เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 320
“งั้นรึ ไม่เอาน่า แม่หนูลู่ ทำไมถึงจะต้องมีพิธีรีตองด้วย” กู้เซียนเต๋อว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะ นี่เป็นสิ่งที่พ่อของหนูนำกลับมาจากอาร์คติค หนูนำตัวอย่างบางส่วนมาให้คุณปู่ได้ดูก่อน พ่อของหนูบอกว่ามันเป็นของดีมาก”
“ถ้าอย่างงั้นก็ต้องบอกว่าขอบใจมากที่อุตส่าห์ลำบากนะ”
ลู่ชูเซี่ยยิ้มก่อนจะเดินออกไปหยิบของขวัญ
คราวนี้ ไม่ว่าหญิงสาวจะเยื้องกรายไปทางไหน ใครๆ ต่างก็พากันจ้องมองหล่อน
ใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่พูดขึ้นว่า “คนในตระกูลคงจะต้องนับถือท่านประมุขกู้กันอย่างมากเลยทีเดียว”
“ใช่สิ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสได้เห็นเขา ถึงจะเห็นอยู่ไกลๆ ก็เถอะ อย่างน้อยฉันก็มีโอกาสได้เห็นเขาแล้ว”
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วเธอเห็นรึเปล่าน่ะ ว่าทุกคนที่อยู่ข้างตัวเขาล้วนแต่เป็นคนสำคัญของตระกูลทั้งนั้น ท่านประมุขกู้มีนิสัยประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง เขาไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้ตัวเขาได้ทั้งนั้น”
“ใช่แล้วละ ตอนนี้พอมองดูดีๆ แล้ว คนที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ล้วนแต่เป็นคนสำคัญของตระกูลกู้ทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ”
“ดูเหมือนว่าท่านประมุขจะชอบคุณหนูลู่เอามากๆ เลยละ”
“ดูสิว่าท่านประมุขชอบใจหล่อนมากขนาดไหน”
“ลืมมันซะเถอะ เธอไม่ควรฝันไปไกล เว้นเสียแต่ว่าเธอจะเก่งกาจสามารถเหมือนคุณหนูลู่แล้วก็มีครอบครัวทรงอิทธิพลอย่างหล่อนนะ”
ลู่ชูเซี่ยอดภาคภูมิใจขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น หล่อนฮัมเพลงอย่างสบายใจยามเดินผ่านพวกเขา มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างลืมตัว
เมื่อกลับมา หญิงสาวก็มอบของขวัญให้กับประมุขกู้ นั่นทำให้กู้เซียนเต๋อยิ่งพอใจมากขึ้นไปอีก คนอื่นๆ พากันนึกริษยาหนักข้อขึ้นเมื่อเห็นหล่อนนั่งอยู่ตรงนั้น
แล้วก็มีคนประกาศขึ้นว่า กู้จิ้งหมิงและกู้จิ้งเจ๋อมาถึงแล้ว
ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นเพื่อทักทายท่านประธานาธิบดีและกู้จิ้งเจ๋อกันเป็นการใหญ่
สองพี่น้องเดินตามกันมา พวกเขามีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่มีรัศมีบางอย่างที่แตกต่างกัน ในฐานะประธานาธิบดี กู้จิ้งหมิงฉายพลังแห่งความถูกต้องและยุติธรรม ในขณะที่กู้จิ้งเจ๋อที่มักไม่ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจดูจะเต็มไปด้วยความเย็นชา ชายหนุ่มฉายพลังของคืนค่ำอันดำมืดที่ดูจะจู่โจมประสาทสัมผัสของผู้ที่ได้พบเห็น โดยมีหลินเช่อเดินตามมาข้างกาย ทั้งสามเหมือนภาพวาดอันงดงามที่ทำให้ใครต่อใครต้องพากันหันมามอง
ลู่ชูเซี่ยเชิดหน้าขึ้นทันทีเมื่อเธอเห็นว่าหลินเช่อกำลังเดินเข้ามาพร้อมกันด้วย
เมื่อเห็นผู้เป็นปู่ ทั้งกู้จิ้งหมิงและกู้จิ้งเจ๋อจึงเดินตรงเข้ามาทักทายชายชราก่อน
“คุณปู่ มาแล้วหรือครับ”
“คุณปู่” ทั้งสองโค้งทำความเคารพ
“เอาละ เอาละ พวกแกนั่งลงเถอะ เอ้านี่ เสี่ยวเช่อ ฉันยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมไม่เห็นเธอตอนแรก เร็วเข้า มานี่เถอะ”
เมื่อกู้เซียนเต๋อเห็นหญิงสาวก็รีบร้องเรียก
หลินเช่อรีบยิ้มและเดินเข้าไปหา เธอส่งยิ้มสดใสให้ในขณะที่ประมุขของตระกูลกำลังมองตรงมา หญิงสาวไม่ได้ทักทายเขาอย่างมีพิธีรีตองเหมือนสองพี่น้อง แต่พูดขึ้นอย่างสนิทสนมว่า “คุณปู่ มาถึงแล้วหรือคะ”
