เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 304
โดยไม่มีวี่แววอะไรให้เห็นเลย เขากลับทำทุกอย่างเรียบร้อย แถมยังทำได้ดีเสียด้วยสิ
หลินเช่อหันมองชายหนุ่ม และรู้สึกหลงใหลในตัวเขายิ่งขึ้นไปอีก ทำไมเธอถึงได้มีสามีที่วิเศษขนาดนี้นะ
“ทำไมอยู่ๆ คุณถึงได้ลุกขึ้นมาทำทั้งหมดนี้ให้คุณยายล่ะคะ ไม่เห็นบอกอะไรให้ฉันรู้บ้างเลย”
“ก็สมองเธอมันมีแค่นี้ จะไปคิดอะไรได้ซักเท่าไหร่กันล่ะ ฉันคิดได้มากกว่านี่” เขากลอกตาใส่เธอ
หลินเช่อบุ้ยปาก “ความจริงที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้โง่เท่าไหร่ แต่คำพูดของคุณนี่แหละที่ทำให้ฉันยิ่งดูโง่เง่ากว่าเดิมซะอีก ไม่รู้หรือไงคะว่าคนเราก็ต้องการกำลังใจ ถ้าคุณยังเอาแต่ตำหนิฉันแทนที่จะชื่นชมละก็ สุดท้ายฉันคงกลายเป็นคนโง่ไปจริงๆ แน่”
“ช่างเถอะ ตราบใดที่เธออยู่กับฉัน เธอก็ไม่จำเป็นต้องฉลาดหรอก” เขาย้อนเข้าให้อีก “เรื่องของเรื่องก็คือ ตัวเธอเองก็ไม่มีอะไรให้ชมเลยซักอย่างนี่สิ”
“…” หลินเช่ออยากฉีกปากคนพูดนัก
ผู้ชายคนนี้ดีเลิศไปเสียทุกอย่าง เขาดีกับทุกคน ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคน แต่พอกับเธอ ทำไมเขาถึงได้ปากเสียอย่างนี้นะ ทำไมเขาถึงชอบล้อปมด้อยเธอนัก
หลินเช่อมองดูเขาและคิด จริงสินะ ตั้งแต่เธอมาอยู่กับเขา เธอก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรในชีวิตอีกเลย เขาคิดแก้ปัญหาให้เธอได้หมดทุกสิ่งอย่าง
แต่ถ้าวันหนึ่งเธอเกิดไม่มีเขาอีกแล้วล่ะ เธอจะต้องกลายเป็นผู้หญิงซื่อบื้อที่ทำอะไรไม่เป็นเพราะมีเขาคอยพะเน้าพะนอจนเคยตัว แล้วต่อไปเธอมิตายรึ
หญิงสาวถอนใจแล้วหันไปมองดูกู้จิ้งเจ๋อ
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็สั่งให้คนของเขาจัดการขนย้ายข้าวของของคุณยาย
คุณยายใช้ชีวิตเรียบง่ายก็จริง แต่ด้วยความที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานาน ข้าวของจึงมีอยู่มากมาย
ชายหนุ่มปล่อยให้คนของเขาส่วนหนึ่งจัดการขนของ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ตระเตรียมบ้านหลังใหม่ให้พร้อม นับเป็นความวุ่นวายโกลาหลที่ทำให้ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะออกมาชะเง้อชะแง้ดู
เพื่อนบ้านคนหนึ่งถามขึ้นว่า “คุณยายชิว จะย้ายไปอยู่ที่ไหนหรือครับ”
คุณยายหันไปบอกเพื่อนบ้านด้วยความเป็นสุขใจว่า “หลานเขยฉันซื้อบ้านให้น่ะจ้ะ ฉันจะย้ายไปอยู่ที่นั่น”
“เป็นบ้านสร้างใหม่หรือครับ นั่นแพงอยู่นะ หลานเขยคุณยายใจดีจังเลย”
“ใช่จ้ะ พวกเขามีน้ำใจมาก ฉันพูดอะไรไม่ถูกเลย”
เพื่อนบ้านพากันพูดคุยเสียงเอ็ดอึงขณะที่เฝ้ามองการขนย้ายข้าวของ นับเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
บางคนนึกสงสัยว่าคนเหล่านี้กำลังทำอะไรกัน เพราะทุกคนล้วนแต่แต่งกายเหมือนกัน ท่าทางก็ดูเย็นชาน่ากลัวเหมือนๆ กันอีก แถมยังรับคำสั่งจากเฉพาะกู้จิ้งเจ๋อเท่านั้น
