เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 337
หลินเช่อสั่นสะท้าน ราวกับว่าเขาได้ฉกชิงเอาวิญญาณของเธอไปแล้วก่อนหน้านี้โดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว และตอนนี้เธอก็รู้สึกได้ว่ามือเขากำลังซุกซนอยู่ในกางเกงเธอ จนเธอต้องรีบเอื้อมไปคว้าไว้
“กู้จิ้งเจ๋อ อย่าค่ะ…” หลินเช่อบอก
“ยัยโง่ ฉันก็แค่ขอดูหน่อยเท่านั้นเอง” เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและจูบเธอเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราวกับอยู่ในภวังค์ “ฉันขอดูนิดเดียวเท่านั้น ไม่ทำอะไรหรอกนะ สบายใจได้”
“ขอดู… ขอดูอะไรกันคะ…” หลินเช่อถามด้วยความไม่แน่ใจ แต่อีกฝ่ายยิ่งกดจูบหนักหน่วงด้วยทักษะที่ทำเอามือเท้าของหญิงสาวอ่อนเปียกสิ้นเรี่ยวแรง หลินเช่อรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอชาหนึบราวกับไม่ใช่ปากของเธอเอง
เขาดึงกางเกงของเธอลงแล้วมองดูพื้นที่ส่วนหวงแหนของเธอ
เขายังไม่ลืมเรื่องที่เธอยังบาดเจ็บอยู่
เมื่อถอดกางเกงออกไป เขาก็ได้เห็นว่าเนื้อตัวของเธอยังคงมีร่องรอยฟกช้ำหลงเหลือให้เห็น
แม้ว่าจะผ่านไปสองสามวันแล้ว แต่รอยเหล่านั้นก็ยังคงอยู่เด่นชัด
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ดวงตากระตุกไหวด้วยอารมณ์
หัวใจเขาเจ็บแปลบปลาบ
กู้จิ้งเจ๋อหลับตาลง เขาเอ่ยปากขึ้นอีกครั้งหลังจากที่สามารถควบคุมความชิงชังที่มีต่อตัวเองเอาไว้ได้แล้วว่า “หลินเช่อ ฉันไม่เคยต้องการทำร้ายเธอเลยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เธอเจ็บ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนั้น ไม่ใช่ความอยากที่จะทำร้ายเธอ ฉันแค่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้”
ไม่ใช่เพราะเขาอยากทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ทำร้ายเธอลงไป เขาเพียงแต่อยากสัมผัสถึงความสงบสบายใจที่ถ่ายทอดมาจากร่างกายเธอเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอต้องบาดเจ็บรุนแรงขนาดนี้
หลินเช่อฟังเขารื้อฟื้นเหตุการณ์ที่ผ่านมาขึ้นอีกครั้ง
เธอหันไปมองเขา ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจสิ่งที่เขาทำลงไปบ้างแล้วหลังจากที่ได้รู้ว่าเขาโกรธจัดเพราะเข้าใจเธอผิด แม้ว่าเธอจะยังไม่หายโกรธที่เขาปฏิบัติต่อเธอแบบนั้น แต่หลินเช่อก็รู้สึกสบายใจขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเพิ่งจะรอดตายมาได้อย่างฉิวเฉียด ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าการที่เขายังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
ตราบใดที่เขายังปลอดภัยดี เธอก็ยินดีที่จะยอมยกโทษให้ในสิ่งที่แล้วมา
อีกอย่างเธอเองก็สัมผัสได้ว่ากู้จิ้งเจ๋อเองก็รู้สึกผิดอย่างมหาศาลแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อนึกถึงท่าทีของเขาที่เธอได้เห็นก่อนหน้านี้ เธอก็คิดว่าคนที่ตั้งอยู่ในความผิดชอบชั่วดีอย่างเขา คงแทบทนรับความจริงที่ตัวเองทำกับเธอแบบนี้แทบไม่ไหวอยู่แล้ว
หลินเช่อจึงตอบไปว่า “เอาละค่ะ เลิกคิดเรื่องนี้ซะที ฉัน…ฉันเข้าใจค่ะ คุณไม่ได้ตั้งใจ เราอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะคะ”
