เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 338
เขาดูแตกต่างจากกู้จิ้งเจ๋อที่เธอเคยเห็นตามปกติ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามา เธอจึงขออนุญาตเขาไปโทรหาอวี๋หมินหมิ่น
ยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอยังไม่ได้อธิบายให้ผู้จัดการของเธอฟังก่อนที่จะมาที่นี่ และหลินเช่อเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบกับการทำงาน
แต่เนื่องจากเธอและเขาต้องติดอยู่ที่นี่ และเธอเองก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของกู้จิ้งเจ๋อ
ในช่วงเวลานี้เองที่หลินเช่อได้รู้ตัวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยสนใจเรื่องความปลอดภัยของเขาอย่างจริงจังเลย ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงต้องมีการรักษาความปลอดอย่างเคร่งครัดรอบตัวชายหนุ่ม
กู้จิ้งเจ๋อส่งโทรศัพท์ของเขาให้และบอกว่า “ใช้เบอร์นี้โทรไปนะ ใช้โทรศัพท์ของเธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ปลอดภัย แต่ก็ระวังไว้ก่อน ใช้ของฉันแทนดีกว่า”
“อา จะเบอร์คุณหรือเบอร์ฉันเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ” หลินเช่อถามด้วยความสงสัย
เขาตวัดสายตามามองเธอ ก่อนจะหันไปอ่านเอกสารบนโต๊ะตัวเล็กต่อ และตอบเบาๆ ว่า “โทรศัพท์ฉันติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันการโจรกรรมขั้นสูงเอาไว้ด้วย ต่อให้เป็นอุปกรณ์ดักจับข้อมูลชั้นเยี่ยมที่สุดของโลกตอนนี้ก็ไม่สามารถหาโลเคชั่นของฉันเจอ เพราะฉะนั้น…” เขาตวัดสายตามองเธออีกรอบ “มันก็ยังแตกต่างจากโทรศัพท์ของเธออยู่ดี”
“…” ถ้างั้นก็ได้ เป็นของคนละระดับกันละสินะ เป็นอีกครั้งที่เขาช่วยสอนเธอให้เข้าใจถึงวิถีชีวิตของคนร่ำรวย
แต่ถึงอย่างนั้น หลินเช่อก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง
เมื่อได้โทรศัพท์มาไว้ในมือ หลินเช่อก็ออกไปโทรหาอวี๋หมินหมิ่น
ผู้จัดการสาวลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะรับสาย “คุณ…คุณกู้หรือคะ”
เธอเคยรับโทรศัพท์โดยได้ยินเสียงกู้จิ้งเจ๋อดังมาตามสายก่อนหน้านี้ ตอนนั้นเธอกลัวเสียจนแทบไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น คราวนี้หญิงสาวจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันเอง พี่อวี๋” หลินเช่อบอก
“โอ้ เธอนั่นเอง ยัยเด็กบ้า ทำเอาฉันกลัวซะแทบแย่ ฉันกำลังสงสัยอยู่เลยว่าอยู่ๆ กู้จิ้งเจ๋อจะโทรหาฉันทำไม โดยเฉพาะในช่วงเวลาฉุกเฉินแบบนี้ ฉันคิดว่าพวกเขาค้นพบว่าฉันเป็นสายลับหรืออะไรทำนองนั้นซะอีก”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ มันแค่ปลอดภัยกว่าที่ฉันจะใช้โทรศัพท์ของเขาโทรหาพี่น่ะ พวกเขากลัวว่าจะมีคนแอบดักฟังบทสนทนาหรืออะไรแบบนั้น”
“เธออยู่ที่นั่นคงไม่รู้สินะว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนี่ สนามบินยังคงถูกปิดเพื่อตรวจสอบ มีหน่วยพิเศษออกลาดตระเวนทั่วไปทั้งเมืองบี สถานการณ์ดูตึงเครียดมากเลยทีเดียว แต่ทุกคนก็ถกเถียงกันไม่เลิกว่าตอนนี้กู้จิ้งเจ๋อเป็นยังไงกันแน่ เขาปลอดภัยดีใช่มั้ย”
“ค่ะ นอกจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่หัวไหล่ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรหนักหนา”
“โอ เขาเสียโฉมหรือเปล่านั่น”
“…” หลินเช่อตอบ “ใครสนกันคะว่าตอนนี้เขาจะเสียโฉมหรือเปล่าน่ะ”
