เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 317
ลู่ชูเซี่ยรู้ตัวดีว่าตัวเองใช้คำพูดไม่ค่อยเข้าท่านัก จึงรีบฉีกยิ้มและบอกว่า “ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ หนูก็แค่สงสัยเท่านั้นเองน่ะค่ะ เพราะพอได้เห็นหลินเช่อแล้ว รู้สึกว่าดูไม่ใช่สเป็กของพี่จิ้งเจ๋อเลย แล้วอยู่ๆ ก็ยังมาแต่งงานกันเงียบๆ อีก”
มู่หว่านฉิงหัวเราะและบอกว่า “การจะได้เจอคนที่เหมาะสมน่ะมันขึ้นอยู่กับโชคทั้งนั้นแหละจ้ะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าคนสองคนจะเข้ากันได้ดีแค่ไหน ดูที่จิ้งเจ๋อหลงรักหลินเช่อเอามากๆ ตอนนี้ซิจ๊ะ แล้วจะบอกว่าเขาไม่ใช่สเป็กจิ้งเจ๋อได้ยังไงกัน”
ลู่ชูเซี่ยชะงักไปก่อนจะยิ้มอายๆ มู่หว่านฉิงเหลือบมองหญิงสาวแวบหนึ่ง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเดินออกไป เธอไม่อยากพูดกับเด็กสาวคนนี้อีกต่อไปแล้ว
เป็นเพราะมู่หว่านฉิงชอบลู่เป่ยเฉิน เธอจึงพยายามที่จะทำตัวสุภาพกับลู่ชูเซี่ย แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าลู่ชูเซี่ยกำลังทำตัวเหมือนคนไร้ความคิด ที่พูดถึงหลินเช่อในแง่ไม่ดีแบบนั้น หล่อนมาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกันนะ นี่หล่อนสนใจในตัวจิ้งเจ๋องั้นเหรอ
มู่หว่านฉิงคิดถึงเรื่องนี้อยู่เพียงครู่เดียว ก่อนที่จะมีคนมาตาม เธอจึงรีบเดินเข้าไปภายในงาน
ลู่ชูเซี่ยกัดฟันแน่น เมื่อหันไปเห็นมารดาของตัวเองกำลังมีสีหน้าเป็นกังวลอยู่ ลู่ชูเซี่ยจึงเดินเข้าไปหา
“แม่คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
คุณนายลู่ตอบ “ก็พี่ชายตัวดีของแกน่ะสิ อยู่ๆ ก็หายตัวไปซะงั้น! ฉันกลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว แกยังจะมีหน้ามาเตร็ดเตร่ไปทั่วอยู่อีก”
ลู่ชูเซี่ยว่า “แม่คะ พี่เขาไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะคะ เดี๋ยวเขาก็กลับมาเองนั่นแหละ แม่จะกังวลไปทำไม”
“ก็เพราะวันนี้เป็นวันแต่งงานของเขาน่ะสิ แกไม่เห็นเหรอว่าในงานมีคนมากมายขนาดไหน แล้วจะไม่ให้ฉันร้อนใจได้ยังไง แล้วนี่แกจะรีบมาทำไมเนี่ย”
ลู่ชูเซี่ยตอบ “ก็หนูบอกแม่แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าหนูสนใจกู้จิ้งเจ๋อ”
“ฉันว่าแกยอมแพ้ซะดีกว่า แม้แต่ฉันยังรับประกันว่าจะช่วยแกไม่ได้เลย ฉันได้ยินมาว่าลูกสะใภ้เขาแต่งเข้าตระกูลกู้มาได้พักใหญ่แล้ว ถ้าหล่อนสามารถแต่งงานกู้จิ้งเจ๋อได้ทั้งที่ไม่ได้มีฐานะทางสังคมดีเด่อะไร นั่นก็พิสูจน์ว่าพวกเขาต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่างนั่นแหละที่ยอมรับหล่อนเข้ามาเป็นสะใภ้ แกไม่ควรจะเข้าไปยุ่งนะ”
