เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 298
ก่อนจะผลุบกลับเข้าไปในบ้านโดยเร็วและร้องเรียกหลินเช่อด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวเช่อ เสี่ยวเช่อจ๊ะ รีบออกมาดูเร็วเข้า นั่น…นั่นจิ้งเจ๋อใช่รึเปล่า”
หลินเช่อกำลังช่วยพับผ้าอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงคุณยายร้องเรียก เธอก็ยังคงทำงานง่วนอยู่ตามเดิม
“อะไรคะ เมื่อกี้คุณยายว่าอะไรนะคะ”
“นั่นจิ้งเจ๋อนี่ นั่นจิ้งเจ๋อ ใช่รึเปล่า”
จิ้งเจ๋อ…กู้จิ้งเจ๋อน่ะเหรอ หลินเช่อรีบกระโดดผึงลงจากเตียงทันที
“ไม่มีทาง…” เขาจะมาที่นี่ทำไม
หลินเช่อวิ่งออกไป
เธอเปิดประตูแล้วก็ได้เห็นขบวนรถจอดเรียงรายเป็นแถวอยู่ที่ด้านนอก ดูยิ่งใหญ่อลังการเหมือนการมาถึงของชายหนุ่มจริงๆ เสียด้วย
หลินเช่อยืนนิ่ง เธอไม่รู้ว่าทำไมกู้จิ้งเจ๋อถึงมาที่นี่…
เขามาที่นี่เพื่อตามหาเธองั้นหรือ
แล้วเขาจะถ่อมาไกลถึงนี่เพื่อตามหาเธอทำไมกัน
ที่นี่ทั้งรกแล้วก็สกปรก แถมเก่าแก่เจียนพัง แล้วกู้จิ้งเจ๋อผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งจะมาที่แบบนี้ด้วยเหตุอะไร
แต่เขาก็มาแล้ว…
หลินเช่อหันไปมองข้างนอก ริมฝีปากเผยออ้า เธอมองเห็นประตูรถค่อยๆ เปิดออกช้าๆ แล้วกู้จิ้งเจ๋อก็ก้าวออกมา สีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเซียว ท่าทางเงียบขรึมเยือกเย็น
ความหม่นหมองของชายหนุ่มทำให้หลินเช่ออดรู้สึกแบบเดียวกันไม่ได้
“กู้จิ้งเจ๋อ คุณ…”
เขาเริ่มออกเดิน เมื่อสายตาเขาหันมามองที่เธอ ดวงตาคู่นั้นดูจะยิ่งขุ่นมัวมากขึ้นไปอีก
ผู้หญิงคนนี้…
อยู่ๆ เธอก็หนีมา แถมยังกล้าวางสายใส่เขาอีกต่างหาก เดี๋ยวนี้ชักจะดื้อดึงใหญ่แล้วนะ
เขารู้ดีว่าความใกล้ชิดคุ้นเคยทำให้หลินเช่อยิ่งทำอะไรตามใจตัวเองอย่างไร้กฎระเบียบ
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่มีอำนาจอะไรเหนือเธออยู่นั่นเอง ก็เขาจะทำอะไรได้ล่ะ
ก็ดูเขาสิ อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่เลยไม่ใช่รึ
เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ และเป็นฝ่ายยอมให้เธอชนะอีกครั้งหนึ่ง
เขาสาวเท้าเข้ามาทีละก้าว ดินลูกรังสีแดงถูกบดอยู่ใต้ฝ่าเท้าของกู้จิ้งเจ๋อ ยามที่เขาค่อยๆ เดินตรงเข้ามาหาเธอ
“อะไร นี่เธอคิดว่าตัวเองเห็นผีอยู่หรือไง ทำไมถึงได้ทำหน้าแบบนั้น”
เขาอุตส่าห์มาถึงที่นี่ แต่เธอกลับทำหน้าแบบนั้นใส่เขา อย่างนี้หมายความว่ายังไง
หลินเช่อคิดว่าเธอเห็นผีจริงๆ น่ะสิ ไม่อย่างงั้นเธอจะเห็นเขาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ
“คุณมาที่นี่ทำไมคะ ที่นี่มัน ไกลออกจะตาย…” หลินเช่อกวาดตามองเขาขึ้นๆ ลงๆ
เขาอยากบีบคอเธอให้ตายคามือนัก
“ทำไม ไม่ดีใจที่เห็นฉันหรือไง” ชายหนุ่มเสียงเขียว
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่…” เธอจะไม่ดีใจได้ยังไงกัน
การที่อยู่ๆ ได้เห็นเขาแบบนี้มันช่วยเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเธอได้ในพริบตาทีเดียว
เพียงแต่ตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออกเท่านั้นเอง