“คำถามส่วนใหญ่ที่อยู่ในใจทุกคนตอนนี้ก็คือกู้จิ้งเจ๋อเสียโฉมรึเปล่าน่ะสิ ถึงแม้ว่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่เคยเห็นว่าหน้าตาจริงๆ เขาเป็นยังไง แต่ทุกคนก็คิดว่ากู้…ท่านประธานาธิบดีแล้วก็กู้จิ้ิ้งอวี่น่ะหล่อเหลามาก เพราะงั้นเขาก็จะต้องหน้าตาเหมือนสองคนนั้นเหมือนกัน อีกอย่างทุกคนก็เคยเห็นภาพแอบถ่ายของเขามาแล้ว ก็เลยทำให้พอรู้กันคร่าวๆ ว่าเขาน่ะหล่อสุดๆ ไปเลย เพราะแบบนี้ทุกคนก็เลยสงสัยว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างน่ะสิ”
หลินเช่อได้แต่ตอบออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “เอาละค่ะ อันที่จริงอาการเขาดีขึ้นมากทีเดียว แล้วก็ไม่ได้เสียโฉมด้วย”
“เยี่ยมเลย ข้อมูลชิ้นนี้จะต้องมีราคามหาศาลทีเดียวถ้าฉันเอามันไปขายให้สื่อละก็”
“อะไรนะคะ”
“เปล่าหรอก ฉันล้อเล่นน่า นี่เธอคิดว่าฉันบ้าพอที่จะกล้าเอาข่าวเกี่ยวกับกู้จิ้งเจ๋อไปขายเลยเชียวเหรอ ฉันเดาว่าฉันจะต้องถูกอุ้มก่อนที่ข่าวจะทันไปถึงสื่อด้วยซ้ำ ว่าแต่ตกลงเขาไม่เป็นอะไรแน่ใช่มั้ย พวกเธอถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกกันแบบนั้น พวกสื่อทั้งหลายก็เลยไม่มีใครรู้ว่ากู้จิ้งเจ๋อไปเข้ารับการรักษาที่ไหน บรรดาโรงพยาบาลใหญ่ๆ หลายแห่งถูกห้อมล้อมไปด้วยสื่อเต็มไปหมด แต่พวกเขาก็หาไม่เจอว่ากู้จิ้งเจ๋ออยู่ไหน”
“ใช่ค่ะ พวกเราอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการป้องกันอย่างดี เขาสบายดีแล้วก็กำลังทำงานอยู่ด้วยตอนนี้ ที่ฉันโทรมาก็เพราะอยากจะถามว่าที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง อยู่ๆ ฉันก็หายตัวมาแบบนี้มันทำให้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ทุกคนคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ เพราะเธอถูกกลุ่มคนติดอาวุธมาพาตัวไปแบบนั้น พวกเราพากันช็อคสนิท แต่พอหลังจากนั้นพวกเขาได้รู้ว่าเธอปลอดภัยดี ทุกคนก็เริ่มสงสัยว่าเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับใครเข้าถึงได้ถูกพาตัวไปแบบนั้น ทางบริษัทอธิบายว่าเธออาจจะกลับเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ล่าช้าไปอีกซักสองสามวันเนื่องจากติดงานอื่น กู้จิ้ิ้งอวี่ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องนี้ เขาบอกว่าไม่เป็นไรในเมื่อเธอขอลาพัก”
“โอ้ ถ้างั้นก็ดีเลยค่ะ…”
“เอาละ อยู่ทางนั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันจะรับมือกับงานที่บริษัทให้เอง แค่ดูแลกู้จิ้งเจ๋อให้ดีเถอะ”
“อืม ค่ะ”
หลังจากวางสาย หลินเช่อก็เห็นเฉินอวี่เฉิงและเฉินโยวหรานกำลังเดินตรงมาทางเธอ สองคนนั้นเดินมาและตามกำกับด้วยกลุ่มคนที่มีอาวุธครบมือ
เมื่อเห็นหลินเช่อ เฉินโยวหรานทำท่าจะออกวิ่งเข้ามาหา
แต่ก็ถูกดึงเอาไว้ให้อยู่กับที่โดยเจ้าหน้าที่ติดอาวุธคนหนึ่งซึ่งอยู่ข้างเธอ
หลินเช่อรีบเดินเข้าไปและบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ เธอเป็นเพื่อนฉันเอง”
คนที่ยืนอยู่รอบข้างต่างพากันมองหน้าหลินเช่อ ในตอนแรกที่พวกเขาไม่รู้ว่าเธอคือคุณนายกู้ พวกเขาก็ปฏิบัติกับเธอแบบนี้เช่นกัน แต่เมื่อกู้จิ้งเจ๋อบอก พวกเขาจึงได้รู้ว่าหลินเช่อนั้นอยู่ในสถานะที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับกู้จิ้งเจ๋อเลยทีเดียว หลังจากนั้น แต่ละคนก็เริ่มปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพและให้เกียรติ
เฉินโยวหรานวิ่งเข้ามาหาเธอและพูดว่า “ให้ตายเถอะ กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ ทุกอย่างเป็นยังไงบ้าง กู้จิ้งเจ๋อปลอดภัยหรือเปล่า”