กู้เซียนเต๋อว่า “ใช่ ฉันแก่แล้วก็จริง แต่ก็ยังอยากมาร่วมสนุกกับเขาเหมือนกันน่ะ”
“ถ้าคุณปู่ไม่มา คงจะเกิดเรื่องใหญ่แน่เลยค่ะ คุณปู่ทำถูกแล้วที่มานะคะ”
“หือ มีใครก่อเรื่องงั้นรึ” กู้เซียนเต๋อถาม
หลินเช่อว่า “จะเป็นใครไปได้ล่ะคะ ก็กู้จิ้งเจ๋อน่ะสิคะ”
“เขารึ คราวนี้เขาก่อเรื่องอะไรอีก” กู้เซียนเต๋อถามด้วยความใคร่รู้
หลินเช่อตอบ “ก็ที่เขาเอาแต่รังแกหนูที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก่อนหน้านี้น่ะสิคะ งานแต่งงานเป็นงานใหญ่แล้วก็มีแขกมากันเยอะแยะ นี่เป็นครั้งแรกที่หนูได้มาร่วมงานใหญ่ขนาดนี้ ก็ต้องมีหลายเรื่องที่หนูไม่รู้ใช่มั้ยล่ะคะ เขาก็เอาแต่ล้อหนูอยู่เรื่อย ฮึ”
เมื่อกู้เซียนเต๋อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มหัวเราะ เขาเงยหน้าขึ้นพูดกับหลานชายว่า “แกไม่มีอะไรทำที่ดีไปกว่าแกล้งหลินเช่อแล้วหรือไง”
กู้จิ้งเจ๋อถลึงตาใส่หญิงสาว และตอบว่า “ก็เขาชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่นี่ครับ แค่ล้อเล่นแค่นี้ก็ถือว่าเป็นการรังแกแล้วหรือครับ” เขาหันไปมองหลินเช่อ “ดูสิว่าเธอนิสัยเสียแค่ไหน คอยแต่ทำตัวขี้ฟ้องอยู่นั่นแหละ”
หลินเช่อร้องแล้วรีบเกาะแขนชายชราด้วยทีท่าหวาดกลัว “คุณปู่คะ คุณปู่ ดูกู้จิ้งเจ๋อสิคะ ตวาดหนูอีกแล้ว หนูตัวเล็กแค่นี้ เดี๋ยวเขาก็รังแกหนูอีก”
กู้เซียนเต๋อหัวเราะดังขึ้นไปอีก เขาพูดกับหลินเช่อว่า “อย่าไปกลัวเขา ปู่จะช่วยเอง ดูซิว่าเขายังจะกล้ารังแกอีกหรือเปล่า”
“จริงค่ะ จริง ถ้าคุณปู่มาถึงเร็วกว่านี้อีกหน่อยละก็ เขาจะต้องไม่กล้าแกล้งหนูแน่ แต่ที่นี่ใหญ่มากจริงๆ ดูเหมือนว่าจะมีคนมางานเยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะคะ” หลินเช่อว่า
“ใช่ ครอบครัวเราเชิญคนมาอย่างน้อยห้าร้อยคนในคืนนี้ แต่ส่วนพวกที่เหลือนั่น ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาหาทางเข้ามาในงานได้ยังไง รวมๆ แล้ว ฉันเดาว่าน่าจะมีแขกมากกว่าพันคนได้” กู้เซียนเต๋อบอก
หลินเช่อหันมองชายชราด้วยทีท่าประหลาดใจ “ว้าว เยอะจังเลยนะคะ”
คนที่หาทางเชิญตัวเองเข้ามาในงานนี้ได้ หากไม่เป็นพวกที่มีฐานะดีมากและเป็นที่นับหน้าถือตามอง ก็มักจะใช้เล่ห์กลบางอย่างเอา
นี่แปลว่าบรรดาเศรษฐีทั้งหลายในประเทศต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่ล่ะสิ
กู้เซียนเต๋อมองสีหน้าประหลาดใจของหลินเช่อ ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาก็แค่อยากจะมาแสดงความสำคัญของตัวเองกันเท่านั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก”
หลินเช่อพูดต่อไป “มีคนอยากจะเข้ามาเอาใจคุณปู่เยอะขนาดนี้ ตระกูลกู้นี่น่าประทับใจจังเลยนะคะ…”
“ฮ่าๆๆ เด็กโง่ แต่สิ่งที่เจ้าพูดก็ถูกอยู่หรอกนะ พอลองคิดแบบนั้นดูแล้ว ฉันก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกัน”
“ถึงยังไงมันก็เป็นความจริงค่ะ” หลินเช่อว่า
กู้เซียนเต๋อตบลงบนที่ว่างข้างตัวเป็นการบอกให้หลินเช่อนั่งลง เดี๋ยวเดียวทั้งกู้เซียนเต๋อและหลินเช่อก็นั่งอยู่ข้างกัน ก่อนที่ประมุขของตระกูลจะถามไถ่หญิงสาวต่อไปว่าเธอมีปัญหาอะไรในชีวิตประจำวันบ้างหรือเปล่า
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นจ้องกู้จิ้งเจ๋อ “ปัญหาหรือคะ ปัญหาก็คือกู้จิ้งเจ๋อที่เอาแต่คอยแกล้งหนูนี่แหละค่ะ”
กู้เซียนเต๋อว่า “ที่เขาแกล้งก็เพราะว่าเขาชอบเจ้า!”