“ไม่ได้ ถ้าเธอตัดสินใจแล้วว่าเธอไม่ต้องการให้ฉันแตะต้องเธออีกเพราะเรื่องนี้ ฉันก็จะเคารพการตัดสินใจของเธอ” กู้จิ้งเจ๋อไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นปีศาจร้ายได้ขนาดนี้ ในตอนนี้ที่เขาได้รู้ความจริงแล้วว่า ระหว่างหลินเช่อและกู้จิ้ิ้งอวี่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น และเธอไม่ได้บรรจงเลือกของขวัญชิ้นนั้นเป็นพิเศษเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจผิดไปเอง ความรู้สึกผิดและตำหนิตัวเองที่เขารู้สึกอยู่ข้างในก็ยิ่งรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าทวี
หัวใจของหญิงสาวอุ่นวาบเมื่อหันไปมองเขา แล้วทันใดในความรู้สึกอับอายอดสูที่เธอมีตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก็ค่อยๆ ลดน้อยถอยลง
เธอหันมองเขา แตะข้อศอกของชายหนุ่มแล้วบอกเบาๆ ว่า “ช่างเถอะค่ะ อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย ไหนคุณบอกว่าอยากนอนพักไงคะ มาเถอะค่ะ นอนกันดีกว่า”
กู้จิ้งเจ๋อว่า “แต่…”
แก้มของหลินเช่อแดงร้อนไปหมด เธอเอื้อมแขนออกไปโอบรอบคอคนตัวใหญ่ แล้วค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้เขา ใช้วิธีการเดียวกันกับที่เขาใช้กับเธอเมื่อครู่
เมื่อได้สัมผัสกับริมฝีปากบอบบางเหมือนกลีบดอกไม้ หัวใจกู้จิ้งเจ๋อก็พองโต
เธอเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเอง
ขณะที่กำลังสูดกลิ่นหอมจากร่างนั้น เขาก็รู้สึกว่าริมฝีปากของเธอกลับหวานฉ่ำเกินห้ามใจ หวานเกินไปแล้ว หวานจนถึงจุดที่ร่างกายของเขาอ่อนยวบไปหมดทุกส่วน
เขาไม่รู้ว่าเนิ่นนานแค่ไหนกว่าที่ทั้งสองร่างจะแยกออกจากกัน แต่ทั้งเธอและเขาต่างก็หอบหายใจจนตัวโยน หลินเช่อได้ยินเสียงหมอที่อยู่ข้างหน้ากำลังจะเข้ามาวัดไข้ให้ชายหนุ่ม เธอจึงรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่โดยเร็วและตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมตัว ไม่กล้าที่สบตาเขา
ส่วนทางด้านกู้จิ้งเจ๋อนั้นกลับนั่งตัวตรงแน่ว ดวงตาดำสนิทของเขาสงบนิ่งราบเรียบเหมือนราตรีอันลึกล้ำ ปราศจากความหวั่นไหวใดๆ
เขาขยับตัวให้เข้าที่ และรอคอยผู้ที่จะเข้ามาวัดอุณหภูมิร่างกายให้ด้วยเครื่องวัดทางช่องหู
แล้วคุณหมอก็พูดอย่างประหลาดใจทีเดียวว่า “คุณกู้ครับ ไข้คุณออกจะสูงไปหน่อย เดี๋ยวผมจะให้คนเข้ามาตรวจดูนะครับ”
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มบอก “เดี๋ยวไข้ก็ลดเองนั่นแหละ ขอเวลาฉันซักเดี๋ยว”
“หือ” หมอมองหน้าเขาด้วยความงุนงง แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดูเย็นชาและราบเรียบคู่นั้นแล้ว ผู้เป็นแพทย์ก็ไม่กล้าซักไซ้อะไรอีก เขาจึงได้แต่พยักหน้าโดยเร็วและรีบกลับออกไป
เมื่อหมอออกจากห้องไป กู้จิ้งเจ๋อก็หันมาหาหลินเช่อที่อยู่ในอ้อมแขน
เธอยังคงไม่กล้ามองหน้าเขาอยู่นั่นเอง สงสัยว่าที่ตัวเองหาญกล้าขนาดเป็นฝ่ายจูบเขาได้นี่ คงเป็นเพราะเมื่อครู่สมองเธอช็อตไปชั่วขณะกระมัง
เธอไม่เคยเป็นฝ่ายรุกผู้ชายมาก่อนเลย ตอนนี้หลินเช่อจึงรู้สึกเหมือนว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนเหมือนจะไหม้
แต่น้ำเสียงของชายหนุ่มกลับยิ่งนุ่มนวลกว่าเก่าเสียอย่างงั้น เขายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเธอพยายามหลบหน้าหลบตา เขากอดเธอไว้และพูดว่า “เอาละ นอนกันเถอะ”
หลินเช่อไม่กล้าพูดอะไรอีก ตอนนี้การรีบนอนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!