“แม่คะ แม่ไม่รู้อะไร ที่แม่นั่นได้แต่งงานก็เพราะว่าบ้านตระกูลกู้เขาไม่ชอบโม่ฮุ่ยหลิง ก็เลยวางแผนให้กู้จิ้งเจ๋อต้องเลิกกับโม่ฮุ่ยหลิง ในเมื่อพวกเขาเลิกกันแล้ว คนอย่างนังหลินเช่อนั้นจะมาเทียบกับหนูได้ยังไงล่ะคะ หนูไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครในตระกูลกู้ที่ชอบนังหลินเช่อจริงๆ จนถึงกับจะยอมให้แม่นั่นขึ้นเป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลน่ะ หนูจะเข้าไปทำตัวให้เป็นคนโปรดของคุณนายกู้ แล้วก็ปู่ของเขา สุดท้ายแล้วเขาก็คือคนสำคัญที่จะตัดสินใจเรื่องทุกอย่างในครอบครัว ถ้าหนูสามารถเข้าไปเป็นคนโปรดของเขาได้ละก็ หนูก็จะมีโอกาสได้แต่งงานกับกู้จิ้งเจ๋อ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็เท่ากับเราชนะศึกไปแล้วครึ่งนึงเลยนะคะ”
ลู่ชูเซี่ยพูดกับมารดาด้วยความภาคภูมิ “แม่คะ ดูหนูกับดูหลินเช่อสิคะ คนไหนที่คุณปู่ตระกูลกู้จะต้องชอบมากกว่ากัน”
นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ต้องตอบ
ลู่ชูเซี่ยมั่นใจในตัวเองอย่างที่สุด
เมื่อคุณนายลู่เห็นว่าคงไม่มีทางที่จะห้ามปรามบุตรสาว เธอจึงทำได้เพียงส่ายหน้า “ช่างเถอะ ฉันจะไปตามหาพี่ชายแกก่อนละ”
หลังจากนั้นลู่ชูเซี่ยก็ไม่ได้พูดอะไรกับแม่ตัวเองอีก หล่อนเหลียวมองไปรอบๆ แล้วก็ได้เห็นหลินเช่อกับกู้จิ้งเจ๋อ เขากำลังกุมมือเธอเอาไว้ การได้เห็นหลินเช่อยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มทำให้หล่อนยิ่งโมโห
ที่น่าหงุดหงิดยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ท่าทางหลินเช่อเองก็ไม่ได้ถูกความมีอำนาจของกู้จิ้งเจ๋อข่มเอาไว้จนดูหงอเมื่อยืนอยู่ตรงนั้นเสียด้วย
นังหลินเช่อ แกมีสิทธิ์อะไรมายืนอยู่ข้างกู้จิ้งเจ๋อแบบนี้
ที่ข้างตัวเธอ เธอได้ยินแขกในงานคนหนึ่งพูดขึ้น “คนสวยๆ ที่ยืนอยู่ข้างกู้จิ้งเจ๋อนั่นใครน่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่หล่อนสามารถยืนอยู่ข้างเขา แล้วก็พูดคุยกับคุณนายกู้และญาติพี่น้องคนอื่นๆ ได้ ก็แสดงว่าสถานะของหล่อนคงไม่ธรรมดาหรอก”
“อย่าบอกน่ะว่านั่นคือคนพิเศษของกู้จิ้งเจ๋อน่ะ หล่อนสวยจังเลย ยืนด้วยกันแบบนี้แล้วดูสมกันอย่างกับอะไรดี”
“ใช่ ชุดสีแดงนั่นดูสวยมาก มีข่าวลือบอกว่ากู้จิ้งเจ๋อกำลังคบหาอยู่กับคุณหนูลู่ จากตระกูลลู่ ตอนนั้นมีคนบอกด้วยซ้ำว่าพวกเขาอาจจะใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ตอนนี้ดูท่าทางว่าจะไม่ใช่แบบนั้นเสียแล้ว ฉันว่านี่แหละตัวจริงละ”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จะว่าไป คนนี้ก็ดูไม่ได้แต่งเนื้อแต่งตัวมากมายเหมือนคุณหนูลู่ แต่หล่อนกลับดูสวยกว่าคุณหนูลู่ซะอีกนะ”
“จริงด้วย หน้าหล่อนดูคุ้นๆ อยู่นะ ฉันว่าฉันเคยเห็นหน้าหล่อนที่ไหนมาก่อน”
“จริงเหรอ เธอจะบอกว่าเคยเห็นหน้าผู้หญิงที่กู้จิ้งเจ๋อควงมาก่อนน่ะเหรอจ๊ะ ฝันไปเถอะ”
“แต่จะยังไงก็เถอะ สถานะของเธอคงจะพิเศษไม่น้อยทีเดียวถึงได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นได้ ดูเอาเถอะ ว่าไม่ใช่ใครนอกจากคนในตระกูลกู้เลยที่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นเลยนะ”
ลู่ชูเซี่ยฟังแล้วร้อนใจ เธอกระแทกแก้วไวน์ในมือลงบนโต๊ะ
แล้วใครคนหนึ่งก็สังเกตเห็นลู่ชูเซี่ย คนทั้งกลุ่มรีบทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ประหนึ่งว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหันไปสนทนากันเรื่องอื่นแทน