ในที่สุดทุกอย่างก็ถูกย้ายไปยังบ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อย คนของกู้จิ้งเจ๋อจัดการทำความสะอาดบ้านจนเอี่ยมอ่อง จนไม่มีฝุ่นหลงเหลือแม้แต่นิดเดียว เพราะชายหนุ่มสังเกตว่าคุณยายมักจะมาทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน แต่คราวนี้ท่านคงจะไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ อีกแล้ว ซึ่งคุณยายอาจจะยังไม่ชินนัก
หลินเช่อเองก็ช่วยเก็บสัมภาระ ก่อนจะออกมายืนพักอยู่กับคุณยายที่ด้านนอกบ้าน
คุณยายยิ้มและพูดขึ้นว่า “ชีวิตนี้ยายไม่เคยได้อยู่ในบ้านสวยๆ แบบนี้มาก่อนเลย ดูเหมือนว่ายายจะไปรบกวนเงินทองของเสี่ยวเช่อเข้าแล้วนะเนี่ย”
หลินเช่อตอบว่า “คุณยายคะ ไม่ได้รบกวนอะไรเลยค่ะ ต่อไปหนูจะหาเงินให้มากกว่านี้เอาไว้ให้คุณยายใช้นะคะ”
“ช่างเถอะจ้ะ หลานเก็บเอาไว้ดีกว่า ยายไม่เคยได้เลี้ยงดูหลานมาเลยซักนิด จะไปเบียดเบียนหลานอย่างงั้นมันก็ไม่ถูก”
หลินเช่อว่า “อย่าพูดแบบนั้นสิคะ คุณยาย คุณยายอาจจะไม่ได้เลี้ยงดูหนู แต่ก็เลี้ยงดูแม่ของหนูมา นี่เป็นเรื่องของสายเลือด เป็นเรื่องที่ทำกันมานะคะ แม่อาจจะไม่มีโอกาสได้ดูแลคุณยาย แต่คุณยายก็เลี้ยงดูท่านด้วยความยากลำบากมาหลายปี ถ้าจะมาคิดกำไรขาดทุนกันในเรื่องแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องไม่ดีเลย จริงมั้ยคะ”
ดวงตาของคุณยายเอ่อคลอด้วยน้ำตา เธอมองดูหลานสาวและกุมมือเธอไว้ ก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวเช่อ แม่ของหลานสอนหลานมาดีจริงๆ เลยนะ”
หลินเช่อยิ้มตอบ เธอหันไปและได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อกำลังยืนมองเธออยู่
เธอรู้สึกเขินอายกับสายตาเขาจึงหันกลับมา แต่ก็อดที่จะแอบหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านหลังไม่ได้
กู้จิ้งเจ๋อยังคงจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไร
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย คุณยายก็เตรียมอาหารสำหรับการขึ้นบ้านใหม่
หลินเช่อออกไปช่วยหยิบของบางอย่างและได้เห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อเดินตามเธอออกมา
หญิงสาวหันไปบอกเขาว่า “คุณไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันทำเอง”
เขาตอบว่า “ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องทำอะไรหรอก เธอจะเอาอะไรบ้างเดี๋ยวฉันยกไปให้เอง”
หลินเช่อยิ้มแล้วชี้ไปยังจานที่วางอยู่ในตู้เก็บ
เขาเอื้อมขึ้นไปหยิบมันมาอย่างง่ายดาย
ตัวสูงก็ดีอย่างนี้เอง
เขาบอกว่า “ถ้าเธอพูดจาแบบนั้นกับฉันบ้างก็คงจะดีเหมือนกันนะ”
“พูดแบบไหนคะ”
“ก็คำพูดแบบที่เธอพูดกับคุณยายเมื่อกี้น่ะสิ”
หลินเช่อนึกอายเมื่อรู้ว่าเขาได้ยินสิ่งที่เธอพูด เธอกลัวว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นพวกอารมณ์อ่อนไหวหรือเปล่า