“ไม่จริงหรอกค่ะ เขาคอยพูดอยู่ตลอดว่าหนูโง่ หนูเจ็บใจมากเลยนะคะคุณปู่ คุณปู่ช่วยบอกเขาว่าต่อไปนี้ห้ามเขาว่าหนูโง่อีกได้มั้ยคะ เขาพูดบ่อยมากซะจนหนูรู้สึกเป็นปมด้อยแล้วเนี่ย!”
“จริงรึ เขาทำแบบนั้นมันไม่ถูกนะ เสี่ยวเช่ออย่าโมโหไป รอเดี๋ยวก่อน ปู่จะไปจัดการลงโทษเขาให้เอง”
คราวนี้หลินเช่อรีบพยักหน้าเป็นการใหญ่ “คุณปู่ดีกับหนูที่สุดเสมอเลย!”
เพียงครู่เดียวเท่านั้น ลู่ชูเซี่ยก็ถูกหลินเช่อลดความสำคัญลงทันที เธอเฝ้ามองหลินเช่อที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่กับกู้เซียนเต๋ออยู่ตรงนั้น ได้เห็นกู้เซียนเต๋อหัวเราะเสียงดังเมื่อหลินเช่อถามคำถามแปลกๆ หนำซ้ำชายชรายังมีท่าทีเป็นกันเองอย่างมากอีกด้วย
ลู่ชูเซี่ยได้ยินใครบางคนถามขึ้นทางด้านหลังว่า “คนที่นั่งอยู่ข้างท่านประมุขกู้เป็นใครกันน่ะ”
“นั่นน่ะสิ ฉันไม่เคยเห็นใครใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาขนาดนี้มาก่อนเลย”
“เขาถึงขนาดยอมให้หล่อนนั่งข้างๆ ด้วยนะ คงจะสนิทกันมากทีเดียวละ”
“แถมหล่อนยังทำให้เขาหัวเราะได้ไม่หยุดอีกต่างหากแน่ะ”
ขณะที่นั่งอยู่ตรงนั้น ลู่ชูเซี่ยรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นธาตุอากาศ
แต่หล่อนก็ไม่ยอมล่าถอยออกไปง่ายๆ แม้ว่าใจจริงจะอยากทำเช่นนั้นก็ตาม ถึงอย่างไรหล่อนก็มีสู้อุตส่าห์ฝ่าฟันจนได้เข้ามานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว หากหนีออกไปก็ใช่ว่าจะกลับเข้ามาได้ง่ายๆ ขณะที่นั่งอยู่ตรงนั้น หญิงสาวรู้สึกเต็มไปด้วยความอึดอัด ยิ่งเมื่อเห็นท่าทีภาคภูมิของหลินเช่อด้วยแล้ว หล่อนยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแผดเผาด้วยโทสะ
สุดท้าย ลู่ชูเซี่ยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น เพราะหากลุกออกไปก็คงจะไม่คุ้มกัน
และในเมื่อลุกออกไปไม่ได้ หล่อนก็จำต้องนั่งมองหลินเช่อและกู้เซียนเต๋อพูดคุยกันต่อไปพร้อมกับสมาชิกคนอื่นของตระกูลกู้แบบนั้น หลายคนนึกอิจฉาความกล้าของหลินเช่อ แต่ก็ไม่มีใครที่อาจหาญพูดจากับประมุขของบ้านแบบนั้น
แม้แต่ลู่ชูเซี่ยเองก็ยังอดหวาดเสียวแทนไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเช่อ
หลินเช่อไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย และกล้าพูดทุกอย่างที่ใจคิด
แต่ถึงกระนั้น กู้เซียนเต๋อก็ยังคงหัวเราะร่วนในขณะที่ฟังเธอพูด หนำซ้ำยังตั้งอกตั้งใจตอบคำถามงี่เง่าของหลินเช่อเป็นอันดี