หลินเช่อจึงทำได้แต่เพียงยืนทื่อจ้องเขาอยู่แบบนั้น เพราะเธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“แต่ว่าแล้วคุณมาทำไมคะเนี่ย”
“ก็เพราะว่าเธอบังอาจตัดสายฉันน่ะสิ เพราะอย่างนี้ฉันถึงต้องมาจัดการเธอ”
เขาพูดพลางเอื้อมมือมาหยิกแก้มเธอ หยิกแรงเสียจนหลินเช่อเจ็บ
“โอ๊ย! เจ็บนะคะ” คราวนี้เขาเล่นบทโหดจริงๆ เสียด้วย มันเจ็บเสียจนหลินเช่อต้องร้องลั่น
กู้จิ้งเจ๋อกระหน่ำต่อทันที “ยังรู้อีกเหรอว่าเจ็บเป็นยังไงน่ะ”
ยัยผู้หญิงไร้หัวใจคนนี้ยังรู้จักความเจ็บปวดอยู่อีกหรือ ชายหนุ่มนึกสงสัย
หลินเช่อตอบ “รู้สิคะ ฉันยังไม่ตายซะหน่อย ฉันยังเจ็บเป็นนะ”
กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตามองใบหน้าเล็กๆ ของอีกฝ่าย หลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้ามาสองสามวัน ท่าทางเหมือนว่าหลินเช่อจะซูบผอมลงผิดตา
ช่วงที่ผ่านมาเธอไปทำอะไรมานะ ถึงได้ดูแย่ขนาดนี้
เธอทำกับเขาขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงยังปวดใจเมื่อได้เห็นสภาพย่ำแย่ของเธออยู่อีก
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชายใจง่าย ไม่อย่างงั้นหลินเช่อก็คงไม่ทำอะไรตามใจตัวเองขนาดนี้หรอก ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาพะเน้าพะนอเอาใจเธอมากเกินไปนี่แหละ
คุณยายออกมายืนมองทั้งคู่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อยืนอยู่กับหลานสาว ชิวซูอวิ๋นก็รู้สึกดีใจเป็นที่สุด
เธอไม่คิดว่ากู้จิ้งเจ๋อจะยอมกลับไปง่ายๆ และคราวนี้หลินเช่อคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็คงต้องกลับไป
การที่หลานสาวของเธอจะมาถึงที่นี่ได้ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ชิวซูอวิ๋นคงทนเห็นหลินเช่อต้องกลับไปไม่ได้
คุณยายยิ้มเมื่อเดินเข้าไปหาทั้งคู่และบอกว่า “เอาละๆ ยังมัวแต่ยืนกันอยู่นั่น มาเถอะรีบเข้าบ้าน ข้างนอกนี่หนาวออกจะตาย”
“คุณยายครับ ขอโทษด้วยที่มารบกวนกะทันหัน”
คุณยายยิ้ม “รบกวนอะไรกัน ยิ่งเห็นเธอมาที่นี่ฉันก็ยิ่งดีใจเสียอีก ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นแค่บ้านหลังเล็กๆ ธรรมดาก็เถอะนะ”
“ไม่หรอกครับ มันใช้ได้เลย” ชายหนุ่มบอก
หลินเช่อเหลือบมองกู้จิ้งเจ๋อผู้งามสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วจากด้านข้าง
ดูเอาเถอะ เมื่อกี้ยังฟาดงวงฟาดงาใส่เธออยู่เลย แต่พอมาตอนนี้กลับพูดจากับคนอื่นซะดิบดีเชียว
แล้วอย่างนี้ยังจะกล้าเถียงอีกเหรอว่าไม่ได้มีอคติกับเธอน่ะ
เขาก็เอาแต่ดุเธออยู่คนเดียวนี่แหละ เชอะ
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองรอบบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในพร้อมหลินเช่อ
เขาส่งสายตาให้คนของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังว่าให้ออกไป
เพดานบ้านนั้นค่อนข้างต่ำ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับหลินเช่อและคุณยาย
แต่กู้จิ้งเจ๋อนั้นสูงเกินไป เขาต้องก้มศีรษะลงเพื่อลอดผ่านประตูเข้าไป
