
ทำไมอยู่ๆ เธอถึงหนีไปหลังจากที่ไปถ่ายหนังกับกู้จิ้ิ้งอวี่
“เอาละ ฉันจะวางสายแล้วนะคะ ฉันต้องไปช่วยคุณยาย” เธอบอกและรีบตัดสายทันที
คุณยายเงยหน้าขึ้นมองและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ นั่นจิ้งเจ๋อรึเปล่า”
“อา…ใช่ค่ะ”
“เขาว่ายังไงบ้างล่ะ เป็นห่วงที่หลานมาที่นี่หรือเปล่า”
“เปล่าหรอกค่ะ เขาแค่โทรมาถามอะไรนิดหน่อยเท่านั้น มาเถอะค่ะคุณยาย หนูจะช่วยขนผักพวกนี้ไปเองนะคะ”
ชีวิตในเมืองเล็กๆ เช่นนี้ เรียบง่าย และเชื่องช้า
เวลาในยามบ่ายค่อยๆ ผ่านพ้นไปทีละน้อย
จนกระทั่งพระอาทิตย์ใกล้ตก
อยู่ๆ ก็มีขบวนรถยนต์แล่นเข้ามาที่ถนน ดึงดูดสายตาของทุกคนให้หันไปมอง
ชาวบ้านหลายคนโผล่ศีรษะออกมามองนอกบ้านด้วยความสงสัย
คุณยายได้ยินเสียงบางอย่าง
เธอจึงโผล่หน้าออกไปดูนอกประตู