หญิงสาวซุกศีรษะลงกับหมอน ขณะที่นอนอยู่นั้นเธอก็ยังคงได้กลิ่นความเป็นชายแผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา ปะปนด้วยกลิ่นเลือดจางๆ แต่นั่นดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้กลิ่นของเขาดูเป็นชายชาตรีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ขณะที่เธอสูดกลิ่นกายนั้นเข้าไป หลินเช่อก็รู้สึกราวกับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันมั่นคงปลอดภัย และผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น
ในขณะเดียวกันนั้น กู้จิ้งเจ๋อทำได้เพียงมองลงไปยังร่างกายที่ถูกปลุกเร้าให้ตื่นตัวขึ้น ก่อนจะหันไปมองหลินเช่อที่หลับใหลไปแล้วอย่างรวดเร็วด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ
เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำยังไงกับเธอดี
ข่าวเรื่องกู้จิ้งเจ๋อได้รับบาดเจ็บถูกเผยแพร่ออกไปในวันต่อมา
ทั้งสื่อมวลชนและสาธารณชนต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้รู้ว่ากู้จิ้งเจ๋อปลอดภัย แต่สภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงนั้นยังไม่ฟื้นคืนตัวดีนัก
มีการพูดคุยกับถึงทฤษฎีสมคบคิดมากมายหลายแบบ และนั่นยิ่งสร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจให้กับหลายๆ คน
ข่าวเรื่องการเข้าพักรักษาตัวของกู้จิ้งเจ๋อได้รับการเผยแพร่เป็นการส่วนตัวจากกลาส พาเลซ ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา บรรดาสื่อทั้งหลายต่างให้ความสนใจกับอาการบาดเจ็บของชายหนุ่ม และตอนนี้ทุกคนก็ได้รู้แล้วว่าเขาปลอดภัยและพ้นขีดอันตรายแล้ว ทุกคนจึงพากันตั้งคำถามใหม่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เรื่องเล่าหลากหลายเวอร์ชันถูกนำมาเล่าต่อกันเป็นทอดๆ ข่าวลือบางข่าวฟังดูราวกับนิยายน้ำเน่า
แล้วในท้ายที่สุด หลินเช่อก็ได้เข้าใจด้วยตัวเองแล้วว่า เหตุใดผู้คนถึงได้พากันพูดว่า ประเทศซีทั้งประเทศนั้นจะต้องสั่นสะเทือนเพียงแค่ตระกูลกู้กระทืบเท้า เธอไม่คิดเลยว่าการบาดเจ็บของกู้จิ้งเจ๋อจะส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่มากมายขนาดนี้ แม้แต่ตลาดเศรษฐกิจก็ยังปั่นป่วนวุ่นวายขนานใหญ่ในฉับพลัน
สถานที่รักษาตัวของกู้จิ้งเจ๋อถูกปิดเป็นความลับ คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ และหากไม่ได้มีอุปกรณ์พิเศษ ก็จะไม่มีใครเข้ามาที่นี่ได้ด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องสำคัญอีกหลายอย่างที่กู้จิ้งเจ๋อจะต้องรับมือ และนับตั้งแต่ฟื้นคืนสติขึ้นมา เขาก็ยังไม่ได้หยุดมือเลยแม้แต่น้อย
เขาต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ตรวจดูเอกสารต่างๆ รับมือกับเรื่องไม่คาดฝัน หลินเช่อเองก็ไม่ได้ออกไปไหน แต่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ ในขณะที่เขาจัดการกับปัญหาทั้งหลาย และคอยช่วยเหลือเขาในฐานะเลขาชั่วคราว เธอคอยวิ่งไปวิ่งมาดูแลเขา รินน้ำชาให้ หาน้ำให้ดื่ม หยิบเอกสาร และส่งข้อมูลต่างๆ
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อเริ่มลงมือจัดการกับธุรกิจ เขาก็มุ่งสมาธิในการทำงานอย่างมาก เขารู้ดีว่าหลินเช่ออยู่ใกล้ๆ ตัว แต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจเธอ
หญิงสาวจึงได้แต่เพียงนั่งมองเขาอยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าเนื้อตัวเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผล และมีผ้าพันแผลพาดพันอยู่แทบจะทั้งร่าง แต่เขาก็ยังดูสง่างามภูมิฐานอยู่นั่นเอง ท่าทางเด็ดขาดแน่วแน่ยามเขานั่งอยู่บนเตียงคนป่วยนั้นดูแล้วให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างที่สุด