“ทำไมคะ ก็แค่พูดกันธรรมดา อีกอย่าง บางครั้งคุณก็พูดจาแรงๆ กับฉันเหมือนกัน แล้วทีอย่างงี้อยากจะให้ฉันพูดดีๆ ด้วย”
“แต่ฉันไม่คิดนี่นาว่าเธอจะรู้สึกอะไรด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเธอต่ำเกินไปสินะ” กู้จิ้งเจ๋อว่า
“คุณหมายความว่ายังไงคะ” เธอถามเขาพลางกะพริบตา ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด
ร่างสูงก้มหน้าแล้วทอดถอนใจ สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเล็กเรียว และโดยไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแต่เงยหน้าและตอบว่า “ไม่มีอะไร”
หลินเช่อท้วง “อะไรกันคะ นี่คุณจะไม่พูดให้จบหรอกเหรอคะ”
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอซื่อบื้อขนาดนี้ ฉันคงไม่พูดให้จบหรอก”
ยัยนี่ไม่เข้าใจเลยหรือไงว่าเขากำลังชมเธออยู่น่ะ
ช่างซื่อบื้อจนน่าเศร้าจริงๆ
หลินเช่อหงุดหงิด แต่ก็ไม่อยากจะทะเลาะกับเขา เธอเงยหน้าขึ้นและบอกว่า “แต่ครั้งฉันก็ยังต้องขอบคุณคุณอยู่ดีแหละค่ะ ที่อุตส่าห์ทำเพื่อคุณยายมากขนาดนี้”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “มันก็เป็นหน้าที่ของฉันเหมือนกัน”
“จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไงกันล่ะคะ มันเป็นหน้าที่ของฉันต่างหาก”
“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะว่าฉันเป็นสามีของเธอน่ะสิ” เขาเคาะหัวเธอและพูดอีกว่า “ฉันก็เลยทนเห็นคุณยายต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ในขณะที่ฉันอยู่ในวิลล่าไม่ได้ เพราะเราทนเห็นท่านต้องอยู่อย่างลำบากไม่ได้ เราก็เลยต้องทำทุกอย่างที่เราพอจะทำได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ ที่เขาพูดกันน่ะไม่ผิดหรอกนะ ถ้าพ่อแม่ยังต้องทำงานหนัก แล้วเราจะไปมีความสุขกับชีวิตได้ยังไงกัน”
หลินเช่อพยักหน้ารับโดยแรง และมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ “ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณยายจะต้องมีเหตุผลที่จะต้องมาเยี่ยมฉันแล้วละ สายเลือดเนี่ยเป็นสิ่งที่ฝังลึกและยืนนานจริงๆ นะคะ บางทีเราอาจจะไม่มีทางเข้าใจมันได้เลย”
“ใช่ มาเถอะ เข้าไปกินข้าวกันดีกว่า” เขายกแขนขึ้นโอบไหล่เธอ
เขารู้มาตลอดว่าหลินเช่อเป็นคนจิตใจดี
เขามองดูหญิงสาวแล้วก็อดยิ้มให้เธอไม่ได้
ทั้งสามคนค้างคืนในบ้านหลังใหม่นั้น
สองวันต่อมา ก็ได้เวลาที่หลินเช่อจะต้องกลับไปยังเมืองบีแล้ว
หญิงสาวบอกลาคุณยายซึ่งส่งยิ้มและพูดว่า “ยายอยู่ที่นี่ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ อย่าห่วงเลย ตั้งใจทำงานเถอะ แล้วก็ดูแลจิ้งเจ๋อให้ดี อยู่ด้วยกันให้ราบรื่น แค่นั้นยายก็หมดห่วงแล้วละ”
หลินเช่อพยักหน้าหนักแน่น “หนูจะมาเยี่ยมบ่อยๆ นะคะ”
“จ้ะ ยายจะคอยดูหลานในโทรทัศน์ทุกวันเลย”
“โอเคค่ะ งั้นหนูจะขยันออกทีวีให้บ่อยขึ้นนะคะ” หลินเช่อชูกำปั้นพลางหัวเราะ