“จ้ะ เขาไม่เป็นไร พวกเธอสองคนมาที่นี่ทำไมกัน”
เฉินโยวหรานตอบ “เฉินอวี่เฉิงเป็นคนอยากมาที่นี่น่ะสิ ฉันก็เลยขอตามเขามาเปิดหูเปิดตาบ้าง”
เฉินอวี่เฉิงว่า “ผมก็แค่ขอมาดูเหมือนกันครับ บอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่ค่อยคุ้นกับเรื่องอาการบาดเจ็บภายในเท่าไหร่”
ในไม่ช้านายแพทย์หนุ่มก็เข้าไปพูดคุยกับกู้จิ้งเจ๋อ ส่วนเฉินโยวหรานรออยู่ที่ด้านนอกเพื่อที่จะคุยกับหลินเช่อ
“เออว่าแต่ทำไมฉันถึงโทรหาเธอไม่ติดเลยล่ะ นี่ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่ แต่เฉินอวี่เฉิงบอกว่าพวกเธอสองคนน่าจะอยู่ด้วยกัน ฉันก็เลยตามเขามาดูถึงที่นี่”
หลินเช่อตอบ “เพราะว่ามันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินน่ะจ้ะ ฉันก็เลยไม่ได้บอกเธอ แล้วหลังจากมาถึงที่นี่ ฉันก็ไม่กล้าใช้โทรศัพท์ตัวเองด้วย”
“แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ได้รู้ว่าเธอกับกู้จิ้งเจ๋อปลอดภัยดี ฉันก็สบายใจแล้วละ แต่ฉันไม่คิดเลยนะว่าการบาดเจ็บของเขาจะทำให้ทุกอย่างวุ่นวายได้ขนาดนี้ หลินเช่อ ต่อไปเธอจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะ” เฉินโยวหรานเตือนด้วยความเป็นห่วง
เมื่อมองเข้าไปข้างใน หลินเช่อก็จิกเล็บลงกับเนื้อของตัวเอง กู้จิ้งเจ๋อเป็นบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีและอ่อนโยนอย่างจริงใจ หนำซ้ำยังไม่เคยแสดงให้เธอเห็นเลยว่าเธอและเขาแตกต่างกันแค่ไหน แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่า ระหว่างเธอกับเขาจะไม่มีช่องว่างระหว่างกันอยู่
ในบางช่วงบางตอนที่โลกของเธอและเขาช่างแตกต่างกันอย่างสุดแสน และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความจริงข้อนี้ได้
เมื่อเธอเห็นนายแพทย์หนุ่มกลับออกมา เธอก็สลัดหน้าและเลิกคิดถึงเรื่องนี้
เมื่อเฉินอวี่เฉิงมองหน้าหลินเช่อ เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อได้เห็นว่า แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะรุนแรงแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ยังคงสงบสติอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นเรื่องผิดพลาดเลยในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
ตอนแรกเขาคิดว่าผู้หญิงสาวอย่างเธอน่าจะกลัวจนเสียขวัญไปนานแล้วเมื่อเจอเข้ากับเรื่องแบบนี้
เขารู้สึกเหมือนว่าได้เห็นอีกตัวตนหนึ่งของหลินเช่อ
เฉินโยวหรานกลับไปพร้อมเฉินอวี่เฉิง
ในเมื่อเฉินโยวหรานเป็นฝ่ายร้องขอให้เขาพาเธอมาด้วย เมื่อกลับออกไป นายแพทย์จึงทวงสัญญาขึ้นทันทีขณะที่กำลังขับรถ “จำไว้นะว่าเธอสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวฉันน่ะ”
เฉินโยวหรานทำปากยื่น เมื่อนึกถึงว่าเธอทำแบบนี้ก็เพื่อหลินเช่อ เธอจึงยอมตอบออกไปว่า “ก็ได้ ก็ได้ ฉันจะยอมเสียเปรียบคุณซักครั้งก็แล้วกัน”
ขี้เหนียวเป็นบ้า เฉินโยวหรานคิด เขาหาเงินได้ตั้งเยอะแยะ แต่กลับอยากให้คนธรรมดาอย่างเธอเลี้ยงข้าว
ผ่านไปพักใหญ่ ทั้งสองคนก็มาถึงย่านที่อยู่ของเฉินโยวหราน
สำหรับเฉินอวี่เฉิงแล้ว ที่นี่กลายเป็นสถานที่คุ้นเคยสำหรับเขาไปเสียแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะบังคับให้เธอต้องทำงานอยู่ใกล้ๆ เขา เพราะต้องการที่จะสอนบทเรียนต่างๆ ให้เธอได้รู้ตั้งแต่ต้น แต่เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่า นั่นจะทำให้เขาและเธอได้พบเจอกันบ่อยเสียจนแทบจะเหมือนอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้