เมื่อเข้าไปในบ้านแล้ว ศีรษะของเขาก็แทบจะติดเพดานเลยทีเดียว
คุณยายหันมาเห็นจึงพูดว่า “ที่นี่…ที่นี่เล็กเกินไป เห็นมั้ย เห็นมั้ย…เป็นยังไงบ้างล่ะนั้น ลำบากรึเปล่าจ๊ะ”
กู้จิ้งเจ๋อเหลียวมองรอบตัวและคิดว่า ที่นี่ธรรมดาจนเกินไป แต่เขาก็ตอบกลับไปอย่างมารยาทดีว่า “ไม่เป็นไรครับ คุณยาย ใช่ว่าผมจะไม่เคยอยู่ในบ้านแบบนี้ซะเมื่อไหร่ ผมเคยไปเป็นครูอาสาสอนหนังสือให้เด็กๆ ก็ต้องพักในบ้านแบบนี้เหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอกครับ”
หลินเช่อหันไปมองเขาด้วยความแปลกใจ “อะไรนะคะ คุณน่ะเหรอคะเคยเป็นครูอาสา”
กู้จิ้งเจ๋อหันมามองหญิงสาว “ที่บ้านน่ะเต็มไปด้วยกฎระเบียบ กองทัพ ครูอาสา และการอยู่ตามลำพังในต่างประเทศ กิจกรรมพวกนี้ช่วยให้เราเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิต”
“อา แต่คุณไม่เคยกินบะหมี่สำเร็จรูปด้วยซ้ำ”
“…” หันไปมองเธอ “การต้องพึ่งพาตัวเองไม่เกี่ยวอะไรกับการกินอาหารขยะซักหน่อยนี่ เวลาออกไปข้างนอก ฉันก็กินอาหารท้องถิ่น ไม่กินบะหมี่สำเร็จรูป”
“เหอะ การพึ่งพาตัวเองโดยไม่กินบะหมี่สำเร็จรูป ผลลัพธ์ก็มักจะออกมาน่าเศร้าแบบนี้แหละนะ”
“…” ชายหนุ่มตวัดสายตามองท่าทีดูแคลนของหลินเช่อ
ยังจะมีหน้ามาทำตัวยโสใส่เขาอีกนะ สำหรับผู้หญิงคนนี้ ความขี้เกียจ อุปนิสัยแย่ๆ พวกนี้คือตัวตนที่น่าภูมิใจหรือยังไงกัน
แต่เขาก็ยังนึกแปลกใจกับยัยผู้หญิงขี้เกียจนิสัยไม่ดีคนนี้ ว่าทำไมตัวเขาเองถึงต้องคอยเป็นห่วงเป็นใยถึงขนาดต้องตามมาถึงสถานที่ไกลขนาดนี้เพื่อตามหาเธอด้วย
แต่สำหรับครั้งนี้ เขามีความรู้สึกที่บ่งบอกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ และถ้าเขาไม่มา เขาจะไม่สามารถทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกเลย
ราวกับว่าการไม่มาที่นี่จะทำให้เขาต้องพลาดอะไรบางอย่างไป
ด้วยเหตุนี้ หัวใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กระสับกระส่ายร้อนรุ่ม ทันทีที่วางสายจากเธอ กู้จิ้งเจ๋อก็ออกเดินทางมายังที่แห่งนี้ทันที
คุณยายหันไปหาชายหนุ่ม “เอาละ ถ้าอย่างงั้น ฉันจะไปทำอาหารละนะ พวกเธอสองคนนั่งคุยกันไปก่อนก็แล้วกัน”
“คุณยายคะ หนูช่วยเองค่ะ” หลินเช่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มแล้วก็นึกอยากจะเผ่น
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว ยัยนี่กำลังหนีอะไรอยู่นะ
คุณยายรีบยิ้มและบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอสองคนไม่ได้เจอกันมาสองสามวันแล้ว คงมีเรื่องให้ต้องคุยกันเยอะ แล้วหลานก็ไม่รู้จักวิธีใช้ข้าวของในบ้านนี้ด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องช่วยหรอกจ้ะ เดี๋ยวยายจัดการเอง”
กู้จิ้งเจ๋อสำทับต่ออีกว่า “ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้วิธีใช้ข้าวของหรอก แต่เธอทำอาหารไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ
เขาคว้าข้อมือเธอไว้แล้วทำตาเขียวใส่ ไม่ยอมให้เปิดหนีไปง่ายๆ
“กลับมานี่ ทำไมถึงจะหนีไม่ยอมคุยกับฉัน”
ใครบอกกันล่ะว่าเธอจะหนี ไม่มีทาง