ลู่ชูเซี่ยทำท่ารังเกียจ หล่อนเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีก่อนจะเดินตรงเข้าไป
พวกนั้นกล้าดียังไงถึงมาบอกว่านังแพศยาชั้นต่ำอย่างหลินเช่อสวยกว่าเธอ
ตาบอดกันไปหมดแล้วหรือไงนะ
เมื่อหลินเช่อเห็นว่าเป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว แต่พิธีแต่งงานก็ยังไม่เริ่ม หญิงสาวจึงชักสงสัย
ผู้คนในงานต่างพากันมองมาที่พวกเธอ กู้จิ้งเจ๋อไม่มีท่าทีอะไร สีหน้าของเขาสงบนิ่งเป็นปกติ ซึ่งยิ่งทำให้แขกในงานยิ่งสับสน ทั้งรู้สึกว้าวุ่นและสงบใจในเวลาเดียวกัน
หลินเช่อเห็นว่าท่าทางทุกคนดูเหมือนจะกำลังรอดูท่าทีของกู้จิ้งเจ๋อ หญิงสาวจึงอดเป็นกังวลไม่ได้ เธอดึงเอวเขาเบาๆ แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงยังไม่เริ่มพิธีอีกล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองด้านนอกและบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก รอก่อนเถอะ”
หลินเช่อว่า “หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ถ้าลู่เป่ยเฉินกล้าเล่นตลกอะไรละก็ ตระกูลกู้ไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่ เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราก็แค่รอก่อนเท่านั้น”
หลินเช่อได้ยินเช่นนั้นก็อดใจคอไม่ดีไม่ได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากแล้วมองสีหน้าอันเย่อหยิ่งดุดันของชายหนุ่ม
แต่ที่น่าหงุดหงิดก็คือ ไม่ว่าเขาจะทำหน้าแบบไหน ก็ดูจะมีแววเย่อหยิ่งถือดีแบบนี้เป็นปกติอยู่เสมอ
แล้วมู่หว่านฉิงก็โผล่ออกมาจากด้านใน เธอรีบเดินตรงมา มองหน้ากู้จิ้งเจ๋อและบอกว่า “จิ้งเจ๋อ เกิดเรื่องแล้วละ”
หลินเช่อรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที
มู่หว่านฉิงพูดเบาๆ ว่า “พวกตระกูลลู่บอกว่าพวกเขาหาตัวลู่เป่ยเฉินไม่เจอ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ลูกคิดว่างานแต่งงานคืนนี้…”
กู้จิ้งเจ๋อชะงัก เขาดึงหลินเช่อให้เดินตามไปด้วย “มาเถอะ เข้าไปดูกันหน่อย”
หลินเช่อตกลง เธอรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย จึงได้เพียงแต่พยักหน้าและเดินตามเขาเข้าไป
มู่หว่านฉิงเดินนำทั้งคู่เข้าไปก่อน กู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อตามหลังไป
ลู่ชูเซี่ยกำลังมองหากู้จิ้งเจ๋ออยู่พอดี เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านในหล่อนก็เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมา หญิงสาวนิ่วหน้า กัดฟันกรอดอย่างเกลียดชัง อยากจะพุ่งตามเข้าไปด้วย
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ถึงประตู บอดี้การ์ดหลายคนก็ออกมาขวางเอาไว้เสียก่อน
ลู่ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความโมโห “พวกแก…นี่แกพวกแกจะทำอะไรน่ะ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ฉันลู่ชูเซี่ยนะ ให้ฉันเข้าไปเดี๋ยวนี้”